28 ตุลาคม 2568 มูลนิธิสิทธิมนุษยชนไทใหญ่ (Shan Human Rights Foundation-SHRF) ได้เผยแพร่รายงานโดยระบุ ภาพถ่ายดาวเทียมล่าสุดเผยให้เห็นการขยายตัวอย่างต่อเนื่องของเหมืองทองคำและเหมืองแร่หายาก (แรร์เอิร์ธ) บริเวณริมแม่น้ำกก ในพื้นที่เมืองยอน ทางใต้ของเมืองสาด รัฐฉานตะวันออก โดยมีบริษัทรัฐวิสาหกิจจีน ‘ไชนา อินเวสเมนต์ ไมนิ่ง จำกัด’ (China Investment Mining Company) เป็นผู้ดำเนินการ

ภาพจากดาวเทียมเมื่อวันที่ 14 ตุลาคม 2568 แสดงให้เห็นการเปลี่ยนแปลงของพื้นที่อย่างชัดเจน มีการตัดถนนและก่อสร้างเหมืองใหม่บริเวณเชิงเขาที่เคยเป็นพื้นที่ป่า และมีร่องรอยของการปล่อยกากแร่และโลหะหนักลงสู่แม่น้ำกกโดยตรง พื้นที่ดังกล่าวอยู่ห่างจากพรมแดนไทยบริเวณอำเภอท่าตอน จังหวัดเชียงใหม่ เพียงราว 30 กิโลเมตร
ขยายเหมืองเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว


รายงานของมูลนิธิสิทธิมนุษยชนไทใหญ่ (Shan Human Rights Foundation) เมื่อวันที่ 15 พฤษภาคมที่ผ่านมา ระบุว่า เหมืองแร่แรร์เอิร์ธสองแห่งที่ตั้งอยู่คนละฝั่งของแม่น้ำกก มีการขยายพื้นที่และเพิ่มการผลิตอย่างต่อเนื่อง เหมืองเหล่านี้ใช้เทคนิค ‘การชะละลายในแหล่ง’ (in-situ leaching) ซึ่งเป็นกระบวนการที่ฉีดสารเคมีเข้าไปในชั้นดินและหินเพื่อละลายแร่ ทำให้เกิดการปนเปื้อนสารพิษในระบบนิเวศโดยรอบ
ภาพถ่ายเมื่อเดือนพฤษภาคม 2568 ของเหมืองฝั่งตะวันตกเผยให้เห็นบ่อแต่งแร่ที่อยู่ระหว่างการก่อสร้าง แต่จากภาพล่าสุดในเดือนตุลาคม การก่อสร้างได้เสร็จสมบูรณ์ มีการสร้างหลังคาสีดำคลุมไว้เหนือบ่อทั้งหมด ขณะที่เหมืองฝั่งตะวันออกยังคงดำเนินการอย่างต่อเนื่อง โดยสามารถเห็นสารเคมีเหลวสีน้ำเงินสดในบ่อแต่งแร่และอาคารใหม่จำนวนมากที่เพิ่งสร้างขึ้น


ผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและชุมชนชายแดน

การขยายเหมืองทั้งทองคำและแรร์เอิร์ธเกิดขึ้นท่ามกลางความกังวลต่อการปล่อยสารพิษลงสู่แม่น้ำกก ซึ่งเป็นแม่น้ำสายหลักที่ไหลผ่านรัฐฉาน เข้าสู่ไทยที่อำเภอแม่อาย จังหวัดเชียงใหม่ และต่อเนื่องไปยังจังหวัดเชียงราย ก่อนลงสู่แม่น้ำโขง
ชาวบ้านและนักสิ่งแวดล้อมแสดงความกังวลว่า การปนเปื้อนอาจส่งผลต่อประชาชนกว่า 1 ล้านคนที่อาศัยอยู่ริมฝั่งแม่น้ำกกในไทย และผู้คนอีกหลายสิบล้านคนในลุ่มน้ำโขงตอนล่าง
หน่วยงานไทยได้ตรวจคุณภาพน้ำในแม่น้ำกกทุกสองสัปดาห์ตั้งแต่เดือนเมษายนที่ผ่านมา และพบสารหนูและตะกั่วเกินค่ามาตรฐานหลายครั้ง
บริษัทรัฐวิสาหกิจจีนอยู่เบื้องหลัง

เมืองยอนอยู่ภายใต้การควบคุมร่วมระหว่างกองทัพว้า (United Wa State Army – UWSA) และรัฐบาลทหารเมียนมา การทำเหมืองในพื้นที่ต้องได้รับอนุญาตจากทั้งสองฝ่าย
บริษัทรัฐวิสาหกิจจีน ไชนา อินเวสเมนต์ ไมนิ่ง จำกัด เป็นผู้ดำเนินการเหมืองเหล่านี้ โดยถือหุ้นใหญ่ถึง 90% ภายใต้โครงสร้างร่วมทุนกับบริษัทเซี่ยงไฮ้ ฉือจิน เซียะหวู่ เมทัล รีสอร์สเซส (Shanghai Chijin Xiawu Metal Resources Co., Ltd.) ก่อตั้งในปี 2565 เพื่อพัฒนาเหมืองแร่ในลาวและเมียนมา
บริษัทนี้มีความเชื่อมโยงกับสองยักษ์ใหญ่ของจีน คือ
- บริษัทเซียะเหมิน ทังสเตน จำกัด (Xiamen Tungsten Corporation) รัฐวิสาหกิจรายใหญ่ด้านแรร์เอิร์ธ
- บริษัทฉือเฟิง โกลด์ (Chifeng Gold) ผู้ผลิตทองคำเอกชนรายใหญ่ที่สุดของจีน
การขยายเหมืองในลาวและภูมิภาค
ภาพถ่ายดาวเทียมล่าสุดยังพบว่า บริษัทเดียวกันนี้มีการทำเหมืองแร่แรร์เอิร์ธในแขวงเชียงขวาง ทางตอนเหนือของลาว โดยมีการปล่อยน้ำเสียลงลำน้ำที่ไหลเข้าสู่แม่น้ำคาน ก่อนลงสู่แม่น้ำโขงที่เมืองหลวงพระบาง ซึ่งสร้างความกังวลว่าจะเกิดผลกระทบข้ามพรมแดนเช่นเดียวกับกรณีแม่น้ำกก
จนถึงขณะนี้ ยังไม่มีการแถลงอย่างเป็นทางการจากรัฐบาลไทยต่อการขยายกิจกรรมเหมืองในฝั่งรัฐฉาน แม้จะมีหลักฐานเชิงประจักษ์จากภาพดาวเทียมและผลตรวจคุณภาพน้ำที่ยืนยันถึงความเสี่ยงของสารพิษโลหะหนักที่ไหลเข้าสู่แม่น้ำกก ซึ่งเป็นแหล่งน้ำสำคัญของชุมชนในภาคเหนือของประเทศไทย
ทีมข่าวที่ประกอบไปด้วยผู้คนหลากหลาย บ้างก็มาจากทะเล บ้างก็มาจากภูเขา แต่สุดท้ายก็ลงเอยที่ภาคเหนืออยู่ที่ Lanner นี่แหละ...




