เสวนา “รัฐธรรมนูญกับการกระจายอำนาจ และการแก้ไขความเหลื่อมล้ำ” นักวิชาการชี้รัฐธรรมนูญไทยไม่มีประชาธิปไตย

Date:

เมื่อวันที่ 15 ธันวาคม 2566 คณะรัฐศาสตร์และรัฐประศาสนศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ จัดงานเสวนา “รัฐธรรมนูญกับการกระจายอำนาจ และการแก้ไขความเหลื่อมล้ำ” ณ ห้องสืบค้น คณะรัฐศาสตร์และรัฐประศาสนศาสตร์ เวลา 13:30-16:30 น. ดำเนินรายการโดย นางสาววรินทร สมฟอง นายกสโมสรนักศึกษาคณะรัฐศาสตร์และรัฐประศาสนศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่

ด้าน ร.ศ.ยุทธพร อิสรชัย อาจารย์ประจำรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมมาธิราช กล่าวว่า ความคาดหวังในการแก้ไขรัฐธรรมนูญนั้นมีมาโดยตลอด และทางด้านโครงสร้างที่ผ่านมาคณะกรรมการรัฐธรรมนูญได้ร่วมผลักดันซึ่งแบ่งออกเป็น 2 ส่วนคือ อนุรับฟังความคิดเห็นของประชาชนเกี่ยวกับแนวทางในการทำประชามติ เพื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2560 และคณะทำงานเพื่อศึกษาและรวบรวมข้อเสนอการปรับปรุงแก้ไขพรบ.ว่าด้วยการออกเสียงประชามติ พ.ศ.2564 และมีจำแนกย่อยคือคณะอนุกรรมการศึกษาแนวทางในการแก้ไขรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2560

ร.ศ.ยุทธพร กล่าวต่อว่า ​ 2 เดือนที่ผ่านมาคณะกรรมการรัฐธรรมนูญได้ดำเนินงานเปิดรับฟังความคิดเห็น กมธ. พัฒนาการเมือง วุฒิสภา กมธ.พัฒนาการเมือง สภาผู้แทน นิสิตนักศึกษา พรรคก้าวไกล ภาคประชาชน กลุ่มอาชีพ และภาคส่วนต่าง ๆ และเดินสายภูมิภาค พบว่า 1.มีความเห็นหลากหลายทั้งการแก้ทังฉบับและรายมาตราจึงควรใช้คำว่าจัดทำรัฐธรรมมนูญใหม่ ​ 2.องค์กรปูวัดทำรัฐธรรมบุญควรเป็น สสร.ที่มาและองค์ประกอบยังไม่มีข้อสรุป รอรับฟังความคิดเห็น 3.ความเห็นต่อคำวินิจฉัยที่ 4/2564 ทำประชามติ 3 หรือ 2 ครั้ง 4.การทำประชามติควรมีแนวทางอย่างไร กม.ประชามติ ควรแก้หรือไม่ คำถามควรเป็นอย่างไร ? ประหยัดงบประมานได้หรือไม่อย่างไร ?

“นอกจากนี้จะดำเนินการรับฟังความคิดเห็นต่อไป 1. โดยเฉพาะความเห็นต่างกลุ่มชาติพันธุ์ และรัฐภา 2.มอบอนุฯ ประชามติดำเนินการศึกษาและจัดทำข้อเสนอเพื่อแก้ไขกฎหมายประชามติ 3.การดำเนินการในการรับฟังความคิดเห็น หรือการดำเนินการต่าง ๆ ต้องเป็นเป็นไปเพื่อให้ความเห็นต่าง ได้มีโอกาสแสดงออกมา 4.จัดทำหนังสือถึง กกต. เพื่อสอบทามแนวทางที่ชัดเจนในการทำประชามติ 5.ศึกษาและเสนอแนะแนวทางการแก้ไขมาตรา 256 ในรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2560”

ขณะที่ เพชรรัตน์ ใหม่ชมภู สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จังหวัดเชียงใหม่ เขต 1 กล่าวว่า คณะกรรมธิการกระจายอำนาจได้เปิดประชุมนัดแรกเมื่อวันที่ 12 ตุลาคม 2566 ที่ผ่านมา จนมาถึงวันนี้มีการประชุมเพียง 4 นัด ทางพรรคก้าวไกลได้แบ่งประเด็นงานเป็น 15 ประเด็น และ 1 ในนั้นคือการกระจายอำนาจ ความคืบหน้าของประเด็นกระจายอำนาจที่เราได้เสนอต่อสภาผู้แทนราษฎรคือ ร่างแก้ไขพรบ.กำหนดแผนและขั้นตอนการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ใจความสำคัญพรบ.ตัวแรกปี 2542 คือ เขาได้กำหนดไว้ว่าท้องถิ่นทำอะไรได้บ้าง ? และทำอะไรไม่ได้บ้าง? แต่ทางพรคก้าวไกลได้ยื่นแก้ไขไปใหม่นั้นจะมาในแนวของ Negative list สามารถทำได้ทุกอย่างยกเว้น ศาล ทหาร กองทัพ และสิ่งที่เกี่ยวข้องระหว่างประเทศ ทั้งนี้ยังเพิ่มอำนาจส่วนปกครองท้องถิ่นสามารถหารายได้ กู้เงิน หรือ ออกธนบัตรได้เอง ในส่วนร่างพรบ.ทางบกคือเพิ่มอำนาจส่วนปกครองท้องถิ่นในการจัดทำขนส่งสาธารณะ โครงสร้างพื้นฐานเกี่ยวกับขนส่งทางบกที่จำเป็นต่อพื้นที่นั้น ๆ

“ส่วนของกรรมาธิการการกระจายอำนาจ ได้เชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาชี้แจงเกี่ยวกับการใช้พื้นที่เพื่อสร้างถนนหนทางและอาศัยในพื้นที่เขตอุทยาน กรมป่าไม้ และอื่น ๆ ในอนาคตเราจะร้องขอไปยังประธานคณะกรรมการกระจาย เราต้องการขอตั้งอนุกรรมธิการแก้ไขกฎหมายหรือพรบ.ต่าง ๆ ที่เป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาและมีผลต่อการกระจายอำนาจ ในกลไกของกรรมธิการจะเป็นกลไกในการช่วยตรวจสอบกระทรวงต่างๆ โดยเฉพาะกระทรวงมหาดไทยโยมีเจ้ากระทรวงคือพรรคภูมิใจไทยเอง ในส่วนของพรรคก้าวไกลที่ได้เข้าไปนั่งในกรรมาธิการมี 4 คน เราก็จะพยายามอย่างเต็มที่เพื่อจะทำงานในฝั่งกรรมธิการทำงานในเชิงประเด็นโดยเฉพาะ 15 ประเด็นดังกล่าวที่ผ่านมาให้เกิดขึ้นจริงและเกิดขึ้นกับพี่น้องในชุมชนจริง ๆ”นางสาวเพชรรัตน์กล่าว

ด้าน ศาสตราจารย์เกียรติคุณ ดร.ธเนศวร์ เจริญเมือง คณะรัฐศาสตร์และรัฐประศาสนศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ กล่าวว่า ในประเทศของเราเป็นประเทศที่กระจายอำนาจล้าช้า ช้าทั้งการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างประเทศ เหตุผลสำคัญคือเราเป็นประเทศที่มีสถานะทางด้านยุธศาสตร์ที่ทำให้ประเทศมหาอำนาจเข้ามาจัดการประเทศที่ยืนอยู่หน้าสุดที่จะต่อสู้กับประเทศที่เป็นสังคมนิยมในอดีต โดยใช้มาตรการแบบเผด็จการทหารเข้ามาข่มขู่

“จึงทำให้ประเทศเราเกิดความล้าช้ารุนแรงขึ้น อีกอันคือประเทศเราไม่เคยเป็นเมืองขึ้นมาก่อนทำให้กลไกต่าง ๆ ในสังคมของเราหลายกลไกไม่มีความคึกคักทางการเมือง จะเห็นได้ว่าผู้นำประเทศเพื่อนบ้านเรามีผู้นำที่ต่อสู้เพื่อเอกราชแต่เราไม่มีเราจึงไม่มีขบวนการเคลื่อนไหวต่อสู้เพื่อเอกราช แม้ว่าเราจะมีกระบวนการเคลื่อนไหวเพื่อประชาธิปไตยแต่เราก็ถูกทยอยไล่เก็บบ้างก็ลี้ภัยทางการเมืองเป็นจำนวนมาก” ธเนศวร์ กล่าว

ขณะที่ ผ.ศ.ดร.ณัฐกร วิถิตานนท์ อาจารย์คณะรัฐศาสตร์และรัฐประศาสนศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ กล่าวว่า รัฐธรรมนูญไทยมี 20 ฉบับ แต่มีเพียง 8 ฉบับเท่านั้นที่พูดถึงการปกครองท้องถิ่น และมีไม่กี่ฉบับที่สร้างแรงกระเพื่อมให้เกิดความเปลี่ยนแปลงกระจายอำนาจจริงคือ รัฐธรรมนูญปี 2540 ในขณะนี้เราไม่มีทางเลือกอื่นอีกแล้วนอกจากการตั้ง สสร. เพราะ สสร. เคยร่างรัฐธรรมนูญเมื่อปี 2540 และสามารถสร้างความเปลี่ยนแปลงหลายอย่างต่อสังคมการเมืองไทยทั้งนี้ก็ยังไม่มีข้อสรุปชัดเจน ถ้าหากถามว่าถ้ารัฐธรรมนูญไทยจะพูดถึงเรื่องการกระจายอำนาจจะมีปัญหาอย่างไร โดยเนื้อแท้แล้วรัฐธรรมนูญไม่จำเป็นต้องพูดถึงเรื่องการกระจายอำนาจ แต่รัฐธรรมนูญส่วนใหญ่ทั่วโลกเลือกที่จะพูดถึงการกระจายอำนาจ

ซึ่งสาระสำคัญของบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญว่าด้วยการปกครองท้องถิ่น ซึ่งอ้างอิงจากการศึกษาของสมคิด เลิศไพฑูรย์ (2547) ได้แก่

1. หลักอิสระในการปกครองตนเองขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (Rights to Local Self-Government) รวมถึงหลักการกระจายอำนาจ (Decentralization) รัฐธรรมนูญร้อยละ 75 บรรจุเรื่องนี้ลงในรัฐธรรมนูญ ข้อสังเกต ประเทศที่มีรากฐานของประชาธิปไตยเข้มแข็ง พร้อมทั้งมีความจริงใจในการส่งเสริมการกระจายอำนาจมักบรรจุเรื่องการกระจายอำนาจในตำแหน่งที่สำคัญของรัฐธรรมนูญ บางประเทศกล่าวถึงตั้งแต่ในคำปรารภ บ้างก็เน้นย้ำอยู่ในมาตราที่ 1 และมีบางประเทศให้การรับรองหลักการขององค์การระหว่างประเทศว่าด้วยเรื่องนี้ เช่น European Charter of Local Self-Government (1985) ควบคู่กันไป

2. ประเภทขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (โครงสร้างภายนอก  External Structure)

2.1รัฐธรรมนูญที่บัญญัติประเภทขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นไว้อย่างชัดเจน

2.2รัฐธรรมนูญบัญญัติประเภทขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นไว้อย่างชัดเจน ขณะเดียวกันก็เปิดโอกาสให้มีการออกกฎหมายจัดตั้งการปกครองส่วนท้องถิ่นประเภทอื่น ๆ ขึ้นได้

2.3 รัฐธรรมนูญที่ไม่มีการบัญญัติประเภทขององค์กรปกครองส่วน ท้องถิ่นเอาไว้เลย

3.โครงสร้างองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและการได้มาซึ่งองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (โครงสร้างภายใน) รัฐธรรมนูญของประเทศโดยส่วนใหญ่ ประมาณร้อยละ 80 มีเนื้อหาส่วนนี้ (อย่างน้อยประเภทใดประเภทหนึ่ง) ข้อสังเกต รัฐธรรมนูญโดยทั่วไปมักกำหนดอย่างกว้าง ๆ ว่าการปกครองส่วนท้องถิ่นต้องดำเนินการโดยสภาท้องถิ่น (Council) ที่มาจากการเลือกตั้งแบบประชาธิปไตย ทว่าหลายประเทศก็ใส่รายละเอียดลงไป ไม่ว่าในเรื่องโครงสร้าง (เช่นผู้บริหารมาจากการเลือกตั้งโดยตรง), องค์ประกอบ (จำนวน, ที่มา), คุณสมบัติ (อายุ, ความผูกพันกับพื้นที่ ฯลฯ), วาระการดำรงตำแหน่ง (ระหว่าง 3-7 ปี)

4. อำนาจหน้าที่ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น สามารถแบ่งได้เป็นรัฐธรรมนูญที่ระบุเกี่ยวกับอำนาจหน้าที่ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นไว้อย่างชัดเจน และให้เป็นไปตามกฎหมายอื่น ส่วนใหญ่ (ร้อยละ 40 กว่า) ไม่ได้กำหนดอำนาจหน้าที่ของท้องถิ่นไว้ในรัฐธรรมนูญ แต่ให้เป็นไปตามกฎหมาย แต่มีข้อสังเกตว่ารัฐธรรมนูญของรัฐรวมมักระบุอำนาจของรัฐอย่างชัดเจนในส่วนเนื้อหาและหลายประเทศก็นำไปไว้ในภาคผนวกท้ายรัฐธรรมนูญ

5. การคลังขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (Local Fiscal)

5.1 บทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญที่บัญญัติรับรองเรื่องรายได้ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นไว้อย่างชัดเจน

5.2 บทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญที่บัญญัติรับรองเรื่องรายได้ท้องถิ่นให้เป็นไปตามกฎหมาย ข้อค้นพบ ส่วนใหญ่แล้ว (ร่วม 50%) ไม่ได้กำหนดฐานภาษีของ ท้องถิ่นไว้ในรัฐธรรมนูญ แต่ให้เป็นไปตามกฎหมาย

6. การกำกับดูแลองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เนื้อหาส่วนนี้พบน้อยมากในบรรดารัฐธรรมนูญที่บรรจุเรื่องการปกครองท้องถิ่นเอาไว้ด้วย เพราะถือว่ามอบอำนาจในการบริหารผ่านองค์กรส่วนท้องถิ่นไปแล้ว ส่วนอื่นจึงแทรกแซงค่อนข้างน้อย

7.เขตปกครองตนเอง (Autonomous Region) เขตปกครองตนเองพบมากในรัฐเดี่ยว และพบได้ในทุกลักษณะรัฐ ทั้งราชอาณาจักร และสาธารณรัฐ รวมแล้ว 34 ประเทศ และมีหลายประเทศที่มีเขตปกครองตนเอง (40 กว่าประเทศขึ้นไป) แต่ไม่ได้ให้คุณค่าในระดับรัฐธรรมนูญ จึงไม่ถูกนับรวมเป็นเรื่องการกระจายอำนาจ

8.การมีส่วนร่วมของประชาชน รัฐธรรมนูญหลายประเทศให้ความสำคัญกับการมีส่วนร่วมของประชาชน โดยเฉพาะประชามติระดับท้องถิ่น (Local Referendum) ในประเด็นต่าง ๆ นอกจากนี้ยังมีการเข้าชื่อเสนอกฎหมาย (Initiative) การถอดถอนผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง (Recall) รวมทั้งสิทธิในการเข้าถึงข้อมูลและสามารถเข้าร่วมการประชุมสภาได้

ด้านผู้สื่อข่าวถามว่า อะไรคือปัญหาใหญ่ของรัฐธรรมนูญไทย การกระจายอำนาจ และความเหลื่อมล้ำ ? โดยณัฐกร กล่าวว่า ปัญหาใหญ่ของรัฐธรรมนูญไทยคือประเทศเราไม่มีความเป็นประชาธิปไตย หากขยายต่อว่ารัฐธรรมนูญไทยกว่า 20 ฉบับนั้น เป็นประชาธิปไตยกี่ฉบับ ก็มีเกณฑ์การประเมินว่ารัฐธรรมนูญฉบับใดที่เป็นประชาธิปไตย ซึ่งศาสตราจารย์ ดร.วรเจตน์ ภาคีรัตน์ อาจารย์ประจำคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ บอกว่าให้เราดูเกณฑ์ 3 อย่างคือ

“1.ให้ดูที่มาหรือกระบวนการว่าเป็นแบบกว้างแบบที่เรากล่าวมาหรือไม่ หรือเป็นกระบวนการที่มาจากรถถังแล้วก็ประกาศใช้ของตัวเอง 2.กระบวนการมีการลงประชามติหรือไม่ มีการรับฟังความคิดเห็นหรือไม่ มีกระบวนการที่เปิดกว้างหรือไม่ 3.ให้ดูที่ส่วนของเนื้อหา ซึ่งรัฐธรรมนูญไทยที่สามารถเรียกได้ว่าเป็นประชาธิปไตยได้อย่างเต็มปากนั้น มีไม่เกิน 4 ฉบับในประเทศไทย”

ทีมข่าวที่ประกอบไปด้วยผู้คนหลากหลาย บ้างก็มาจากทะเล บ้างก็มาจากภูเขา แต่สุดท้ายก็ลงเอยที่ภาคเหนืออยู่ที่ Lanner นี่แหละ...

กองบรรณาธิการ
กองบรรณาธิการ
ทีมข่าวที่ประกอบไปด้วยผู้คนหลากหลาย บ้างก็มาจากทะเล บ้างก็มาจากภูเขา แต่สุดท้ายก็ลงเอยที่ภาคเหนืออยู่ที่ Lanner นี่แหละ...

More like this
Related

นักกิจกรรมเชียงใหม่จัด Run2Free ‘วิ่งเพื่อเสรีภาพ’ ร้องหยุดจองจำผู้เห็นต่าง ไม่ลืมเพื่อนในเรือนจำ

25 ตุลาคม 2568 กลุ่มเครือข่ายนิรโทษกรรมประชาชนในจังหวัดเชียงใหม่ จัดกิจกรรม ‘วิ่งเพื่อเสรีภาพ X ยืนหยุดขัง Run2Free’...

บทเรียนจากหอยมินามาตะ ถึงปลาน้ำกก รัฐยืนยันปรุงสุก-กินได้ แต่ระยะยาวปลอดภัยแค่ไหน?

เรื่อง: สุพศิน สุทธิวรวิทย์ 12 กันยายน 2568  กรมประมงร่วมกับสำนักงานประมงอำเภอแม่อาย รายงานผลตรวจสัตว์น้ำจากแม่น้ำกก จังหวัดเชียงใหม่ โดยสุ่มเก็บตัวอย่างจากหลายจุดในพื้นที่อำเภอแม่อาย...

แรงงานภาคเหนือ ยื่นข้อเสนอถึงกระทรวงแรงงาน ‘Decent Work’ เรียกร้องยกระดับคุณภาพชีวิตแรงงาน

24 ตุลาคม 2568 ที่ศาลากลางจังหวัดเชียงใหม่ เครือข่ายแรงงานภาคเหนือเข้ายื่นหนังสือข้อเสนอ Decent Work หรือ งานที่มีคุณค่า...

สิ่งมีชีวิตที่เรียกว่า ‘เห็ด’ CAC ชวนร่วมกิจกรรมปิดท้าย ‘FUNGI IN YOUR HEADLIGHTS’

พบศิลปิน อานนท์ นงเยาว์ และ NooN Collectiveเสาร์ที่ 25 ตุลาคมนี้ ณ...