ภาพ: กรมควบคุมมลพิษ
เมื่อวันที่ 28 ตุลาคม 2568 ผศ.ดร.ว่าน วิริยา ผู้ช่วยหัวหน้าศูนย์วิจัยวิทยาศาสตร์สิ่งแวดล้อม มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เปิดเผยผลตรวจพบการปนเปื้อนสารหนูในแม่น้ำสาละวิน บริเวณอำเภอแม่สะเรียง จังหวัดแม่ฮ่องสอน เกินค่ามาตรฐานถึง 4–5 เท่า พร้อมตรวจพบโลหะหนักบางชนิดในระดับใกล้หรือเกินมาตรฐาน สร้างความกังวลต่อชุมชนริมน้ำ ต่อมาเมื่อวันที่ 4 พฤศจิกายน 2568 คำผัน โมกไธสง นายอำเภอสบเมย จึงออกประกาศเตือนประชาชนให้งดใช้น้ำและหลีกเลี่ยงการสัมผัสน้ำจากแม่น้ำสาละวิน รวมถึงงดบริโภคสัตว์น้ำ จนกว่าจะได้รับผลตรวจยืนยันอย่างเป็นทางการ
คพ.ยันน้ำสาละวินไม่เกินค่ามาตรฐาน เร่งเก็บตัวอย่างตรวจเพิ่ม
วันที่ 6 พฤศจิกายน 2568 กรมควบคุมมลพิษ (คพ.) ลงพื้นที่ตรวจสอบคุณภาพน้ำในแม่น้ำสาละวิน จังหวัดแม่ฮ่องสอน หลังประชาชนในพื้นที่แสดงความกังวลกรณีข่าวการพบสารหนูเกินค่ามาตรฐาน ล่าสุดผลการตรวจเบื้องต้นพบสารหนูในบางจุด แต่ยังอยู่ในระดับไม่เกินค่ามาตรฐาน พร้อมเตรียมเก็บตัวอย่างเพิ่มเติมเพื่อตรวจในห้องปฏิบัติการ
ผลการตรวจสอบเบื้องต้นโดยสำนักงานสิ่งแวดล้อมและควบคุมมลพิษที่ 1 (เชียงใหม่) จากจุดตรวจทั้งหมด 10 จุด แบ่งเป็นน้ำในแม่น้ำ 7 จุด และน้ำอุปโภคบริโภคของชาวบ้าน 3 จุด พบว่าจุดที่ 1 ถึง 4 ได้แก่ ท่าเรือหมู่บ้านแม่สามแลบ หย่อมบ้านปู่ทา หย่อมบ้านพะละอึ และบ้านสบเมย (ฝั่งแม่น้ำสาละวิน) มีค่าความเข้มข้นของสารหนูระหว่าง 0.005–0.01 มิลลิกรัมต่อลิตร ซึ่งไม่เกินค่ามาตรฐาน (ไม่เกิน 0.01 มก./ล.) ส่วนจุดที่ 5 บ้านสบเมยฝั่งแม่น้ำเมย ตรวจไม่พบสารหนู ส่วนจุดอื่นๆ อีก 5 จุด อยู่ระหว่างตรวจสอบเพิ่มเติม

สุรินทร์ วรกิจธำรง อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ กล่าวว่า สภาพลำน้ำสาละวินมีความแตกต่างกันตามฤดูกาล โดยในเดือนกันยายนที่ผ่านมา มหาวิทยาลัยเชียงใหม่เคยตรวจพบสารหนูในบางจุด ซึ่งเป็นช่วงน้ำหลากและมีตะกอนมาก แต่การตรวจล่าสุดเมื่อวันที่ 5 พฤศจิกายน พบว่าน้ำลดลงและใสขึ้น คพ. จึงเตรียมเก็บตัวอย่างคุณภาพน้ำและตะกอนดินเพิ่มเติมเพื่อตรวจสอบสารหนูและโลหะหนักอื่นๆ ในห้องปฏิบัติการอย่างละเอียด
นอกจากนี้ ประมงจังหวัดแม่ฮ่องสอนได้เก็บตัวอย่างปลาในแม่น้ำสาละวิน 5 ชนิด ได้แก่ ปลากดคัง ปลากดหัวเสียม ปลาแค้ ปลาหมู และปลาเนื้ออ่อน (ปลาตาโมง) เพื่อวิเคราะห์การปนเปื้อนสารโลหะหนัก ขณะเดียวกันหน่วยงานในสังกัดกระทรวงเกษตรฯ เตรียมตรวจสอบพืชผักในพื้นที่เพาะปลูก โดยเฉพาะพืชล้มลุกที่ปลูกในฤดูน้ำลด เพื่อประเมินความเสี่ยงจากการปนเปื้อนและแจ้งเตือนประชาชนต่อไป
สุรินทร์ยืนยันว่า หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะเร่งดำเนินการตรวจสอบคุณภาพน้ำ ดิน สัตว์น้ำ และพืชเกษตรอย่างต่อเนื่อง พร้อมสำรวจหาแหล่งน้ำสำรองเพื่อความปลอดภัยของชาวบ้านในพื้นที่ริมแม่น้ำสาละวิน
นักวิจัยเตือน คพ.ใช้ผล Test Kit ชี้คุณภาพน้ำสาละวิน เสี่ยงสร้างความสับสนให้ชาวบ้าน
ด้าน สมพร เพ็งค่ำ นักวิจัยอิสระ และผู้อำนวยการสถาบันพัฒนาระบบประเมินผลกระทบทางสุขภาพโดยชุมชน (Community Health Impact Assessment Platform: CHIA Platform) แสดงความคิดเห็นต่อกรณีนี้ว่า การที่กรมควบคุมมลพิษ (คพ.) เผยแพร่ข้อมูลผลการตรวจสารหนูโดยอาศัยผลจาก ชุดทดสอบภาคสนาม (Test Kit) ซึ่งเป็นเพียงการประเมินเบื้องต้น อาจสร้างความสับสนให้กับชาวบ้านในพื้นที่มากขึ้น
“จริงๆ แล้ว เมื่อมีการตรวจพบว่ามีสารหนูปนเปื้อนในแม่น้ำสาละวิน ก็ควรรอผลจากห้องปฏิบัติการให้แน่ชัดก่อน จึงค่อยประกาศผลที่เชื่อถือได้”
สมพรกล่าว พร้อมอธิบายเพิ่มเติมว่า จากประสบการณ์ทำวิจัยเกี่ยวกับชุดทดสอบ พบว่าแต่ละยี่ห้อมีความคลาดเคลื่อนแตกต่างกันไป แต่โดยทั่วไปผลจาก Test Kit มักจะให้ค่าต่ำกว่าผลการตรวจในห้องปฏิบัติการ
“ค่าที่ คพ. ตรวจพบสารหนู 0.01 มิลลิกรัมต่อลิตร ในสองจุดของแม่น้ำสาละวินนั้น ถือว่าอยู่ในระดับ ‘ปริ่มมาตรฐาน’ หรือเท่ากับค่ามาตรฐานพอดี ซึ่งโดยปกติเมื่อส่งตรวจในห้องปฏิบัติการ ผลที่ได้มักจะสูงกว่านี้”
สมพรตั้งข้อสังเกตว่า การที่ คพ. รีบเปิดเผยผลการตรวจเบื้องต้นพร้อมระบุว่า “ไม่เกินค่ามาตรฐาน” อาจทำให้ชาวบ้านเข้าใจผิด คิดว่าน้ำในแม่น้ำสาละวินปลอดภัยจากการปนเปื้อน และกลับมาใช้น้ำเพื่ออุปโภคบริโภคหรือทำการเกษตรตามปกติ ซึ่งอาจเสี่ยงต่อสุขภาพ หากภายหลังผลตรวจจากห้องปฏิบัติการพบว่าสารโลหะหนักมีค่ามากกว่ามาตรฐานจริง
“ค่าระดับสารหนูที่ 0.01 มิลลิกรัมต่อลิตร ถือว่าน่าเป็นห่วง ทางการควรเร่งแจ้งเตือนให้ชาวบ้านระมัดระวังทั้งการใช้น้ำเพื่ออุปโภคบริโภค การใช้น้ำทำการเกษตร รวมถึงการบริโภคปลาและอาหารจากแม่น้ำ”
สมพรกล่าว พร้อมย้ำว่า ในช่วงที่ผลตรวจอย่างเป็นทางการยังไม่ออก ก็ควรระวังไว้ก่อน เพราะการประกาศว่า ‘ไม่เกินมาตรฐาน’ ทำให้ชาวบ้านเชื่อว่าปลอดภัย โดยเฉพาะในพื้นที่ห่างไกลที่มีข้อจำกัดด้านการสื่อสาร และชาวบ้านส่วนใหญ่เป็นกลุ่มชาติพันธุ์ ยิ่งทำให้การรับรู้ข้อมูลของพวกเขายากขึ้นไปอีก

รองผู้ว่าฯ แม่ฮ่องสอนเผย รอผลตรวจซ้ำจาก สคพ.1 และกรมประมง ก่อนสรุปสถานการณ์น้ำสาละวิน
บุญลือ ธรรมธรานุรักษ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอน เปิดเผยกับบีบีซีไทยว่า จังหวัดรับทราบผลการตรวจสอบแล้วและไม่ได้นิ่งนอนใจ โดยเมื่อวันที่ 5 พฤศจิกายนที่ผ่านมา สำนักงานสิ่งแวดล้อมและควบคุมมลพิษที่ 1 (เชียงใหม่) ได้ลงพื้นที่เก็บตัวอย่างน้ำบริเวณเดียวกับที่ ผศ.ดร.ว่าน วิริยา จากมหาวิทยาลัยเชียงใหม่เคยตรวจ พบว่าผลวิเคราะห์สารโลหะหนักจะทราบภายใน 7 วัน เช่นเดียวกับการตรวจตัวอย่างปลาที่กรมประมงเก็บเพิ่มจากแม่น้ำสาละวิน
นายบุญลือระบุว่า ปัจจุบันชาวบ้านส่วนใหญ่ยังไม่ได้รับผลกระทบโดยตรง เนื่องจากใช้น้ำประปาภูเขาที่มาจากลำน้ำสาขา ไม่ได้ใช้น้ำจากสาละวินโดยตรง ยกเว้นบางครอบครัวที่อาศัยอยู่บนแพในลำน้ำ พวกเขาก็แก้ปัญหาโดยต่อท่อน้ำจากระบบประปาภูเขาข้ามถนนมาใช้แทน
บุญลือกล่าวเพิ่มเติมว่า ขณะนี้กลุ่มที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดคือผู้ทำอาชีพประมงในแม่น้ำสาละวิน ซึ่งมีประมาณ 10–20 ครัวเรือน เพราะข่าวสารเรื่องการปนเปื้อนทำให้ชาวบ้านไม่กล้าซื้อปลา ส่งผลให้รายได้ลดลงชั่วคราว
เขายังยืนยันว่า ทางจังหวัดได้หารือแนวทางรับมือไว้แล้ว โดยศึกษาประสบการณ์จากจังหวัดเชียงใหม่และเชียงราย ซึ่งเคยเผชิญปัญหาคล้ายกัน “หากผลตรวจของรัฐยืนยันว่ามีสารโลหะหนักปนเปื้อนจริง เราพร้อมรับมือทันที” เขากล่าว พร้อมระบุว่า หากผลตรวจของหน่วยงานไทยสอดคล้องกับผลจาก ม.เชียงใหม่ ก็จำเป็นต้องสืบหาต้นตอของมลพิษต่อไป
“จากเส้นทางของแม่น้ำสาละวินที่ไหลผ่านรัฐคะเรนนี หรือรัฐคะยาห์ของเมียนมา มีความเป็นไปได้ว่ากิจกรรมเหมืองแร่ในพื้นที่นั้นอาจเป็นต้นเหตุ เพราะเท่าที่ทราบ ตอนนี้มีเหมืองอยู่จริง แต่จำนวนเท่าไรยังไม่แน่ชัด” เขากล่าว พร้อมย้ำว่าหากพิสูจน์ได้ว่าเป็นมลพิษข้ามพรมแดน การแก้ไขจะต้องอาศัยกลไกจากรัฐบาลกลาง เนื่องจากหน่วยงานท้องถิ่นไม่สามารถดำเนินการโดยตรงกับพื้นที่ในเมียนมาได้
นักวิชาการชี้ เหมืองแร่ในรัฐคะเรนนี–รัฐฉาน อาจโยงสารโลหะหนักปนเปื้อนแม่น้ำสาละวิน
ด้าน ผศ.ดร.ว่าน วิริยา จากมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า จากการสำรวจพบว่าตามแนวแม่น้ำสาละวินในรัฐคะเรนนีมีเหมืองหลายประเภท เช่น เหมืองดีบุก พลวง แมงกานีส และทองคำ โดยเฉพาะเหมืองทองที่กระจายตัวเป็นหย่อมๆ ตามสายน้ำ
“ในกากแร่ดีบุกยังมีส่วนผสมของแร่แรร์เอิร์ธ ซึ่งหากผ่านกระบวนการแยกอย่างเข้มข้น ก็สามารถนำไปสกัดเพิ่มเติมได้หากคุ้มทุน”
เขาย้ำว่า การสืบหาแหล่งปล่อยสารพิษเป็นขั้นตอนสำคัญที่ต้องดำเนินต่อไป และเขามีแผนเก็บตัวอย่างน้ำเพิ่มเติมในลำน้ำสาละวินตอนบน พร้อมระบุว่ากลุ่มเหมืองแร่แรร์เอิร์ธที่อยู่ทางตอนเหนือในรัฐฉาน อาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับการปล่อยสารโลหะหนักเช่นเดียวกับที่เคยเกิดในแม่น้ำกก สาย รวก และโขงด้วย
