วงถกรื้อประวัติศาสตร์ชาติพันธุ์จากชาวเขาสู่ชนเผ่าพื้นเมือง แนะสู้เชิงโครงสร้างมากกว่าแค่อัตลักษณ์

Date:

9 สิงหาคม 2566 กลุ่มชาติพันธุ์ปลดแอกและคณะก่อการล้านนาใหม่ ได้จัดเสวนา “รื้อประวัติศาสตร์ชาติพันธุ์จากชาวเขาสู่ชนเผ่าพื้นเมือง” เนื่องในวันชนเผ่าพื้นเมืองสากล ณ ห้องประชุม ธนี พหลโยธิน อาคาร 1 ชั้น 1 คณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ตั้งแต่เวลา 12.30-17.30 น. 

โดยมีผู้ร่วมเสวนาได้แก่ ผศ.ดร.ประสิทธิ์ ลีปรีชา คณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่, รศ.ดร.ขวัญชีวัน บัวแดง คณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่, อาจารย์นเรศ สงเคราะห์สุข ผู้ทรงคุณวุฒิทีมภาคเหนือตะวัน และ วงเดือน ประกอบกิจ (อดีตสหาย) ดำเนินรายการโดย ลิขิต พิมานพนา กลุ่มชาติพันธุ์ปลดแอก

ก่อนเริ่มวงเสวนามีการกล่าวเปิดและกล่าวความสำคัญ ของวันชนเผ่าพื้นเมืองสากล โดย สุมิตรชัย หัตถสาร ผู้อำนวยการศูนย์พิทักษ์และฟื้นฟูสิทธิชุมชนท้องถิ่น (CPCR)

เนื้อหาในเสวนาได้พูดถึงประเด็น อคติทางชาติพันธุ์ในด้านต่างๆ รวมไปถึงการได้รับผลกระทบจากสงครามเย็นของกลุ่มชาติพันธุ์ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน มีการเล่าถึงเหตุการณ์และประสบการณ์ในอดีตในช่วงที่พรรคคอมมิวนิสต์ประเทศไทยยังมีอิทธิพลอยู่ในพื้นที่สูงของไทยที่ส่งผลให้กลุ่มชาติพันธุ์หลายกลุ่มเข้าร่วมกับพรรคด้วย นอกจากนี้ยังมีการยกหลักฐานว่ากลุ่มใดหรือปัจจัยภายนอกชนิดไหนส่งผลให้กลุ่มชาติพันธุ์บางกลุ่มถึงเลือกปลูกฝิ่น และการเข้ามาของรัฐสมัยใหม่ที่ส่งผลให้เกิดความเหลื่อมล้ำต่อกลุ่มชาติพันธุ์ 

โดยในเสวนามีการให้ข้อเสนอ อาทิ การทำงานเป็นภาคีเพื่อสร้างความเข้าใจในประเด็นชาติพันธุ์ต่อสังคมไทยให้มากขึ้น การมีตัวแทนของกลุ่มชาติพันธุ์เข้าไปในสภาเพื่อเป็นปากเสียงแก่กลุ่มชาติพันธุ์ การต่อสู้เชิงโครงสร้างที่มากกว่าการต่อสู้ในเชิงการเมืองอัตลักษณ์ สร้างความเป็นกลุ่มก้อนที่สามารถต่อรองกับอำนาจเชิงโครงสร้างได้

ในช่วงท้ายหลังจบเสวนามีการอ่านแถลงการชาติพันธุ์ปลดแอก (Free Indigenous People: FIP) ปักหมุดหมายชำระประวัติศาสตร์ จาก ‘ชาวเขา’ สู่ชนเผ่าพื้นเมือง เป็นการ มีเนื้อหาดังนี้

“ไม่อาจปฏิเสธได้อีกแล้ว ว่าประเด็นปัญหาของกลุ่มชาติพันธุ์และชนเผ่าพื้นเมืองไทยนั้นเกี่ยวพันกับการจัดความสัมพันธ์ทางอำนาจของกลุ่มชนชั้นนำ เมื่อยุคหนึ่งกลุ่มชาติพันธุ์และชนเผ่าพื้นเมืองถูกมองเป็นภัยต่อความมั่นคง เป็นมวลชนของคอมมิวนิสต์ ขณะเดียวกันก็ดำรงชีวิตอยู่ในพื้นที่ป่าต้นน้ำ ถูกมองว่าตัดไม้ทำลายป่า กลายเป็นกลุ่มคนนอกกฎหมายที่น่าหวาดระแวงของรัฐไทย

แต่จนวันหนึ่งเมื่ออำนาจตามกฎหมายได้ครอบคลุมไปถึง กลุ่มชาติพันธุ์และชนเผ่าพื้นเมืองกลับถูกกล่อมเกลาให้กลายเป็นฐานอำนาจของกลุ่มชนชั้นนำ ตั้งแต่อำนาจรัฐ จนถึงอำนาจเหนือรัฐ ศักยภาพในการจัดการตนเองของเผ่าพันธุ์ถูกทำให้หดแคบภายใต้วาทกรรม โง่ จน เจ็บ ถูกจัดการให้กลายเป็นมวลชนใต้แนวคิดการอุปถัมภ์ ต้องร้องขอ ต้องรอรับการสงเคราะห์ และต้องนอบน้อมระลึกถึงบุญคุณของระบบอำนาจที่ถูกประกอบสร้างภายใต้รัฐไทย หลายทศวรรษที่ผ่านมานานาปัญหาของกลุ่มชาติพันธุ์และชนเผ่าพื้นเมืองจึงไม่เคยถูกแก้ไขอย่างถอนรากถอนโคน และถูกกดทับอย่างต่อเนื่องในสถานการณ์การเมืองเผด็จการ

อย่างไรก็ตาม พี่น้องกลุ่มชาติพันธุ์และชนเผ่าพื้นเมืองหลายกลุ่มได้พยายามลุกขึ้นมาต่อสู้เพื่อปลดพันธนาการการกดขี่เผ่าพันธุ์ดังกล่าว ทั้งพยายามส่งเสียงหวังสร้างภราดรภาพในสังคมว่าเราไม่ใช่ ‘ชาวเขา’ ในความหมายที่รัฐไทยสร้างให้ แต่เราคือชนเผ่าพื้นเมือง คือเพื่อนร่วมสร้างสรรค์สังคม การลุกขึ้นสู้ในหลายครั้งจบลงด้วยความรุนแรงโดยรัฐ ถูกกระทำอย่างป่าเถื่อนจนสูญเสียชีวิต วิถีที่เคยดำเนินอย่างปรกติถูกรุกรานปรับเปลี่ยน การดำรงชีพอยู่ภายใต้สถานการณ์การกดขี่เช่นนี้ไม่เคยสร้างความมั่นคงต่อชีวิตและจิตใจ ไร้ซึ่งศักดิ์ศรีความเป็นคน

ในวันชนเผ่าพื้นเมืองโลกปีนี้ พวกเราในนาม ‘ชาติพันธุ์ปลดแอก’ ขอยืนยันว่าเราไม่อาจยอมต่อสภาวะการกดขี่เช่นนี้ได้อีกต่อไป จึงขอส่งเสียงของพวกเราต่อทุกภาคส่วนของสังคม เพื่อปลดแอกและชำระประวัติศาสตร์ ‘ชาวเขา’ สู่ชนเผ่าพื้นเมือง ดังนี้

1. รัฐไทยและทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง จะต้องรับผิดชอบต่อทุกการกระทำ การผลิตซ้ำมายาคติเชิงลบ ทุกการกดขี่ ทุกโศกนาฏกรรมที่เกิดขึ้นกับกลุ่มชาติพันธุ์และชนเผ่าพื้นเมือง ร่วมชำระประวัติศาสตร์ ‘ชาวเขา’ ด้วยการขอโทษกลุ่มชาติพันธุ์และชนเผ่าพื้นเมืองด้วยความจริงใจ

2. ต้องปลดแอกมรดกสงครามเย็นออกจากนโยบายและกฎหมายทั้งหมด อาทิ พระราชบัญญัติอุทยานแห่งชาติ พระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า นโยบายคณะกรรมการป่าไม้แห่งชาติ รวมถึงพระราชบัญญัติสัญชาติ

3. กฎหมายเพื่อส่งเสริมศักยภาพ และคุ้มครองสิทธิของกลุ่มชาติพันธุ์ ถือเป็นแนวนโยบายขั้นแรกที่ทุกภาคส่วนต้องร่วมกันผลักดันให้มีผลบังคับใช้เป็นไปตามเจตนารมณ์ของกลุ่มชาติพันธุ์และชนเผ่าพื้นเมืองในประเทศไทยโดยเร่งด่วน

เพื่อชำระประวัติศาสตร์ ปลดแอกการกดขี่กลุ่มชาติพันธุ์และชนเผ่าพื้นเมือง และยืนยันว่าเราไม่ใช่มวลชนเครื่องมือหรือฐานอำนาจของกลุ่มชนใด เช่นนี้จึงเป็นการทวงสิทธิและศักดิ์ศรีคืนสู่กลุ่มชาติพันธุ์และชนเผ่าพื้นเมืองอย่างแท้จริง

ประกาศเนื่องในวันชนเผ่าพื้นเมืองโลก 9 สิงหาคม 2566 ณ คณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่”

พื้นที่สื่อสาร สังคมประชาธิปไตย ชีวิตใหม่ที่ดีกว่า

ทีมข่าวที่ประกอบไปด้วยผู้คนหลากหลาย บ้างก็มาจากทะเล บ้างก็มาจากภูเขา แต่สุดท้ายก็ลงเอยที่ภาคเหนืออยู่ที่ Lanner นี่แหละ...

Lanner Editor
Lanner Editor
ทีมข่าวที่ประกอบไปด้วยผู้คนหลากหลาย บ้างก็มาจากทะเล บ้างก็มาจากภูเขา แต่สุดท้ายก็ลงเอยที่ภาคเหนืออยู่ที่ Lanner นี่แหละ...

More like this
Related

เชียงใหม่รวมพลังเครือข่าย “เปิดโลกคนไร้บ้าน” ขับเคลื่อนระบบคุ้มครองคนไร้ที่อยู่อาศัยอย่างยั่งยืน

เมื่อวันที่ 20 ตุลาคม 2568 ที่ลานประตูท่าแพ อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ คณะทำงานคนไร้บ้านเมืองเชียงใหม่ ร่วมกับหน่วยงานภาครัฐและภาคีเครือข่าย...

ไร้ความคืบหน้า ประชาชนลุ่มน้ำกก-สาย-รวก-โขง ร้องรัฐเร่งแก้ปัญหามลพิษเหมืองเมียนมา

21 ตุลาคม 2568 สืบสกุล กิจนุกร โพสต์เฟซบุ๊กเรียกร้องความคืบหน้าการแก้ไขปัญหาการปนเปื้อนสารโลหะหนักในแม่น้ำกก-สายรวก-โขงจากเหมืองแร่ในเมียนมา โดยระบุถึงนายกรัฐมนตรี อนุทิน ชาญวีรกุล...

สภาฯ ผ่านฉลุยร่าง ‘พ.ร.บ.อากาศสะอาด’ 309 เสียง เตรียมส่งต่อวุฒิสภา กมธ.ชี้เป็น ‘อาวุธใหม่’ ทวงคืนอากาศบริสุทธิ์ให้คนไทย

21 ตุลาคม 2568 ที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรมีมติ ‘เห็นชอบ’ ร่างพระราชบัญญัติบริหารจัดการเพื่ออากาศสะอาด พ.ศ. ... ในวาระที่...

เจียงใหม่กำลังจะ “โฮะ” แหมรอบ!

กับ Chiang Mai HO Zix เทศกาลดนตรีตี้รวมศิลปินออริจินัลเชียงใหม่ไว้นักที่สุดกว่า 40 วง 4...