ส.ส.พรรคประชาชน จี้รัฐบาลชี้แจง MOU แร่แรร์เอิร์ธ ไทย–สหรัฐ หวั่นไทยเสียเปรียบ กระทบสิ่งแวดล้อม-ชาติพันธุ์-ต้นน้ำปิง

Date:

ภาพ: Pai Deetes 

30 ตุลาคม 2568 ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ครั้งที่ 35 (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่หนึ่ง) ได้มีการหยิบยกประเด็นสำคัญขึ้นอภิปรายเกี่ยวกับผลกระทบจากการลงนามบันทึกความเข้าใจด้านแร่ธาตุระหว่างประเทศไทยและสหรัฐอเมริกา โดย ภัทรพงษ์ ลีลาภัทร์ และ เลาฟั้ง บัณฑิตเทอดสกุล สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พรรคประชาชน ได้อภิปรายญัตติด่วน ขอให้สภาผู้แทนราษฎรพิจารณาผลกระทบจากการลงนาม ‘ความร่วมมือในการพัฒนาความหลากหลายของห่วงโซ่อุปทานของแร่ธาตุที่มีความสำคัญระดับโลกและการส่งเสริมการลงทุน’ หรือที่เรียกกันว่า ‘MOU แร่ที่มีความสำคัญเป็นอย่างมาก’ (Critical Minerals) ซึ่ง อนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ได้ลงนามร่วมกับรัฐบาลสหรัฐอเมริกาเมื่อวันที่ 26 ตุลาคม 2568 ที่ผ่านมา

MOU ที่ไทยเสียเปรียบตั้งแต่ยกแรก

ภัทรพงษ์กล่าวว่า โดยหลักการ MOU ฉบับนี้จะไม่มีปัญหาเลย หากรัฐบาลมีความรู้และความเข้าใจในเรื่องที่ตัวเองกำลังทำ แต่ปัญหาคือรัฐบาล ไม่มีความรู้เรื่องนี้เลย จึงทำให้สิ่งที่ควรปรากฏไม่ปรากฏ และสิ่งที่ไม่ควรปรากฏกลับอยู่ในเอกสารฉบับนี้

เขาระบุว่า หนึ่งในถ้อยคำที่สร้างความกังวลคือ ข้อที่ระบุว่า “การช่วยประเทศไทยในการวิเคราะห์ การขยายพื้นที่ และพิกัดในแหล่งแร่ที่สำคัญต่างๆ ภายในประเทศไทย” ซึ่งเป็นข้อความที่เขามองว่า ไม่จำเป็นต้องเขียนลงใน MOU เพราะอาจทำให้ไทยเสียเปรียบในอนาคตอย่างสูง

“ถ้าเราอยากให้สหรัฐมาช่วยวิเคราะห์พื้นที่จริงๆ เราก็ทำได้อยู่แล้วภายใต้ข้อความเรื่องการแลกเปลี่ยนข้อมูลและความเชี่ยวชาญ ซึ่งมีอยู่ในวรรคแรกแล้ว นี่คือการเขียนเกินความจำเป็นและเปิดช่องให้ไทยเสียเปรียบ” ภัทรพงษ์กล่าว

‘สิทธิ์การลงทุน’ โอกาสของสหรัฐฯ จุดเสี่ยงสำคัญของไทย

ในวรรค 6 ของข้อ 1 ยังระบุว่า สหรัฐ expect to have หรือ สหรัฐคาดหวังว่าจะได้รับโอกาสแรกในการลงทุน ในกิจการแร่สำคัญที่มีการค้าขายในประเทศไทย ซึ่งนายภัทรพงษ์ชี้ว่า แม้รัฐบาลอ้างว่า ‘ไทยไม่มีเหมืองแร่แรร์เอิร์ธ’ (Rare Earth) จึงไม่เสียประโยชน์ แต่ในความจริง ‘ข้อความดังกล่าวรวมถึงแร่ที่นำเข้าจากต่างประเทศด้วย’

“อเมริกาไม่ได้แค่จะมาหาแร่ในประเทศไทย แต่ต้องการเข้ามาจัดการห่วงโซ่อุปทาน (supply chain) ของแร่เหล่านี้ด้วย… ตอนนี้เราเหมือนนักมวยที่เพลี่ยงพล้ำตั้งแต่ยกแรก โดนหมัดแย็บหมัดฮุกเต็มๆ โดยไม่ได้ตั้งการ์ด” เขากล่าวเปรียบเปรย

เทียบกับมาเลเซีย ‘ถ้อยคำต่างกัน ความหมายต่างกัน’

ภัทรพงษ์ยกตัวอย่างการเปรียบเทียบกับ MOU ที่สหรัฐฯ เซ็นกับมาเลเซียในวันเดียวกัน โดยระบุว่า ของมาเลเซียไม่มีถ้อยคำใดที่อนุญาตให้สหรัฐเข้ามาวิเคราะห์พื้นที่แหล่งแร่ และไม่ได้ระบุว่า ‘สหรัฐต้องได้รับโอกาสแรกในการลงทุน’

“ของมาเลเซียเขาเขียนว่า ‘ทั้งสองประเทศต้องทำงานร่วมกันด้วยความศรัทธาและบริสุทธิ์ใจ’ ซึ่งตีความได้ว่าทั้งสองฝ่ายต้องร่วมมืออย่างเท่าเทียม ขณะที่ของไทยกลับเปิดทางให้สหรัฐได้เปรียบตั้งแต่ต้น” เขากล่าว

ภัทรพงษ์ยังระบุถึงข้อ 4 ของ MOU ไทย–สหรัฐฯ ที่กำหนดว่า ‘ไทยต้องส่งข้อมูลให้กับอเมริกาให้เร็วที่สุดในทางปฏิบัติ หากพบโครงการที่มีศักยภาพเกี่ยวข้องกับแร่สำคัญหรือ Rare Earth’ โดยย้ำว่า ไม่มีความจำเป็นใดๆ ต้องเขียนข้อนี้ลงไป และใน MOU ของมาเลเซียก็ไม่มีเช่นกัน

“ดราฟต์ที่อเมริกาส่งให้ไทยกับมาเลเซียอาจเป็นฉบับเดียวกัน แต่ฝั่งไทยไม่มีการกลั่นกรองเลย ทำให้ข้อความที่เอื้อประโยชน์ต่อสหรัฐผ่านได้อย่างง่ายดาย” เขากล่าว

ภัทรพงษ์ยังกล่าวตั้งคำถามต่อรัฐบาลว่า “รัฐบาลยอมเสียเปรียบขนาดนี้ตั้งแต่ยกแรกได้อย่างไร ประเทศอื่นเขาคิดได้หมด ทำไมเราคิดไม่ได้” พร้อมตั้งข้อสงสัยว่า การลงนามบันทึกความเข้าใจ (MOU) ครั้งนี้ รัฐบาลมีผลประโยชน์แอบแฝง หรือเป็นเพราะความรู้เท่าไม่ถึงการณ์กันแน่ เขาย้ำว่า สิ่งที่ควรต้องมีใน MOU กลับไม่ถูกระบุเลย นั่นคือ ‘มาตรการป้องกันและประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมจากการทำเหมือง’

ผลกระทบเกิดขึ้นแล้ว แม้ไทยยังไม่มีเหมืองแร่

ด้าน เลาฟั้ง บัณฑิตเทอดสกุล สส.พรรคประชาชน ได้อภิปรายในประเด็นเดียวกัน โดยแสดงความกังวลต่อผลกระทบจากการลงนามบันทึกความเข้าใจ ‘MOU แร่ที่มีความสำคัญเป็นอย่างมาก’ (Critical Minerals) ระหว่างไทยกับสหรัฐอเมริกาว่า แม้ประเทศไทยยังไม่มีการทำเหมืองแร่ประเภทนี้ แต่ผลกระทบได้เกิดขึ้นแล้วจากการทำเหมืองในประเทศเพื่อนบ้าน โดยเฉพาะในเมียนมา

“ขอให้สภาผู้แทนราษฎรพิจารณาผลกระทบจากการลงนามบันทึกความเข้าใจระหว่างสหรัฐอเมริกาและไทย ว่าด้วยความร่วมมือในการพัฒนาแร่หายากหรือแร่แรร์เอิร์ธ เพราะเมื่อดูภาพรวมของภูมิภาคจะเห็นว่ามีจุดทำเหมืองหลักอยู่ในเมียนมา ซึ่งอยู่ในลุ่มน้ำสาละวินและแม่น้ำโขง” เลาฟั้งกล่าว เขายังระบุว่า ขณะนี้มีการตรวจพบสารโลหะหนักปนเปื้อนในแม่น้ำสาละวินเกินค่ามาตรฐานกว่า 5 เท่า และในแม่น้ำโขงก็พบสารปนเปื้อนในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา 

“แม้ในไทยยังไม่มีการทำเหมือง แต่ผลกระทบข้ามพรมแดนได้เริ่มเกิดขึ้นแล้ว”

เลาฟั้งอธิบายเพิ่มเติมว่า พื้นที่ที่อาจได้รับผลกระทบส่วนใหญ่เป็นพื้นที่ป่าต้นน้ำ เช่น แม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ เชียงราย กาญจนบุรี และอุทัยธานี ซึ่งเป็นถิ่นอาศัยของกลุ่มชาติพันธุ์และชนเผ่าพื้นเมือง 

“กลุ่มชาติพันธุ์เปราะบางอยู่แล้ว หลายคนไม่มีเอกสารสิทธิ์ในที่ดิน หากมีการทำเหมืองเกิดขึ้น สิ่งที่จะตามมาคือการแย่งยึดที่ดิน และการปนเปื้อนในแหล่งน้ำ ซึ่งจะกระทบโดยตรงต่อการดำรงชีวิตของพวกเขา”

เขากล่าวว่า กลุ่มชาติพันธุ์บนพื้นที่สูงต้องพึ่งพาแหล่งน้ำธรรมชาติเป็นหลัก และแทบไม่มีโอกาสเข้าถึงโครงการจัดสรรน้ำจากรัฐ หากน้ำปนเปื้อน พวกเขาจะไม่มีทางเลือกในการดำรงชีวิตหรือเรียกร้องค่าชดเชยได้อย่างเป็นธรรม

เลาฟั้งย้ำว่า จังหวัดเชียงใหม่เป็นต้นน้ำของแม่น้ำปิง ไหลลงสู่เขื่อนภูมิพลและต่อเนื่องถึงภาคกลาง หากเกิดการปนเปื้อนจากการทำเหมือง ผลกระทบจะไม่หยุดแค่พื้นที่ของกลุ่มชาติพันธุ์บนภูเขา แต่จะลามถึงพื้นที่ภาคกลางและกรุงเทพฯ 

“สิ่งที่จะก่อให้เกิดผลกระทบ ไม่ใช่แค่กลุ่มชาติพันธุ์ จังหวัดเชียงใหม่เป็นต้นน้ำของแม่น้ำปิง ถ้าไม่มีการจัดการที่ดี แล้วมีการทำเหมืองแร่ปนเปื้อนยังแม่น้ำปิง ผลกระทบจะกระจายลงมาถึงกรุงเทพฯ”

เขายังเตือนด้วยว่า ประเทศไทยยังไม่มีเทคโนโลยีการสกัดแร่ที่ไม่ก่อให้เกิดมลพิษ และแทบไม่มีเครื่องมือในการจัดการกับผลกระทบทางสิ่งแวดล้อม  พร้อมตั้งคำถามต่อรัฐบาลว่า 

“เมื่อ MOU ได้ลงนามไปแล้ว รัฐบาลมีแผนอย่างไรในการป้องกันและจัดการปัญหาเหล่านี้ แล้วประเทศไทยพร้อมหรือยังที่จะรับมือกับผลกระทบจากสิ่งที่ตัวเองลงนาม?”

ทีมข่าวที่ประกอบไปด้วยผู้คนหลากหลาย บ้างก็มาจากทะเล บ้างก็มาจากภูเขา แต่สุดท้ายก็ลงเอยที่ภาคเหนืออยู่ที่ Lanner นี่แหละ...

กองบรรณาธิการ
กองบรรณาธิการ
ทีมข่าวที่ประกอบไปด้วยผู้คนหลากหลาย บ้างก็มาจากทะเล บ้างก็มาจากภูเขา แต่สุดท้ายก็ลงเอยที่ภาคเหนืออยู่ที่ Lanner นี่แหละ...

ละลานล้านนา: ล้านนาในรสลับ วัฒนธรรมการกินที่บอกผ่านความไม่บอก

เรื่อง: ปวีณา หมู่อุบล, ภาพ: วีรภัทร เหลาเกิ้มหุ่ง ไม่นานมานี้ บนโลกออนไลน์ โดยเฉพาะที่ X...

ค่าชีวิตไม่เท่ากัน ชะตากรรมคนเหนือเขื่อนภูมิพล

เรื่อง: สุทธิกานต์ วงศ์ไชย, ภาพ: ปรัชญา ไชยแก้ว 22 ตุลาคม 2568 น้ำปิงหนุนสูงเข้าท่วมตำบลฮอด...

55 ปีมูลนิธิดรุณาทร สู่พลังแห่งการช่วยเหลือ พัฒนาเด็กและเยาวชน

เมื่อวันที่ 26 ตุลาคม ที่โรงแรมแชงกรี-ลา จังหวัดเชียงใหม่ มูลนิธิดรุณาทร จัดงาน “ร้อยเรียงเรื่องราว 55...

ชวนไปแอ่ว ‘Jazz Arabica’ เทศกาลเสียงของแรงบันดาลใจที่งอกงามจากชุมชน 5-6 พ.ย. ณ จริงใจมาร์เก็ต และ 7 พ.ย. ที่ North Gate Spirit เชียงใหม่

ในทุกหยดกาแฟ มีเสียงของผืนดิน ผู้คน และเรื่องราวของการเติบโต​'Jazz Arabica' ไม่ได้เป็นเพียงเทศกาลดนตรีหรือกิจกรรมเกี่ยวกับกาแฟเท่านั้น แต่คือพื้นที่เรียนรู้ที่เปิดให้ชุมชนและคนรุ่นใหม่ได้มาเจอกัน เพื่อพูดคุย แลกเปลี่ยน...