ภาพ: สมาคมแม่น้ำเพื่อชีวิต

11 พฤศจิกายน 2568 ที่หอประชุมคชสาร องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย กรมทรัพยากรน้ำจัดเวทีประชุมรับฟังความคิดเห็นประชาชน เพื่อทบทวนและกำหนดแนวทางแก้ไขปัญหาคุณภาพน้ำในพื้นที่แม่น้ำกกและแม่น้ำสาย
การประชุมครั้งนี้มีผู้เข้าร่วมกว่า 300 คน ส่วนใหญ่เป็นหน่วยงานภาครัฐ ขณะที่ตัวแทนชาวบ้านจากพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากน้ำปนเปื้อนสารพิษใน ตำบลแม่ยาว และ ตำบลรอบเวียง อำเภอเมืองเชียงราย ได้เข้าร่วมในนาม เครือข่ายประชาชนแม่น้ำกก สาย รวก โขง เพื่อแสดงจุดยืนคัดค้านการสร้างฝายดักตะกอนในลำน้ำกก ซึ่งมีมูลค่าโครงการรวมกว่า 173 ล้านบาท

ตัวแทนชาวบ้านระบุว่า การจัดเวทีครั้งนี้มีลักษณะคล้ายเวทีที่กรมทรัพยากรน้ำเคยจัดขึ้นก่อนหน้าในพื้นที่ ตำบลท่าตอน อำเภอแม่อาย จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งมีเป้าหมายผลักดันการสร้างฝายดักตะกอน 4 แห่ง แต่ได้ถูกชาวบ้านคัดค้านเป็นเอกฉันท์ เครือข่ายจึงมองว่าการจัดเวทีที่เชียงรายครั้งนี้อาจเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการเพื่อเดินหน้าโครงการเดิม แม้ทางกรมฯ จะเปลี่ยนชื่อเวทีจาก ‘การรับฟังความคิดเห็นการสร้างฝายดักตะกอน’ เป็น ‘การรับฟังความคิดเห็นแนวทางแก้ปัญหาคุณภาพน้ำ’
ก่อนเริ่มการประชุม ตัวแทนเครือข่ายฯ ได้อ่านแถลงการณ์และยื่นหนังสือต่อกรมทรัพยากรน้ำและรัฐบาล โดย นายหล้า พุ่มไพรระไหวชื่น เป็นผู้แทนอ่านแถลงการณ์ในนามของประชาชนที่ได้รับผลกระทบ ภายใต้หัวข้อ ‘หยุดเหมือง ไม่เอาฝาย ยกเลิก MOU ฟื้นฟูแม่น้ำ ฟื้นฟูชีวิต’
5 ข้อเสนอเร่งด่วน จี้รัฐปกป้องชีวิตและสิ่งแวดล้อม
เครือข่ายฯ ระบุว่า ปัญหาการปนเปื้อนสารพิษ โดยเฉพาะ สารหนู ในแม่น้ำกกได้ส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อระบบนิเวศและสุขภาพของประชาชนในจังหวัดเชียงรายและพื้นที่ใกล้เคียง ขณะนี้มีการแจ้งเตือนให้ประชาชนหลีกเลี่ยงการใช้น้ำจากแม่น้ำ เนื่องจากอาจเป็นอันตรายต่อชีวิตและสุขภาพ
จึงเสนอ 5 ข้อเรียกร้องเร่งด่วนต่อรัฐบาล เพื่อปกป้องชีวิตและสิ่งแวดล้อม ได้แก่
1. เจราจาหยุดเหมืองพิษในประเทศพม่า ให้รัฐบาลใช้อำนาจผ่านกลไกความร่วมมือระหว่างประเทศ เพื่อเจรจาหรือดำเนินการกับประเทศต้นทาง เพื่อหามาตรการที่เด็ดขาดในการปิดเหมืองหรือยุติแหล่งกำเนิดมลพิษ ที่ส่งผลกระทบต่อประชาชนและสิ่งแวดล้อมในประเทศไทย
2. ยุติโครงการ ฝายและม่านดักตะกอน ไม่แก้ปัญหาแต่กลับจะสร้างปัญหาเพิ่มมากขึ้น เนื่องจากเป็นการแก้ไขที่ปลายเหตุ และไม่ได้ตอบโจทย์ปัญหาความเดือดร้อนเร่งด่วนของชาวบ้าน
3. ยกเลิก MOU แร่แรร์เอิร์ธกับสหรัฐอเมริกา ที่จะเพิ่มปัญหาการปนเปื้อนในแม่น้ำและปัญหาด้านอื่นๆที่จะตามมาอีกหลายด้าน
4. ฟื้นฟูแม่น้ำ ตรวจสอบคุณภาพน้ำ ดิน พื้นที่การเกษตร และสิ่งแวดล้อมของแต่ละชุมชนในแม่น้ำกก สาย รวก โขง อย่างครอบคลุมและโปร่งใส รวมถึงจัดหาและจัดสรรแหล่งน้ำสะอาดใหม่ เพื่อการอุปโภคบริโภค
5. ฟื้นฟูชีวิต ตรวจสุขภาพกลุ่มเสี่ยงและเฝ้าระวังสารพิษในร่างกายมนุษย์ ชดเชยผู้ได้รับผลกระทบกลุ่มชาวบ้านที่บ้านเรือนเสียหาย ผู้ประกอบการท่องเที่ยวชุมชน ผู้ประกอบการที่พัก รีสอร์ท ชาวบ้านอาชีพประมงท้องถิ่น และกลุ่มเกษตรกรในพื้นที่ลุ่มน้ำกก สาย รวก โขง
เครือข่ายประชาชนแม่น้ำกก สาย รวก โขง ย้ำว่า รัฐบาลต้องเร่งดำเนินการตามข้อเรียกร้องเหล่านี้ เพื่อคุ้มครองสิทธิขั้นพื้นฐานของประชาชนในการเข้าถึงทรัพยากรน้ำที่สะอาดและปลอดภัย พร้อมป้องกันไม่ให้ปัญหาการปนเปื้อนสารพิษลุกลามและส่งผลกระทบต่อชีวิตผู้คนในวงกว้างอีกต่อไป
รองผู้ว่าฯ–กรมทรัพยากรน้ำยืนยัน เวทีฟังเสียงชาวบ้าน ไม่ใช่เวทีขายฝาย
ประเสริฐ จิตพลีชีพ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย กล่าวระหว่างเปิดเวทีว่า ปัญหาน้ำขุ่นและการปนเปื้อนสารเคมีในแม่น้ำโขงและแม่น้ำสายเกิดขึ้นตั้งแต่เดือนมีนาคม 2568 โดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้เร่งแก้ไขตลอด 6 เดือนที่ผ่านมา ขณะเดียวกันรัฐบาลได้ตั้งคณะกรรมการเพื่อหาแนวทางแก้ปัญหาระยะยาว ซึ่งแนวคิดเรื่อง ‘ฝายดักตะกอน’ ยังอยู่ในขั้นตอนการศึกษาเท่านั้น
“เราอยากให้มีวิธีการนำไปสู่การแก้ไขปัญหาที่หมดไป ผมเชื่อว่าเชียงรายมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์และปัญหานี้คงหมดไป” ประเสริฐ กล่าว
ด้าน โอภาส ถาวร รองอธิบดีกรมทรัพยากรน้ำ กล่าวว่า การจัดเวทีครั้งนี้มีเป้าหมายเพื่อรับฟังความคิดเห็นประชาชน ไม่ใช่เพื่อเสนอสร้างฝายดักตะกอน พร้อมยืนยันว่า ‘กรมฯ ไม่ใช่คู่ขัดแย้ง’
“เรามารับฟังไม่ใช่เพื่อการก่อสร้าง แต่เป็นการหาแนวทางแก้ไข เราได้สำรวจแหล่งน้ำใหม่ อาจไม่เพียงพอก็ขอให้ชาวบ้านแสดงความเห็นได้เลย การขัดแย้งกันไม่มีประโยชน์ อยากให้เวทีนี้เป็นการพูดคุย เราอยากให้ท่านแนะน้ำเราว่าถ้าต้องการให้แก้อย่างไร คิดกันอย่างเป็นระบบ แม้เรายังไม่ได้แก้ปัญหาที่ต้นตอ ผมไม่ได้เป็นคนเอาสารหนูมาทิ้งแม่น้ำ แต่ผมอาสามาช่วยแก้ไขและถามความต้องการของพวกท่าน” โอภาส กล่าว
ระหว่างเวที นายโอภาสได้ขอให้ผู้เข้าร่วมยกมือแสดงความเห็นว่า ‘ไม่เห็นด้วยกับการสร้างฝายดักตะกอน’ ซึ่งเสียงส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วย มีเพียงบางส่วนที่ไม่ยกมือ
สำนักข่าวชายขอบรายงานว่า การจัดเวทีครั้งนี้แตกต่างจากเวทีที่จัดก่อนหน้าเมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายน ที่ตำบลท่าตอน อำเภอแม่อาย จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งกรมทรัพยากรน้ำใช้เวลาครึ่งหนึ่งของเวทีอธิบายข้อดีของฝายดักตะกอน โดยให้วิทยากรจากกรมและนักวิชาการร่วมชี้แจง ส่งผลให้เกิดเสียงวิจารณ์ว่าเป็น ‘การลักไก่’ เนื่องจากเวทีถูกระบุว่าเป็นการรับฟังเรื่องคุณภาพน้ำ แต่กลับมีการให้ประชาชนกรอกแบบสอบถามความเห็นต่อการสร้างฝาย ท้ายที่สุดชาวท่าตอนมีมติ ‘ไม่เห็นด้วย’ กับการก่อสร้างดังกล่าว
ขณะที่เวทีเชียงรายในครั้งนี้ กรมทรัพยากรน้ำเปลี่ยนรูปแบบให้ประชาชนเป็นผู้พูดหลัก ไม่มีการบรรยายจากเจ้าหน้าที่หรือผู้เชี่ยวชาญเรื่องฝาย โดยผู้เข้าร่วมส่วนใหญ่เสนอให้รัฐบาลแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า เช่น จัดหาแหล่งน้ำเพื่อการเกษตรและอุปโภคบริโภค พร้อมตั้งข้อสังเกตต่อแบบสอบถามของกรมฯ ที่ไม่ระบุรายละเอียดแนวทางแก้ไข ทำให้เกิดความสงสัยว่าผลการกรอกแบบสำรวจจะถูกนำไปใช้อย่างไร
มณีรัตน์ เขมวงศ์ สมาชิกวุฒิสภา จังหวัดเชียงราย กล่าวว่า คณะกรรมาธิการฯ มีความกังวลต่อแนวคิดฝายดักตะกอน และเห็นว่าควรให้ข้อมูลประชาชนอย่างทั่วถึง พร้อมย้ำว่า ‘การแก้ปัญหาที่ต้นทางคือสิ่งสำคัญที่สุด’
สุชาติยันยุติโครงการ ‘ฝายดักตะกอนแม่น้ำกก’ ย้ำยึดประชาชนเป็นศูนย์กลาง
หลังจากที่ เครือข่ายประชาชนแม่น้ำกก สาย รวก โขง เข้ายื่นข้อเรียกร้อง 5 ข้อ ต่อรัฐบาลและกรมทรัพยากรน้ำ เพื่อยุติโครงการก่อสร้างฝายดักตะกอนมูลค่า 173 ล้านบาทในพื้นที่ ตำบลท่าตอน อำเภอแม่อาย จังหวัดเชียงใหม่ ล่าสุด สุชาติ ชมกลิ่น รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) ได้ออกมาโพสต์เฟซบุ๊กยืนยันว่า รัฐบาลจะยุติโครงการดังกล่าวอย่างเป็นทางการ
สุชาติระบุว่า การตัดสินใจครั้งนี้เป็นไปตามผลสรุปจากการประชุมรับฟังความคิดเห็นของประชาชนกว่า 400 คน ที่จัดขึ้นโดยกรมทรัพยากรน้ำ ณ อำเภอท่าตอน จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งได้ข้อยุติชัดเจนว่า ‘ไม่สร้างฝายดักตะกอน’ โดยรัฐบาลจะเดินหน้านโยบายใหม่ที่ยึดเสียงของประชาชนเป็นหลัก ตามแนวทางของ อนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ที่เน้น ‘ประชาชนเป็นศูนย์กลาง’
เพื่อแก้ปัญหาคุณภาพน้ำในแม่น้ำกกอย่างยั่งยืน รัฐบาลเตรียมดำเนินมาตรการเร่งด่วน 4 ด้าน ได้แก่
1. จัดหาแหล่งน้ำสะอาดสำรอง
2. ติดตั้งสถานีตรวจวัดคุณภาพน้ำและกล้อง CCTV
3. ตรวจสอบคุณภาพน้ำอย่างต่อเนื่อง เผยแพร่ข้อมูลโปร่งใส
4. เจรจาประเทศต้นน้ำ บำบัดน้ำเสียก่อนปล่อยลงแม่น้ำกก
สุชาติระบุเพิ่มเติมว่า ภายในสัปดาห์นี้ได้สั่งการให้จัดประชุม คณะอนุกรรมการขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาคุณภาพน้ำในแหล่งน้ำผิวดิน เพื่อกำหนดแนวทางแก้ไขแบบบูรณาการในทุกมิติ โดยย้ำว่ารัฐบาลจะดำเนินการทุกขั้นตอนโดย คำนึงถึงสิ่งแวดล้อม คุณภาพชีวิตของประชาชน และเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน เป็นสำคัญ
นักวิชาการเตือน คำสั่งรัฐมนตรีไร้น้ำหนักหากไร้การกำกับจริง

มนตรี จันทวงศ์ จาก The Mekong Butterfly แสดงความเห็นต่อกรณีดังกล่าวว่า คำประกาศของ สุชาติ ชมกลิ่น เรื่องยุติการสร้างฝายดักตะกอนไม่ใช่ครั้งแรก เพราะได้พูดไว้ตั้งแต่เมื่อต้นเดือนตุลาคม ระหว่างลงพื้นที่ตำบลท่าตอน อำเภอแม่อาย จังหวัดเชียงใหม่
“ตอนนั้นชาวบ้านก็ยื่นหนังสือคัดค้าน แล้วคุณสุชาติก็บอกตั้งแต่วันนั้นเลยว่า ‘ไม่เอาแล้วฝายดักตะกอน’ ไม่ใช่ว่าพึ่งมาพูดวันนี้เป็นวันแรก”
อย่างไรก็ตาม แม้ในครั้งนั้นรัฐมนตรีจะประกาศจุดยืนชัดเจน แต่กรมทรัพยากรน้ำยังคงเดินหน้าจัดเวทีรับฟังความคิดเห็นในพื้นที่ โดยอ้างว่าเป็นเวทีเพื่อพูดคุยเรื่องการจัดการน้ำทั่วไป แต่เนื้อหากลับเน้นไปที่การสร้างฝายดักตะกอน หรือแม้แต่เปลี่ยนชื่อเรียกเป็น ‘บ่อดักตะกอน’ ซึ่งสะท้อนถึงการไม่เคารพต่อคำสั่งของรัฐมนตรี
“จนวันนี้รัฐมนตรีเจ้ากระทรวงต้องออกมาพูดซ้ำอีกครั้งหนึ่ง ถ้ายังเป็นแบบนี้ แล้วรัฐมนตรีไม่สั่งลงโทษกรมทรัพยากรน้ำบ้าง ไม่ว่าทางใดทางหนึ่ง ผมว่าคำสั่งของรัฐมนตรีก็จะไม่ศักดิ์สิทธิ์”
มนตรีกล่าวเพิ่มเติมว่า หากรัฐบาลยุบสภาภายใน 2–3 เดือนข้างหน้า ก็ไม่มีหลักประกันว่า กรมทรัพยากรน้ำจะไม่หยิบโครงการนี้กลับมาผลักดันอีก โดยเฉพาะในช่วงรอยต่อระหว่างรัฐบาลเก่ากับรัฐบาลใหม่ หรือเมื่อมีรัฐมนตรีคนใหม่เข้ามารับตำแหน่ง พร้อมย้ำว่า หากต้องการให้คำสั่งของรัฐมนตรีมีน้ำหนักจริง ควรมีมาตรการกำกับดูแลและตรวจสอบหน่วยงานในสังกัดอย่างชัดเจน
ทีมข่าวที่ประกอบไปด้วยผู้คนหลากหลาย บ้างก็มาจากทะเล บ้างก็มาจากภูเขา แต่สุดท้ายก็ลงเอยที่ภาคเหนืออยู่ที่ Lanner นี่แหละ...




