20 พฤศจิกายน 2568 เวลา 10.00 น. กลุ่มสื่อเพื่อคนไร้สัญชาติ ‘ตี่ตาง’ ร่วมกับประชาชนชาวอำเภอเวียงแหง เดินทางไปยื่นหนังสือถึง อนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ที่กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 จังหวัดเชียงใหม่ ระหว่างที่คณะนายกฯ ลงพื้นที่เพื่อแถลงผลปฏิบัติการ ’ตัดหมอกเวียงแหง‘ กรณีที่มีการทุจริตสวมสิทธิสถานะบุคคล เอื้อทุนจีนสีเทาและอาชญากรรมข้ามชาติ
หนังสือร้องเรียนดังกล่าวสะท้อนปัญหาเชิงโครงสร้างเกี่ยวกับการพิจารณาสถานะผู้มีถิ่นที่อยู่ถาวรตามมาตรา 17 ซึ่งยังล่าช้าและไม่เป็นธรรม แม้คณะรัฐมนตรีจะมีมติ (29 ตุลาคม 2567) ให้เร่งรัดกระบวนการพิจารณา แต่ประชาชนจำนวนมากที่ยื่นคำขอก่อนวันมติกลับยังไม่ได้รับการพิจารณา ขณะที่ผู้ยื่นคำขอหลังมติกลับได้รับการดำเนินการอย่างรวดเร็ว ทำให้เกิดความเหลื่อมล้ำระหว่างกลุ่มผู้ยื่นคำขอต่างช่วงเวลา
กลุ่มตี่ตาง ยังระบุว่ามีประชาชนจำนวนหนึ่งที่ได้รับอนุมัติถิ่นที่อยู่ถาวรแล้ว แต่ยังไม่สามารถรับเอกสารสำคัญได้ ทั้งใบสำคัญถิ่นที่อยู่ และใบสำคัญประจำตัวคนต่างด้าว ซึ่งจำเป็นต่อการเดินทาง ติดต่อหน่วยงานของรัฐ และการใช้สิทธิตามกฎหมาย แต่ถูกชะลอโดยเจ้าหน้าที่ในพื้นที่ที่อ้างว่า “รอการซักซ้อมความเข้าใจจากกรมการปกครอง” ส่งผลให้ผู้ได้รับอนุมัติยังใช้อำนาจตามกฎหมายไม่ได้จริง
นอกจากนี้ ยังคงมีข้อร้องเรียนต่อเนื่องจากชาวเวียงแหงเกี่ยวกับอุปสรรคในการยื่นคำร้อง การแก้ไขข้อมูลแบบ 89 ความล่าช้าในการได้รับนัดถ่ายบัตร และการปฏิบัติหน้าที่ที่ไม่เท่าเทียม แม้บางรายจะมีหนังสืออนุญาตถิ่นที่อยู่ถาวรแล้วก็ตาม สะท้อนปัญหาการทำงานเชิงระบบที่ส่งผลกระทบโดยตรงต่อสิทธิของคนในพื้นที่ชายแดน
ภายในหนังสือ กลุ่มตี่ตางเสนอข้อเรียกร้องหลัก 3 ประเด็น ได้แก่
1.ให้เร่งพิจารณาคำขอของผู้ยื่นก่อนมติ ครม. เป็นลำดับแรกหรืออย่างน้อยควบคู่กัน เพื่อไม่ให้เกิดความเหลื่อมล้ำ
2.ให้มีหนังสือกำชับสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองและสถานีตำรวจทั่วประเทศ ออกเอกสารสำคัญให้ผู้ได้รับอนุมัติทันทีโดยไม่ตั้งเงื่อนไขเพิ่มเติม
3.ให้เพิ่มจำนวนเล่มใบสำคัญประจำตัวคนต่างด้าวให้เพียงพอกับผู้ที่ได้รับอนุมัติ เนื่องจากหลายพื้นที่ประสบปัญหาเอกสารไม่พอ
ในส่วนข้อเรียกร้องเฉพาะพื้นที่เวียงแหง กลุ่มฯ ขอให้กรมการปกครองส่งเจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญด้านสถานะบุคคลประจำพื้นที่ เนื่องจากเจ้าหน้าที่ปัจจุบันขาดความชำนาญและมีไม่เพียงพอต่อภาระงาน พร้อมทั้งขอให้เร่งตรวจสอบ แก้ไขข้อมูล และจัดทำเอกสารของผู้มีสิทธิตามมาตรา 17 อย่างเร่งด่วน เพื่อให้ประชาชนสามารถเข้าถึงสิทธิตามกฎหมายได้โดยไม่ถูกปิดกั้น

อย่างไรก็ตาม เวลา 10.15 น. ระหว่างที่ประชาชนชาวเวียงแหงรอเข้ายื่นหนังสือ ได้มีเจ้าหน้าที่หลายหน่วยงานเข้ามาเจรจาไม่ให้ยื่นตรงถึงนายกรัฐมนตรี โดยให้เหตุผลว่าจะ “เพิ่มภาระงานให้นายกฯ” และเสนอให้เปลี่ยนไปยื่นกับศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดเชียงใหม่แทน ซึ่งมีเจ้าหน้าที่จากศูนย์ฯ ได้เข้ามารับเรื่องในที่เกิดเหตุ
ต่อมา 10.30 น. เจ้าหน้าที่จากสำนักนายกรัฐมนตรีเข้ามาเจรจาอีกครั้ง โดยแนะนำให้ยื่นผ่านรองเลขานายกรัฐมนตรี หลังการส่งหนังสือเรียบร้อย เจ้าหน้าที่ตำรวจหลายฝ่ายได้เชิญประชาชนชาวเวียงแหงที่ร่วมยื่นหนังสือไปพูดคุยเพิ่มเติมเกี่ยวกับรายละเอียดข้อเรียกร้องภายในอาคารกองบังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรภาค 5

กร ทวยลู ประชาชนชาวเวียงแหง เผยว่า ตนเดินทางมาจากเวียงแหงตั้งแต่เช้าตรู่เพื่อมายื่นหนังสือกับนายกรัฐมนตรี ตนหวังว่าหนังสือที่ยื่นไปถึงแม้จะไม่ได้ยื่นกับนายกฯ โดยตรง แต่ต้องการผลลัพธ์ของข้อเสนอว่าได้รับการแก้ไข เนื่องจากปัญหาเกี่ยวกับคนไร้สัญชาตินั้นมีมาอย่างยาวนานโดยเฉพาะในอำเภอเวียงแหง
ทีมข่าวที่ประกอบไปด้วยผู้คนหลากหลาย บ้างก็มาจากทะเล บ้างก็มาจากภูเขา แต่สุดท้ายก็ลงเอยที่ภาคเหนืออยู่ที่ Lanner นี่แหละ...




