27 พฤศจิกายน 2568 ศาลปกครองเชียงใหม่ อ่านผลคำพิพากษาศาลปกครองสูงสุด กรณีชาวบ้านในพื้นที่ตำบลบ้านแหง อำเภองาว จังหวัดลำปาง หรือ ‘กลุ่มรักษ์บ้านแหง’ จำนวน 386 คน ร่วมกันยื่นฟ้อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม และพวก โดยขอให้ศาลมีคำสั่งเพิกถอนประทานบัตรเหมืองแร่ ซึ่งกินระยะเวลากว่า 10 ปี นับตั้งแต่มีการยื่นฟ้องคดี
เวลา 10.00 น. ชาวบ้าน ‘กลุ่มรักษ์บ้านแหง’ ราว 50 คน เข้ารับฟังผลคำพิพากษาศาลปกครองสูงสุด ณ ศาลปกครองเชียงใหม่ ภายหลังที่มีการยื่นฟ้องรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม, กรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่, อุตสาหกรรมจังหวัดลำปาง, กำนันตำบลบ้านแหง, คณะกรรมการผู้ชำนาญการในคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติด้านเหมืองแร่ และอุตสาหกรรมถลุง หรือแต่งแร่, สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และองค์การบริหารส่วนตำบลบ้านแหง ต่อศาลปกครองเชียงใหม่ เมื่อวันที่ 22 ตุลาคม 2558
ในการยื่นฟ้องเมื่อครั้งดังกล่าว กลุ่มรักษ์บ้านแหง ขอให้ศาลมีคำสั่งเพิกถอนประทานบัตรเหมืองแร่, รายงานการไต่สวนประกอบคำขอประทานบัตร, รายงานการทำประชาคม และรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) โครงการเหมืองแร่ถ่านหินลิกไนต์ของบริษัทเขียวเหลือง จำกัด ในพื้นที่ตำบลบ้านแหง อำเภองาว จังหวัดลำปาง ด้วยเหตุที่กระบวนการขอประทานบัตรและกระบวนการต่าง ๆ ไม่ชอบด้วยกฎหมายและขาดการมีส่วนร่วมของประชาชนผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในพื้นที่
ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 22 เมษายน 2563 ศาลปกครองชั้นต้นได้พิพากษา ให้เพิกถอนประทานบัตรเหมืองแร่ลิกไนต์ในพื้นที่ดังกล่าว
อย่างไรก็ตาม ความคืบหน้าล่าสุด ภายหลังการอ่านผลคำพิพากษาวันที่ 27 พฤศจิกายน 2568 ศาลปกครองสูงสุดมีคำสั่งพิพากษายกคำพิพากษาของศาลปกครองชั้นต้น และส่งสำนวนคดีคืนไปยังศาลปกครองชั้นต้น เพื่อให้ศาลปกครองชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณาให้ถูกต้อง และมีคำพิพากษาใหม่ตามรูปคดีต่อไป

เฉลิมศรี ประเสริฐศรี ทนายความจากมูลนิธิศูนย์ข้อมูลชุมชน อธิบายเพิ่มเติมว่าการพิพากษาในครั้งนี้ ศาลสูงสุดมองว่าศาลชั้นต้นแสวงหาข้อเท็จจริงไม่เพียงพอ จึงมีคำสั่ง ‘ยกย้อน’ ให้ศาลชั้นต้นพิจารณาพิพากษาคดีหรือมีคำสั่งใหม่ ซึ่งหมายถึงการดำเนินการไม่ถูกต้อง ทำให้ต้องส่งสำนวนกลับไปพิจารณาใหม่
ด้าน แววรินทร์ บัวเงิน สมาชิกกลุ่มรักษ์บ้านแหง เผยว่า ‘เหมืองแร่เข้ามาเปลี่ยนวิถีชีวิต’ และมีความกังวลกับการพิจารณาคดีครั้งหน้า ในแง่ที่กระบวนการพิจารณาคดีอาจยึดผลอิงกับกฎหมายใหม่ เนื่องจากฟ้องคดีเป็นระยะเวลามาแล้วเกือบ 15 ปี

ชุติมา ชื่นหัวใจ ตัวแทน ‘กลุ่มรักษ์บ้านแหง’ เผยความรู้สึกว่า ก่อนการอ่านคำพิพากษาในวันนี้ ตนรู้สึกดีใจและมีหวัง เนื่องจากสถานการณ์การต่อสู้คัดค้านการทำเหมืองที่ผ่านมา เริ่มดูเหมือนจะคลี่คลายและไม่ตึงเครียดเหมือนเก่า ทว่าเมื่อคำติดสินของศาลปกครองสูงสุดปรากฏในลักษณะดังกล่าว ตนจึงต้องกลับมาฮึดสู้อีกครั้ง
นอกจากนี้ ชุติมา ยังเผยอีกว่า ตนมีความกังวลเรื่องเหมืองแร่ในพื้นที่เพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะเมื่อได้รับทราบถึงกรณีที่รัฐบาลได้ร่วมลงนาม MOU แร่ยุทธศาสตร์ ร่วมกับสหรัฐฯ
“กลับไปบ้านแหงก็ต้องประชุมกันอีกรอบ เอาข้อมูลวันนี้ไปขยายให้พี่น้องในพื้นที่ฟังว่าต้องทำยังไงต่อ ส่วนตัวกังวลตั้งแต่วันที่ได้รับข่าวจากทนายว่าจะต้องมาฟังคำพิพากษา ยิ่งพอรู้ว่ารัฐบาลอนุทินไปลงนามใน MOU กับทรัมป์ปุ๊บ เรื่องเหมืองมันขยับทันทีเลย เราก็ต้องเตรียมตัวให้พร้อมสู้เพื่อวิถีชีวิตและอนาคตของคนบ้านแหง”
ทีมข่าวที่ประกอบไปด้วยผู้คนหลากหลาย บ้างก็มาจากทะเล บ้างก็มาจากภูเขา แต่สุดท้ายก็ลงเอยที่ภาคเหนืออยู่ที่ Lanner นี่แหละ...




