ศาลลำปางยกฟ้อง ม.112 เหตุนักศึกษาลำปางปลดรูป

Date:

19 มกราคม 2566


เมื่อวันที่ 17 มกราคมที่ผ่านมา ศาลจังหวัดลำปางนัดอ่านคำพิพากษาคดี ไลลา (นามสมมติ) บัณฑิตจากคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์ลำปาง ถูกฟ้องร้องด้วยข้อกล่าวหาทำให้ทรัพย์ที่มีไว้เพื่อสาธารณประโยชน์เสียหายเสื่อมค่า ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 360 และ“หมิ่นประมาทกษัตริย์” ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 กรณีปลดรูปพระบรมฯ รัชกาลที่ 10 และพระราชินี โดยหลังจากการสืบพยานและหลักฐาน ศาลจังหวัดลำปาง มีคำพิพากษาสั่ง “ยกฟ้อง” หลังพยานหลักฐานไม่สามารถพิสูจน์ได้และการชุมนุมไม่ได้กล่างถึงสถาบันฯ

เว็บไซต์ ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน รายงานว่า วันที่ 17 ม.ค. 2566 ศาลจังหวัดลำปางนัดอ่านคำพิพากษาคดีของ “ไลลา” (นามสมมติ) บัณฑิตจากคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์ลำปาง ที่ถูกฟ้องร้องด้วยข้อกล่าวหาทำให้ทรัพย์ที่มีไว้เพื่อสาธารณประโยชน์เสียหายเสื่อมค่า ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 360 และ“หมิ่นประมาทกษัตริย์” ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112

สำหรับเหตุในคดีนี้ เกิดขึ้นภายหลังการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินร้ายแรงในพื้นที่กรุงเทพมหานคร มีการจับกุมผู้ชุมนุมและแกนนำราษฎร และมีการใช้กำลังเจ้าหน้าที่เข้าฉีดน้ำและสารเคมีสลายการชุมนุมที่สี่แยกปทุมวันเมื่อวันที่ 16 ต.ค. 2563 ทำให้ในหลายจังหวัดมีการนัดหมายชุมนุมแสดงออกคัดค้านการใช้ความรุนแรงของเจ้าหน้าที่

เช่นเดียวกับที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์ลำปาง เมื่อวันที่ 17 ต.ค. 2563 มีกลุ่มนักศึกษานัดหมายชุมนุมและเดินขบวนไปยังหน้ามหาวิทยาลัย ก่อนจะปรากฏภาพการปลดพระบรมฉายาลักษณ์ของรัชกาลที่ 10 และพระราชินี แล้วพบว่าภาพดังกล่าวฉีกขาด เป็นที่มาของการกล่าวหาในคดีนี้ โดยมีนักศึกษา 2 ราย ถูกตำรวจ สภ.ห้างฉัตร กล่าวหาดำเนินคดีตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 360 และมาตรา 112 ก่อนอัยการจะมีคำสั่งฟ้องคดีต่อศาลเมื่อวันที่ 28 เม.ย. 2564

ก่อนหน้านี้ “เบนซ์” (นามสมมติ) นักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์อีกรายหนึ่ง ที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นผู้ปลดรูปดังกล่าวลงมา ได้ให้การรับสารภาพในชั้นศาล และศาลจังหวัดลำปางได้พิพากษาจำคุก 3 ปี แต่เนื่องจากจำเลยให้การรับสารภาพ จึงลดโทษครึ่งหนึ่ง เหลือโทษจำคุก 1 ปี 6 เดือน และเนื่องจากจำเลยยังมีสถานะเป็นนักศึกษา ไม่เคยกระทำความผิดมาก่อน โทษจำคุกจึงให้รอการลงโทษไว้เป็นเวลา 2 ปี

ส่วนของไลลานั้นยืนยันให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหาและขอต่อสู้คดีถึงที่สุด จึงได้มีการสืบพยานในคดีระหว่างวันที่ 28-30 มิ.ย. และ 12 ต.ค. 2565 รวม 4 นัด เมื่อสืบพยานแล้วเสร็จ ศาลจังหวัดลำปางจึงได้นัดฟังคำพิพากษาในวันนี้

เวลาประมาณ 09.30 น. ไลลาและทนายความได้เดินทางเข้าไปยังห้องพิจารณาคดีที่ 5  โดยมีผู้เดินทางมาให้กำลังใจ ทั้งเพื่อนนักศึกษาจากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์และพ่อกับแม่ของไลลา พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจสันติบาลนอกเครื่องแบบ 1 นาย ที่เดินทางมาฟังคำพิพากษาด้วย

เวลาประมาณ 9.45 น. ศาลจังหวัดลำปางอ่านคำพิพากษาโดยสรุปว่า จากพยานหลักฐานของโจทก์มีพยานปาก พ.ต.ต.เจริญ ฝั้นธรรมครั้ง ที่เบิกความยืนยันว่าจำเลยเป็นคนสั่งการและชี้มือให้มีการปีนขึ้นไปดึงรูปลง แต่ในการตอบทนายความจำเลยถามค้าน คำเบิกความดังกล่าวของพยานในชั้นศาลกลับไม่มีปรากฏในเอกสารคำให้การชั้นสอบสวนที่พยานได้ให้การกับพนักงานสอบสวนในครั้งแรก อีกทั้งเอกสารการถอดเทปปราศรัยและภาพเคลื่อนไหวที่ถูกบันทึกไว้เป็นหลักฐานในศาล ก็ไม่ปรากฎยืนยันข้อเท็จจริงดังกล่าว ประกอบกับจำเลยไม่เคยรู้จักกับผู้ดึงภาพจนฉีกขาดมาก่อน จึงผิดวิสัยปกติที่จะเป็นการใช้ให้บุคคลอื่นไปกระทำการในเรื่องร้ายแรงเช่นนั้นได้ กรณีมีความสงสัยตามสมควรว่าจำเลยได้กระทำความผิดหรือไม่ ยกประโยชน์แห่งความสงสัยให้จำเลย พิพากษายกฟ้องจำเลย

หลังได้ยินคำพิพากษาแล้วจำเลยได้กอดกับแม่และร้องไห้ออกมา พร้อมกับทำการยกมือไหว้ศาลที่ได้พิพากษายกฟ้อง 

ไลลายังเปิดเผยความรู้สึกหลังฟังคำพิพากษาอีกว่า ก่อนหน้าจะฟังคำพิพากษา มีความเครียดมากๆ และตื่นเต้นใจสั่นมาก ไม่อยากจะเข้าห้องพิจารณาไปฟังคำพิพากษาเลย แต่พอฟังคำพิพากษาแล้วก็ดีใจ แต่ดีใจไม่สุดเพราะเป็นเพียงศาลชั้นต้น ยังมีศาลอุทธรณ์ ศาลฎีกาอีก แต่ก็ถือว่าเป็นจุดที่ดีที่ยกฟ้องวันนี้ 

เธอระบุว่าตลอดระยะเวลาที่ต้องต่อสู้อยู่กับคดีนี้มาราวเกือบ 3 ปี ต้องประสบความเครียดและกังวลอยู่ตลอดเวลา เหมือนมีคดีนี้เป็นชนักอยู่ตลอดเวลา ทำให้ไปไหนไม่ได้ ทำอะไรไม่ได้ พอผลมันออกมาเช่นนี้ ก็คิดว่าอเป็นทิศทางที่ดี หวังว่าจะดีในศาลชั้นต่อๆ ไป หากฝ่ายโจทก์มีการอุทธรณ์คดีต่อ

ทีมข่าวที่ประกอบไปด้วยผู้คนหลากหลาย บ้างก็มาจากทะเล บ้างก็มาจากภูเขา แต่สุดท้ายก็ลงเอยที่ภาคเหนืออยู่ที่ Lanner นี่แหละ...

กองบรรณาธิการ
กองบรรณาธิการ
ทีมข่าวที่ประกอบไปด้วยผู้คนหลากหลาย บ้างก็มาจากทะเล บ้างก็มาจากภูเขา แต่สุดท้ายก็ลงเอยที่ภาคเหนืออยู่ที่ Lanner นี่แหละ...

More like this
Related

ริมกกซวยซ้ำ! น้ำประปา ผัก ปลา ปนเปื้อนโลหะหนัก ชาวบ้าน 7 รายมีสารในปัสสาวะสูง จี้รัฐเร่งแก้ไข

ผ่านมากว่าครึ่งปีกับวิกฤตสารโลหะหนักปนเปื้อนในแม่น้ำกกที่ไม่เพียงแต่ส่งผลต่อระบบนิเวศของสายน้ำ แต่กระทบไปถึงวิถีชีวิตของผู้คนริมฝั่งแม่น้ำ เศรษฐกิจ การท่องเที่ยว การประกอบอาชีพอย่างการประมงและการเกษตร กลายเป็นปัญหาใหญ่ข้ามพรมแดนที่ไม่อาจแก้ได้ฝ่ายเดียว นี่เป็นสัญญาณบ่งบอกว่าสายน้ำสำคัญที่หล่อเลี้ยงชีวิตของผู้คนมานับไม่ถ้วนกำลังเผชิญกับหายนะอย่างหนัก แม่น้ำกกมีต้นกำเนิดอยู่ในเขตรัฐฉาน ประเทศเมียนมา ไหลเข้าสู่ประเทศไทยในตำบลท่าตอน...

วิกฤตชาวประมงปากน้ำกก ยื่นข้อเสนอ 4 ข้อ รัฐเยียวยา-เร่งเจรจาหยุดสารพิษ

​14 ตุลาคม 2568 ชาวประมงจากสามชุมชนปากแม่น้ำกก ได้แก่ บ้านเชียงแสนน้อย บ้านสบคำ ตำบลเวียง และบ้านสบกก...

เปิดโผผู้ว่าหน้าใหม่ เชียงใหม่-เชียงราย-แม่ฮ่องสอน-ลำปาง ย้ายแทนหน้าเก่าหลังแต่งตั้งได้ไม่ถึง 2 เดือน

มติคณะรัฐมนตรีล่าสุดเมื่อวันที่ 14 ตุลาคม 2568 มีคำสั่งให้โยกย้ายข้าราชการระดับสูงของกระทรวงมหาดไทย จำนวน 45 ตำแหน่ง ในพื้นที่...

ชาวกะเบอะดินจัดงาน ‘ครบรอบ 6 ปี คัดค้านเหมืองแร่ถ่านหินอมก๋อย’ ยืนยันจะปกป้องผืนดินด้วยชีวิต

ภาพ: วชิรญาณ์ วิรัชบุญญากร เสียงตะโกน “เหมืองแร่ออกไป! เหมืองแร่ออกไป!” ดังก้องไปทั่วผืนนา บ้านกะเบอะดิน อำเภออมก๋อย จังหวัดเชียงใหม่  11...