
10 พฤศจิกายน 2568 ที่หอประชุมองค์การบริหารส่วนตำบลท่าตอน อำเภอแม่อาย จังหวัดเชียงใหม่ กรมทรัพยากรน้ำจัดเวทีรับฟังความคิดเห็นประชาชน เพื่อทบทวนแนวทางแก้ไขปัญหาคุณภาพน้ำในลุ่มน้ำกกและแม่น้ำสาย ท่ามกลางความสนใจของประชาชนกว่า 300 คนที่หลั่งไหลเข้าร่วมจนแน่นห้องประชุม

แม้เวทีครั้งนี้จะถูกประกาศว่าเป็น ‘เวทีรับฟังความคิดเห็นเพื่อทบทวนแนวทางแก้ไขปัญหาน้ำ’ แทนที่จะเป็นการ ‘เสนอสร้างฝายดักตะกอน’ โดยตรง แต่ประชาชนในพื้นที่ตำบลท่าตอนและแม่นาวาง ต่างยังคงแสดงความกังวลถึงโครงการก่อสร้างฝายดักตะกอนมูลค่า 173 ล้านบาท จำนวน 4 ฝายในพื้นที่ ซึ่งชาวบ้านเชื่อว่าจะยิ่งซ้ำเติมปัญหาสิ่งแวดล้อมและสุขภาพในชุมชน
การประชุมเปิดโดย สลีลญา คำภาแก้ว นายอำเภอแม่อาย เป็นประธาน ก่อนที่คณะทำงานจากหลายหน่วยงานจะนำเสนอข้อมูล 4 ช่วง ได้แก่
ช่วงที่ 1: ดร.ชยาวีร์ หวังเจริญรุ่ง ตัวแทนกรมควบคุมมลพิษ ชี้แจงภาพรวมการแก้ไขปัญหาแม่น้ำกก พร้อมระบุว่า แนวคิดการสร้างฝายดักตะกอนเกิดจากการตรวจคุณภาพน้ำหลังฝายเชียงรายที่ไม่พบสารหนูเกินมาตรฐาน
ช่วงที่ 2: ตัวแทนจากกรมส่งเสริมการเกษตร กรมประมง และกรมอนามัย นำเสนอข้อมูลผลกระทบจากเหมือง
ช่วงที่ 3: นักวิชาการด้านวิศวกรรมแหล่งน้ำ ได้แก่ รศ.ชัยวัฒน์ ขยันการนาวี, รศ.ดร.สนิท วงษา และ ผศ.ดร.พงศ์พันธุ์ กาญจนการุณ นำเสนอผลการศึกษาฝายดักตะกอนที่เคยมีการออกแบบไว้ในตำบลท่าตอน
ช่วงที่ 4: เวสารัช โสภณดิเรกรัตน์ รองอธิบดีกรมทรัพยากรน้ำ กล่าวสรุป ย้ำว่าการจัดเวทีวันนี้เป็นการรับฟังความคิดเห็น “ถ้าชาวบ้านไม่เห็นด้วย ทางกรมน้ำก็จะยุติการสร้างฝายดักตะกอน”

เมื่อถึงช่วงเปิดเวทีให้ชาวบ้านแสดงความคิดเห็น บรรยากาศในห้องประชุมเต็มไปด้วยเสียงสะท้อนจากชาวบ้านที่พากันชูป้าย ‘ไม่เอาฝายดักตะกอน’ เพื่อแสดงจุดยืนอย่างชัดเจนว่าโครงการดังกล่าวไม่ตอบโจทย์ความเดือดร้อนที่กำลังเผชิญอยู่ ชาวบ้านส่วนใหญ่เห็นพ้องกันว่า สิ่งที่จำเป็นเร่งด่วนที่สุดในเวลานี้ไม่ใช่การสร้างฝาย แต่คือ ‘น้ำสะอาดสำหรับอุปโภคบริโภค’ ที่จะช่วยทดแทนการใช้น้ำจากแม่น้ำกก ซึ่งยังคงปนเปื้อนสารพิษจากต้นน้ำอยู่จนถึงปัจจุบัน

บุญโรจน์ กองแก้ว ตัวแทนชาวบ้าน กล่าวอย่างหนักแน่นว่า สิ่งที่ชาวบ้านต้องการเร่งด่วนที่สุดในตอนนี้คือน้ำสะอาดสำหรับอุปโภคบริโภค ไม่ว่าจะเป็นระบบประปาที่ปลอดภัยหรือบ่อบาดาล รวมถึงน้ำเพื่อการเกษตรทดแทนน้ำจากแม่น้ำกกที่ปนเปื้อน เขาย้ำว่าในที่ประชุมไม่มีใครเห็นด้วยกับการสร้างฝาย เพราะเชื่อว่าฝายดักตะกอนจะยิ่งนำสารพิษมาทับถมในพื้นที่
“คนที่นี่ไม่เอาและเราก็ไม่เคยเห็นว่ามันจะแก้ไขปัญหาได้ สิ่งที่รัฐบาลต้องทำคือเจรจาปิดเหมือง เราต้องการให้รัฐบาลมาช่วยเรื่องน้ำสะอาด ผลผลิตการเกษตร และมาช่วยเยียวยาผลกระทบเรา ไม่ใช่มาสร้างฝาย”
บุญโรจน์กล่าว พร้อมเรียกร้องให้รัฐบาลหันมาเจรจาปิดเหมืองต้นเหตุของปัญหา จัดหาน้ำสะอาด เยียวยาผลกระทบ และฟื้นฟูผลผลิตทางการเกษตรของชุมชนแทนการเดินหน้าโครงการฝาย
ในช่วงการลงคะแนนแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการสร้างฝายดักตะกอน เจ้าหน้าที่เปิดให้ผู้เข้าร่วมสแกน QR Code หรือลงชื่อในเอกสาร แต่ชาวบ้านจำนวนมากแสดงความไม่พอใจ เนื่องจากขั้นตอนยุ่งยากและส่วนใหญ่ไม่มีสมาร์ทโฟน
ท้ายที่สุด แกนนำชาวบ้านเสนอให้ใช้วิธียกมือ เพื่อความโปร่งใส ผลปรากฏว่า ผู้เข้าร่วมทั้งหมดกว่า 300 คนยกมือ ‘ไม่เห็นด้วย’ กับการสร้างฝายดักตะกอน ถือเป็น มติเอกฉันท์ของประชาชนในพื้นที่ท่าตอน ที่ประกาศชัดเจนว่า ‘ไม่เอาฝายดักตะกอน’
ทีมข่าวที่ประกอบไปด้วยผู้คนหลากหลาย บ้างก็มาจากทะเล บ้างก็มาจากภูเขา แต่สุดท้ายก็ลงเอยที่ภาคเหนืออยู่ที่ Lanner นี่แหละ...




