14 ตุลาคม 2568 ชาวประมงจากสามชุมชนปากแม่น้ำกก ได้แก่ บ้านเชียงแสนน้อย บ้านสบคำ ตำบลเวียง และบ้านสบกก ตำบลบ้านแซว อำเภอเชียงแสน จังหวัดเชียงราย รวมตัวกันจัดเวทีหารือผลกระทบจากสารพิษในแม่น้ำกก พร้อมยื่นข้อเสนอ 4 ข้อให้หน่วยงานรัฐเข้ามาช่วยเหลือ หลังได้รับผลกระทบหนักจากการปนเปื้อนสารพิษจากเหมืองแร่ต้นน้ำในประเทศเมียนมา
การประชุมจัดขึ้นที่ศาลาตลาดปลาบ้านเชียงแสนน้อย โดยมี สืบสกุล กิจนุกร อาจารย์มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง และ สมาคมแม่น้ำเพื่อชีวิต ร่วมระดมข้อมูลจากชาวประมงกว่า 30 คน ซึ่งระบุว่ารายได้จากการทำประมงหายไปเกือบทั้งหมดตั้งแต่เดือนเมษายน 2568 หลังรัฐประกาศเตือนงดลงเล่นน้ำและพบปลาป่วยจากการปนเปื้อนสารพิษ
รายได้หด-ต้นทุนสูง

เวทีระบุว่า ชาวประมงในพื้นที่ส่วนใหญ่พึ่งพาการหาปลาเป็นรายได้หลัก ควบคู่กับการเกษตร โดยในรอบปี 12 เดือน มีเพียงช่วงฤดูน้ำหลากถึงน้ำลงประมาณ 6 เดือนเท่านั้นที่สามารถจับปลาได้มากและมีรายได้เฉลี่ยราว 52,000 บาทต่อคนต่อปี
ราคาปลาเศรษฐกิจตกลงอย่างต่อเนื่องในหลายชนิด เช่น
1. ปลาเค้า กิโลกรัมละ 250 บาทเหลือ 150 บาท
2. ปลาแข้ กิโลกรัมละ 250 บาทเหลือ 150 บาท (แต่ยังขายยาก)
3. ปลาคางเบือน กิโลกรัมละ 350 บาทเหลือ 200 บาท
4. ปลากา (เพี้ย) กิโลกรัมละ 150 บาท เหลือ 100 บาท
5. ปลาโจก กิโลกรัมละ 250 บาท เหลือ 240 บาท
6. ปลากดกิโลกรัมละ 120 บาท เหลือ 100 บาท
7. ปลากดคังกิโลกรัมละ 250 บาท เหลือ 200 บาท
8. ปลาสะงั่ว กิโลกรัมละ 400 บาท เหลือ 300 บาท
ขณะที่ต้นทุนการทำประมงกลับสูงขึ้น โดยชาวประมง 1 คนต้องใช้เงินกว่า 83,000 บาทต่อราย เพื่อเตรียมอุปกรณ์ก่อนออกหาปลา ประกอบด้วย
1. ค่าเรือและเครื่องเรือรวม 25,000 บาท
2. ค่าน้ำมันวันละ 150 บาท ตลอด 4 เดือน รวม 18,000 บาท
3. ค่าตาข่ายมองไหล รวม 45,000 บาท (ผืนละ 4,500 บาท จำนวน 10 ผืน)
4. ค่าไซลั่น อันละ 500 บาท จำนวน 10 อัน รวม 5,000 บาท
เมื่อนำมาคำนวณรวมในระดับชุมชน พบว่าชาวประมงพื้นบ้าน 3 หมู่บ้าน ได้แก่ บ้านสบคำ บ้านสบกก และบ้านเชียงแสนน้อย ซึ่งมีชาวประมงรวม 41 คน (บ้านสบคำ 22 คน บ้านสบกก 12 คน และบ้านเชียงแสนน้อย 7 คน) ต้องสูญเสียต้นทุนอุปกรณ์ไปกว่า 3,403,000 บาท ในปี 2568
การประเมินเบื้องต้นระบุว่า ชาวประมงทั้งสามชุมชนสูญเสียต้นทุนไปกว่า 3.4 ล้านบาท จากวิกฤตการปนเปื้อนในแม่น้ำกกครั้งนี้ ซึ่งส่งผลให้รายได้ของครอบครัวประมงลดลงอย่างรุนแรง และยังไม่มีแนวโน้มจะฟื้นตัวในระยะสั้น
ชาวประมงยื่น 4 ข้อเสนอถึงรัฐบาล
ชาวประมงทั้งสามชุมชนเรียกร้องให้รัฐเข้ามาแก้ปัญหาและเยียวยาผลกระทบ โดยเสนอ 4 ข้อหลัก ได้แก่
1.เยียวยาและชดเชยรายได้ ที่สูญเสียจากอาชีพประมง
2.สื่อสารอย่างตรงไปตรงมาและโปร่งใส เกี่ยวกับข้อมูลการตรวจสารพิษ
3.เร่งเจรจากับรัฐบาลเมียนมา เพื่อยุติการปล่อยของเสียจากเหมืองต้นน้ำ
4.ตรวจสุขภาพชาวประมงอย่างต่อเนื่อง พร้อมเปิดเผยข้อมูลและแนวทางป้องกันสารพิษปนเปื้อน
เร่งรวบรวมข้อมูลผลกระทบ
สมาคมแม่น้ำเพื่อชีวิต และ สืบสกุล กิจนุกร กำลังรวบรวมข้อมูลผลกระทบของชาวประมงตลอดลุ่มน้ำกก ตั้งแต่พื้นที่อำเภอแม่อาย จังหวัดเชียงใหม่ จนถึงปากแม่น้ำกก อำเภอเชียงแสน จังหวัดเชียงราย เพื่อจัดทำข้อเสนอร่วมถึงหน่วยงานภาครัฐ เช่น กระทรวงเกษตรฯ กรมควบคุมมลพิษ และกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติฯ
สืบสกุลระบุว่า การฟื้นฟูระบบนิเวศแม่น้ำกกและความเชื่อมั่นของชาวบ้านจำเป็นต้องอาศัยทั้งความร่วมมือระหว่างประเทศและมาตรการเยียวยาเร่งด่วนจากรัฐ “นี่ไม่ใช่แค่ปัญหาสิ่งแวดล้อม แต่คือวิกฤตชีวิตของคนริมแม่น้ำ”
ทีมข่าวที่ประกอบไปด้วยผู้คนหลากหลาย บ้างก็มาจากทะเล บ้างก็มาจากภูเขา แต่สุดท้ายก็ลงเอยที่ภาคเหนืออยู่ที่ Lanner นี่แหละ...