ภาพ: เครือข่ายปกป้องแม่น้ำ กก สาย รวก โขง
เครือข่ายปกป้องแม่น้ำ กก สาย รวก โขง เปิดตัวแคมเปญ ‘ดิบดี’ ภายใต้แนวคิด ‘เมื่อน้ำดิบติดเชื้อ คนใช้น้ำอยากทำอย่างไร’ ชวนสังคมตั้งคำถามถึงความปลอดภัยของน้ำดิบ ที่เป็นต้นทางการผลิตน้ำประปา และเป็นฐานทรัพยากรสำคัญของภาคเกษตร ก่อนจะส่งผลโดยตรงต่อคุณภาพชีวิตผู้ใช้น้ำและความมั่นคงทางอาหารของประเทศ
แคมเปญนี้ตั้งเป้ารวบรวมรายชื่อประชาชน 10,000 รายชื่อ ภายในวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2569 เพื่อยื่นข้อเสนอถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เรียกร้องให้รัฐเร่งตัดสินใจ และลงมือแก้ไขอย่างเป็นรูปธรรมใน 3 ประเด็นเร่งด่วน ได้แก่ ระบบประปาเมือง ประปาหมู่บ้าน และภาคเกษตร ซึ่งล้วนกระทบต่อชีวิตประจำวันของประชาชนโดยตรง
ท่ามกลางปัญหาคุณภาพน้ำในภาคเหนือยังคงเป็นข้อถกเถียงต่อเนื่อง เกือบหนึ่งปีแล้วที่ประชาชนซึ่งพึ่งพาลุ่มน้ำ แม่น้ำกก แม่น้ำสาย แม่น้ำรวก และ แม่น้ำโขง ต้องใช้น้ำที่มีรายงานการปนเปื้อนโลหะหนัก แม้หน่วยงานรัฐจะยืนยันว่าค่าการปนเปื้อนยังอยู่ในเกณฑ์มาตรฐานก็ตาม
ดร.สืบสกุล กิจนุกร อาจารย์จากสำนักวิชานวัตกรรมสังคม มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง ตั้งคำถามว่า ประชาชนในภาคเหนือจะต้องสะสมสารโลหะหนักจากการใช้น้ำไปอีกนานเพียงใด ในเมื่อแหล่งน้ำเหล่านี้ถูกใช้ทั้งเพื่อการอุปโภค บริโภค การเกษตร รวมถึงกิจกรรมในสถานประกอบการต่างๆ ที่เชื่อมโยงพื้นที่ภาคเหนือและภาคอีสาน
เขาเห็นว่า แม้การตรวจจะพบโลหะหนักไม่เกินค่ามาตรฐาน แต่ก็สะท้อนข้อเท็จจริงว่ามีสารโลหะหนักอยู่ในน้ำแล้ว พร้อมตั้งข้อสังเกตต่อท่าทีของรัฐที่มักอ้างว่าร่างกายสามารถขับสารเหล่านี้ออกได้
“การที่คุณบอกว่าประชาชนยังใช้น้ำได้ ร่างกายมีความสามารถขับออกได้ คุณก็พูดได้สิ หากคุณแค่มาโชว์กินปลา โชว์กินน้ำแค่ครั้งเดียวแล้วก็ไป แต่ชาวบ้านใช้น้ำทุกวัน ร่างกายของทุกคนมีความสามารถขับออกเท่าๆ กันอย่างนั้นหรือ ในเมื่อมันสะสมเข้าไปทุกวัน” ดร.สืบสกุลกล่าว พร้อมชี้ว่าปัญหานี้ไม่ควรถูกมองแค่รายงานตัวเลขระยะสั้น
ขณะเดียวกัน ในจังหวัดเชียงราย ประชาชนบางส่วนเริ่มระดมความเห็นถึงความจำเป็นในการเปลี่ยนแปลงแหล่งน้ำดิบสำหรับการผลิตน้ำประปา แม้การประปาส่วนภูมิภาค จะยืนยันว่าได้ปรับกระบวนการผลิตเพื่อกำจัดโลหะหนัก และนำน้ำที่ผ่านการบำบัดแล้วมาใช้ตามมาตรฐานของ องค์การอนามัยโลก ก็ตาม
สำหรับข้อเรียกร้องหลักของแคมเปญ ‘ดิบดี’ มี 3 ประเด็น ได้แก่
1. ขอให้รัฐเร่งรัดงบประมาณและขั้นตอนในการ ย้ายแหล่งน้ำดิบใหม่ ทดแทนพื้นที่ที่พึ่งพาแม่น้ำกก พร้อมกำหนด ไทม์ไลน์ที่ชัดเจน และเปิดเผยความคืบหน้า รายเดือน ให้ประชาชนตรวจสอบได้
2. ต้องมีมาตรการเร่งด่วนสำหรับ ประปาหมู่บ้าน เพราะยังมีคนจำนวนมากพึ่งพาระบบนี้ในชีวิตประจำวัน มาตรการต้องไปให้ถึงการเพิ่มความถี่การตรวจคุณภาพน้ำ การเปิดเผยผลตรวจสู่สาธารณะ การสนับสนุนระบบกรองที่เหมาะกับความเสี่ยงโลหะหนัก และการมีแผนสำรองน้ำสะอาดเมื่อเกิดเหตุฉุกเฉิน
3. ต้องมีมาตรการคุ้มครองและเยียวยา เกษตรกรนาข้าว 130,000 ไร่ “ก่อนข้าวออกสู่ตลาด” ด้วยระบบตรวจและคัดกรองผลผลิตที่เพียงพอ พร้อมกลไกเยียวยาหากพบความเสี่ยง เพื่อป้องกันความเสียหายของเกษตรกรรายย่อย รักษาความเชื่อมั่นของผู้บริโภค และลดความเสี่ยงที่อาจกระทบ ตลาดข้าวไทย หากเกิดกระแสปนเปื้อนโดยที่รัฐไม่มีระบบรองรับ
นี่คือเหตุผลที่ ‘ดิบดี’ ไม่ใช่แค่เรื่องน้ำ แต่คือเรื่องความปลอดภัยในบ้านเรา และความมั่นคงในจานข้าวของคนทั้งประเทศ
สามารถร่วมลงชื่อสนับสนุนข้อเรียกร้องได้ที่ https://www.change.org/crgoodwater เพื่อร่วมผลักดันให้รัฐแก้ปัญหาอย่างจริงจัง โปร่งใส และยั่งยืน
ทีมข่าวที่ประกอบไปด้วยผู้คนหลากหลาย บ้างก็มาจากทะเล บ้างก็มาจากภูเขา แต่สุดท้ายก็ลงเอยที่ภาคเหนืออยู่ที่ Lanner นี่แหละ...




