ประวัติศาสตร์

อินทขีล: ผี พระอินทร์ และนพเคราะห์ กับ พระอุ่มเมืองที่เพิ่งสร้าง 

พิธีเข้าอินทขีลปีนี้สำหรับผู้เขียนนับว่าแปลกกว่าที่ผ่านมา เมื่อทางวัดออกนามให้กับพระพุทธรูปปางรำพึงในบุษบกเหนือเสาอินทขีลว่าพระเจ้าอุ่มเมือง (แป๊ขึด) ซึ่งไม่แน่ใจว่ามาจากนิมิตญาณหรือนำคติความเชื่อ หลักฐาน มาจากเอกสารใด เพราะไม่มีประวัติข้อมูลให้ทราบ ผู้เขียนกังวลใจว่าการตั้งชื่อขึ้นใหม่โดยมิได้มีการนำเสนอข้อมูลเช่นนี้ อาจจะทำให้ผู้สักการบูชาที่เข้าร่วมงานอินทขีลปีนี้และในอนาคต ไขว้เขวกับประวัติของพระพุทธรูป และเกิดความเข้าใจไปว่ามีพระพุทธรูปประดิษฐานเหนือเสาอินทขีลมาแต่เดิมเริ่มสร้าง หากวิเคราะห์ด้วยกรอบคิดทางคติชนวิทยาและประติมานวิทยา ผนวกกับหลักฐานทางประวัติศาสตร์ การประดิษฐานพระพุทธรูปเหนืออินทขีลนี้มิได้ขัดแย้งกับคติอินทขีลแต่เดิมอย่างใด หากแต่เป็นการออกนามแก่พระพุทธรูปว่า พระอุ่มเมือง หรือ พระแป๊ขึด ต่างหากที่กลับจะทำให้ความหมายของอินทขีลและประวัติศาสตร์ ความเชื่อที่มีต่ออินทขีลเป็นปัญหา ในที่นี้ผู้เขียนจึงต้องการนำเสนอการวิเคราะห์เชิงวิชาการข้างต้น โดยใช้แนวพินิจทางประวัติศาสตร์นำเสนอเรื่องราวเกี่ยวกับอินทขีลตามวิธีวิทยาของผู้เขียน หากมีความผิดพลาดประการใดขออภัยหรือเป็นการลบหลู่ต่อผู้ใด ทางผู้เขียนขออภัยมา ณ ที่นี้ อินทขีลเดิม...

โหมโรงล้านนา ว่าด้วยเรื่อง “ล้านนา (Lan Na)” บนพื้นที่ สื่อสารออนไลน์เพื่อการก้าวต่อไป ของเว็บไซต์ Lanner

“ล้านนา” (Lan Na) เป็นชื่อเรียกหน่วยทางการเมืองในยุครัฐจารีตที่อาจมองได้ว่าเป็นหน่วยทางการเมืองวัฒนธรรมซึ่งถูกสืบส่งต่อมาจนถึงยุคปัจจุบันด้วยก็ได้ ตลอดจนเป็นดินแดนของกลุ่มก้อนความสัมพันธ์ที่ผู้คนอาศัยและมีปฏิสัมพันธ์ระหว่างกันและกันในอาณาบริเวณแถบลุ่มแม่น้ำโขงทางตะวันออกมาจนถึงแถบลุ่มแม่น้ำคง (สาละวิน) ทางตะวันตก ตลอดจนแถบตอนใต้ของประเทศจีนหรือสิบสองปันนาทางด้านเหนือเรื่อยลงมา ทางด้านทิศใต้แถบหัวเมืองสุโขทัยที่เป็นอาณาบริเวณของภาคเหนือตอนล่างและภาคกลางตอนบนของประเทศไทยในปัจจุบัน ล้านนาในความหมายของดินแดนจึงมีฐานะเป็นพื้นที่หรืออาณาบริเวณอันบ่งชี้ถึงลักษณะขอบเขตด้านภูมิศาสตร์กายภาพและขอบเขตด้านสังคมวัฒนธรรมซึ่งมีพื้นที่บางส่วนเป็นส่วนหนึ่งของประเทศไทยและมีพื้นที่บางส่วนอยู่ในประเทศเพื่อนบ้าน (ทั้งในประเทศเมียนมา สปป.ลาวและจีนตอนใต้) ทั้งนี้ ข้อถกเถียงในการนิยามต่อ “ความเป็นล้านนาในเชิงพื้นที่” ปรากฏอย่างมากมาย ทว่าการสร้างความรับรู้และความเข้าใจที่มีต่อคำและความคิดที่เกี่ยวกับล้านนา/ความเป็นล้านนา รวมถึงลักษณะของงานวิชาการต่างๆ ซึ่งค้นคว้าความรู้ที่เกี่ยวกับล้านนา/ความเป็นล้านนาหรือเรียกได้ว่า “ล้านนาศึกษา” นั้น ทำให้ผู้เขียนสามารถพิจารณาการจัดวางความรู้ที่มีต่อประเด็นดังกล่าวด้วยมุมมองและความเข้าใจ ได้แก่ 1) ล้านนา/ความเป็นล้านนาในฐานะอาณาบริเวณศึกษา โดยมุมมองที่ว่านี้ก็ไม่ได้จำกัดเฉพาะประเด็นพื้นที่หรืออาณาบริเวณในเชิงภูมิศาสตร์กายภาพ...

อรรถจักร สัตยานุรักษ์: ความปรารถนาอย่างแรงกล้าเพื่อทำให้เกิดความหลากหลายที่เท่าเทียม

กล่าวสรุปงานเวทีวิชาการ Lanna Symposium: Lanna Decolonized “ล้านนาทะลุกรอบอาณานิคม” โดย ศาสตราจารย์เกียรติคุณ ดร.อรรถจักร สัตยานุรักษ์ ภาควิชาประวัติศาสตร์ คณะมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ณ ห้องประชุมชั้น 2 ตึก 3 (ภาควิชาสังคมวิทยาฯ) คณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เมื่อวันที่ 4 มีนาคม...

ความสัมพันธ์ล้านนา-สยาม : ไข้ทรพิษสู่การเผยแพร่ศาสนาคริสต์ในเชียงใหม่ พ.ศ.2410 -2450 

ไข้ทรพิษ โรคฝีดาษ หรือไข้ทรพิศ (Small pox หรือ Variola) โดยคำว่า Variola มาจากภาษาละติน แปลว่า จุด หรือตุ่ม โรคนี้เกิดจากการติดเชื้อไวรัส มีอาการหลักของผู้ป่วย คือ มีผื่นที่เป็นตุ่มหนองขึ้นตามผิวหนังและผื่นก็สามารถแพร่เชื้อได้ด้วย โรคนี้ติดต่อกันได้ค่อนข้างง่าย มีโอกาสเสียชีวิตได้สูง ยังไม่มียารักษา มีวัคซีนสำหรับป้องกันได้ แต่ในปัจจุบันโรคนี้ได้ถูกกำจัดให้สูญสิ้นไปแล้ว จึงไม่มีการแนะนำให้ฉีดวัคซีนในประชากรทั่วไปอีก  ในประวัติศาสตร์มนุษย์โรคนี้ระบาดหลาย ๆ...

ภูมินามพื้นบ้าน: ประวัติศาสตร์ท้องถิ่นกับวรรณกรรมพื้นบ้านล้านนา “The Indigenous Place name in Local History and Folk Literature in Lanna Dialects”

“ภูมินามพื้นบ้าน” เป็นระบบความคิดทางวัฒนธรรมของชาวบ้านทั่วไปที่สัมพันธ์และมีความหมายอย่างแนบแน่นกับการตั้งถิ่นฐานที่อยู่อาศัยอันมีความเกี่ยวข้องอยู่กับความคิดด้านภูมิศาสตร์กายภาพ ประวัติศาสตร์และวรรณกรรมท้องถิ่น ตลอดจนสะท้อนถึงระบบอำนาจ อัตลักษณ์ และศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ของชุมชนในท้องถิ่นอย่างสมบูรณ์ ประวัติศาสตร์ของท้องถิ่นจึงเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการต่อสู้เพื่อช่วงชิงความหมายและพื้นที่ทางสังคมของผู้คนในท้องถิ่นกับอิทธิพลที่ถูกครอบงำจากอำนาจรัฐส่วนกลางซึ่งดำเนินการผ่านผ่านกลไกด้านการปกครอง ศาสนา สื่อและการศึกษาแบบสมัยใหม่ สิ่งเหล่านี้ได้ทำหน้าที่เป็นเครื่องมือสำหรับลดทอนศักดิ์ศรี คุณค่า และความหมายทางสังคมของผู้คนในท้องถิ่นให้อ่อนด้อยลงไป จนกระทั่งชื่อหรือภูมินามของหมู่บ้านหลายแห่ง เกิดความผิดเพี้ยนจากความหมายดั้งเดิมไปอย่างมาก จนในที่สุดอาจทำให้ท้องถิ่นไม่มีที่ยืนทางประวัติศาสตร์ และไม่สามารถอธิบายความเป็นมาของตนเองให้คนรุ่นหลังรับทราบในเรื่องที่ถูกต้องและเป็นจริงได้ ชุมชนในเขตพื้นที่ภาคเหนือตอนบนตั้งชื่อหมู่บ้านตามบริบทต่าง ๆ เช่น ตามสภาพทางภูมิศาสตร์ เช่น บ้านเด่น บ้านดอน บ้านสันป่าสัก บ้านห้วยเกี๋ยง...