แก๊งเทวดา-ซามูไร หลุมดำของเยาวชนไทยภาคเหนือ หลังพิษต้มยำกุ้ง 2540?

Date:

ข่าวลือที่แพร่สะพัดไปตั้งแต่ช่วงสายวันหนึ่งของปี 2545 ในเขตเมืองลำปางว่า หัวหน้าแก๊ง ๆ หนึ่งประกาศจะเอาชีวิตคนในวันเกิด ได้สร้างปฏิกิริยาของผู้คนไปต่าง ๆ นานา คนที่เชื่อก็กลัวกันขี้หดตดหาย ที่ฟังหูไว้หูก็รีบกลับบ้านแต่หัววัน เพราะเกรงว่าจะเกิดเหตุร้ายขึ้นกับตัวเอง ผู้เขียนขณะนั้นทำงานที่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นแห่งหนึ่งใจกลางเมือง รับรู้ถึงประสบการณ์ของผู้คนรอบตัวได้ แน่นอนว่า วันนั้นก็ต้องรีบกลับบ้านเหมือนกัน

เหตุการณ์วันนั้นเสมือนเป็นจุดสุดยอดของความหวาดกลัวของผู้คนต่อแก๊งวัยรุ่นที่สร้างความเดือดร้อนมาก่อนหน้านั้น อีกหลายปีผ่านมา มีคนตั้งกระทู้ในพันทิปชื่อว่า “ใครยังจำเหตุการณ์แก๊งค์วัยรุ่นอาละวาดฆ่าคนในเมืองลำปาง ช่วงปี 2545-2546 ได้บ้างครับ”[2] เมื่อปี 2558

แล้วมีใครรู้บ้างว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริง ๆ นั้นคืออะไร?

มิตรสหายท่านหนึ่งได้ให้ข้อมูลมาว่า สมัยนั้นยังเรียนอยู่ระดับมัธยมศึกษาในเขตตัวเมือง มีเพื่อนคนนึงที่อยู่ในแก๊งดังกล่าว ซึ่งแก๊งดังกล่าวชื่อ “แก๊งเทวดาเหยียบโลก” ซึ่งนำมาจากละครเรื่องหนึ่งในปี 2544 เรื่อง เทวดาเดินดิน ที่อำพล ลำพูน (รับบทแทน) และพงษ์พัฒน์ วชิรบรรจง (รับบทพล) นำแสดง และเพื่อนคนนั้นก็ไม่ได้เป็นคนเลวร้ายอะไร แถมยังช่วยงานพวกกู้ภัยอะไรอีกด้วย

เพลง เทวดา เพลงประกอบละคร เทวดาเดินดิน 2544 โดย อู๋ ธรรพ์ณธร

เมื่อไปค้นดูจากมิวสิควิดีโอเพลงประกอบละครชื่อเพลงว่า “เทวดา” จะเจอฟุตเตจบทสนทนาระหว่างพ่อของแทน ซึ่งแทนตัดพ้ออย่างน้อยใจกับพ่อว่า “ผมมันทำผิดทุกอย่าง ผมเรียนหนังสือก็ไม่เก่ง ผมหางานทำก็หาไม่ได้ ผมแต่งตัวก็ไม่ถูกใจพ่อ ผมทำอะไรพ่อก็ไม่ว่าดีทุกอย่าง” [3] ในมุมของวัยรุ่นที่กำลังอยู่ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ บทบาทของตัวละครอาจทำให้พวกเขารู้สึกว่านี่คือ คนที่มีจุดร่วมเดียวกับเขา การตั้งชื่อแก๊งที่คล้ายกันจึงไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจอะไร

หากนับจากหลักฐานทางประวัติศาสตร์ ขณะนั้นสิ่งหนึ่งที่บันทึกเหตุการณ์ไว้อย่างละเอียดที่สุดคงไม่พ้นจากหนังสือพิมพ์ท้องถิ่น ผู้เขียนได้รับข้อมูลอันทรงคุณค่าจากคุณวริษฐา ภักดี แห่งหนังสือพิมพ์ ลานนาโพสต์ ลานนาโพสต์ ฉบับวันที่ 30 สิงหาคม – 5 กันยายน 2545 ได้มีข่าว “แก๊งนรก” ยึดครองหน้าแรกถึง 2 ส่วน   

ภาพที่ 1 หน้าแรกของ ลานนาโพสต์ ฉบับวันที่ 30 สิงหาคม – 5 กันยายน 2545 (ที่มา คุณวริษฐา ภักดี)

พาดหัวบนพื้นแดงเขียนว่า “แก๊งนรกครองเมือง คืนเดียวอาระวาด ยิง-ทุบ-ก่อกวน” และพาดหัวบนพื้นฟ้าเขียนว่า “ตำรวจผวาแก๊งนรกทีมย้ายป้อมจร.หนี” ในเนื้อหาจะแสดงถึงเหตุร้ายแรงที่เกิดขึ้นโดยวัยรุ่น ทั้งที่ใช้อาวุธมีดและปืนยิ่งกันในร้านอาหารชานเมือง, การทุบทำลายรถยนต์ชาวบ้าน (กรณีนี้เพื่อนผู้เขียนเองที่จอดรถยนต์ไว้หน้าบ้านก็ถูกทุบกระจกด้วย) ที่น่าตกใจคือ ป้อมตำรวจสี่แยกสนามบินก็ถูกทุบมาแล้ว 2 ครั้งจนต้องย้ายหนีไปอยู่หน้าธนาคารออมสินกลางเมืองแทน เนื้อข่าวแสดงให้เห็นว่า แม้แต่ตำรวจก็ยังไม่สามารถป้องกันทรัพย์สินตัวเองได้

ที่น่าสนใจคือ เนื้อข่าวมีการระบุแก๊งวัยรุ่น 4 กลุ่มคือ แก๊งเทวดา, แก๊งซามูไร, แก๊งนรกทีม และกลุ่มวัยรุ่นอื่น ๆ ที่รวมตัวกัน ยังมีข้อสังเกตว่า แก๊งเหล่านี้น่าจะมีผู้ใหญ่หนุนหลัง เพราะเหมือนจะรู้ว่าตำรวจจะออกกวาดล้างเมื่อไหร่ แหล่งข่าวยังให้ข้อมูลว่า กลุ่มเซียนพนันบอลได้จ้างกลุ่มวัยรุ่นกลุ่มหนึ่งให้คอยติดตามทวงหนี้พวกที่ติดพนันฟุตบอลและลูกหนี้ที่กู้ยืมรายวัน หากทวงไม่ได้ก็จะรุมชกต่อยหรือไม่ก็ทำลายข้าวของจนเสียหาย

ประเด็นนี้จึงน่าสนใจยิ่งว่า นี่ไม่ใช่แค่เรื่องการก่อกวนเมืองอย่างเดียว หรือด้วยความคึกคะนองของวัยรุ่นอีกต่อไปแล้ว แต่มันมีการจัดตั้งและสร้างสถานการณ์บางประการไปด้วย อีกประการที่ข่าวไม่ได้เขียน แต่อาจเป็นไปได้ว่าจะมีกรณีที่เป็นสายของตำรวจที่ช่วยทำงานที่ตำรวจเลี้ยงไว้ใช้งาน

สังคมไทยเคยเผชิญกับ “เด็กนรก” หรือกลุ่มเยาวชนอันธพาลต่างกรรมต่างวาระกันมาอย่างยาวนาน แต่ทั้งสื่อมวลชนและผู้คนทำราวกับว่า ปรากฏการณ์ดังกล่าวเป็นสิ่งใหม่ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาเลย ในอีกด้านก็มักจะหวนไปสู่วันวานอันแสนหวานที่ตนรู้สึกว่าเป็นอดีตอันบริสุทธิ์ไม่เคยแปดเปื้อนจากความนอกลู่นอกรอยของคนยุคสมัยพวกเขาเลย

ความเข้าใจของพวกเขาจึงคลาดเคลื่อน อย่างน้อยลักษณะเช่นนี้ก็เกิดขึ้นหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 จากความพังพินาศทางเศรษฐกิจ และความล้มเหลวทางการเมือง ความรุนแรงจากอาชญากรรมหลังสงคราม นำมาซึ่งจอมโจรที่ถูกนำไปดัดแปลงเป็นนิยายโรแมนติกอย่างเสือดำ เสือใบ[4]

ที่เริ่มตกเป็นข่าวก็คือ กลุ่มวัยรุ่นอันธพาลที่ก่อเหตุตั้งแต่ช่วงปลายทศวรรษ 2490 ต้องเข้าใจว่า ข่าวอาชญากรรม และคดีมโนสาเร่กลายเป็นสินค้าที่ผู้คนนิยมบริโภค รากฐานของไทยรัฐ เดลินิวส์ก็เติบโตมาในช่วงนี้ ที่เป็นเรื่องร้ายแรงก็กรณีการปาระเบิดขวดใส่รถเมล์จนนักเรียนหญิงโดนลูกหลงจนเสียชีวิต[5] ข่าวเยาวชนอันธพาล ไม่ได้เกิดขึ้นเฉพาะในเขตกรุงเทพฯ ยังมีข่าวปรากฏในต่างจังหวัด อย่างเช่น แก๊งอินทรีย์ขาว, แก๊งช้างม่อย, แก๊งกลุ่มศาลเจ้าที่ว่ากันว่ารวมกลุ่มกันในเขตเมืองเชียงใหม่[6]  ข่าวอาชญากรวัยเยาว์ที่เร้าอารมณ์เหล่านี้นำมาสู่ความชอบธรรมในการใช้อำนาจและความรุนแรงปราบปรามโดยเฉพาะในยุคคาบเกี่ยวของตำรวจอัศวินและเผด็จการทหาร สฤษดิ์ใช้มาตรฐานการจับวัยรุ่นเข้าเรือนจำเพื่อหวังจะดัดสันดาน คดีอาชญากรรรมที่สูงลิ่ว พร้อมกับแนวคิดการพัฒนาประเทศ ทำให้เด็กและเยาวชนทำให้พวกเขาได้กลายเป็นความคาดหวังเพื่อที่จะเป็นกลไกและพลเมืองที่พัฒนาชาติ ภายใต้อุดมการณ์ราชาชาตินิยม[7]

แต่หากนำปรากฏการณ์ดังกล่าวมาวางลงบนเส้นเรื่องของสังคมไทย เราจะเห็นอะไร ปี 2545 ถือว่าเป็นช่วงหลังวิกฤตเศรษฐกิจต้มยำกุ้งที่ส่งผลต่อคนในกรุงเทพฯ และตลาดแรงงานในกรุงเทพฯ คนจำนวนหนึ่งที่เคยมีรายได้ในเมืองหลวงต้องจำใจกลับบ้าน โดยเฉพาะช่วงที่ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์แทบจะหยุดชะงัก GDP ในงานก่อสร้างปีที่พีคที่สุดคือ ปี 2539 จำนวน 341,518 ล้านบาท ลดเหลือเพียง 150,333 ล้านบาท ในปี 2543 เช่นเดียวกับธุรกิจด้านธนาคารประกันภัยและธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่ลดจาก 346,263 ล้านบาท ในปี 2539 เหลือ 157,306 ล้านบาท ในปี 2543[8] สองภาคเศรษฐกิจขนาดใหญ่ที่เป็นเครื่องจักรสำคัญช่วงเศรษฐกิจฟองสบู่ล้มครืนลงไป ได้ส่งผลต่อการจ้างงานคนเหล่านี้ไปด้วย

การขาดแคลนรายได้ และสภาพสังคมที่เปลี่ยนไปจากช่วงเศรษฐกิจที่รุ่งเรืองนำมาสู่ ปัญหาสังคมต่าง ๆ เช่น ยาเสพติดที่ระบาดกันไปทั่วจนทำให้ปี 2546 รัฐบาลได้ประกาศสงครามยาเสพติดตลอด 3 เดือน[9] การพนันฟุตบอลที่เกิดขึ้นอย่างกว้างขวางนอกจากข่าวที่กล่าวถึงเรื่องกลุ่มพนันบอลสนับสนุนแก๊งเยาวชนให้ก่อกวนแล้ว ภาพยนตร์เรื่อง Goal club เกมล้มโต๊ะ (2544) ก็เป็นการสะท้อนภาพของปัญหาการพนันฟุตบอลในสังคมไทยยุคนั้นได้ดี หรือ  

หากจำกันได้ปี 2544 ปุระชัย เปี่ยมสมบูรณ์ได้เริ่มออกกฎหมายจัดระเบียบสังคมกำหนดเวลาปิดเปิดสถานบันเทิงอย่างเข้มงวดด้วย[10] สะท้อนถึงปัญหาทางสังคมในมุมมองของรัฐ การกินเหล้าเที่ยวกลางคืนแบบตลอดคืนโดยไม่จำกัดอายุผู้ใช้บริการจึงไม่มีอีกต่อไปแล้ว นั่นหมายถึง เยาวชนที่อายุไม่ถึง 20 ปี ก็หมดสิทธิ์เที่ยวไปด้วย ทำให้พื้นที่สาธารณะของพวกเขาหายไปดื้อ ๆ การดันให้พื้นที่พบปะของผู้คนจำนวนมากหายไป มันเป็นเพียงความพยายาม แต่ความจริง คนมันก็ไม่ได้หายไปไหน สุดท้ายคนมันก็ออกจากบ้านมาอยู่ดี

ปรากฏการณ์แก๊งวัยรุ่นไม่ได้เกิดขึ้นที่ลำปาง ข้ามดอยขุนตาลไปยังลุ่มน้ำปิง ที่เชียงใหม่ก็มีแก๊งวัยรุ่นเช่นกัน ที่ตามเก็บข่าวได้ก็คือ เคยมีคดี “ซามูไรผมแดง” ที่เชียงใหม่ที่ตกเป็นข่าวในระดับประเทศทั้งในโทรทัศน์ วิทยุและหนังสือพิมพ์ พวกเขาถูกโจมตีและเกลียดชังผ่านสื่อดังกล่าว ไม่แน่ใจนักว่าเป็นที่รู้จักกันในนาม “แก๊งซามูไร” หรือไม่ แต่พวกเขาเรียกตัวเองว่า “กลุ่มหน้าดารา” หรือ “NDR” จากข่าวอื้อฉาวครั้งนั้น ทำให้พวกเขาถูกเข้าใจผิดว่าคดีอื่น ๆ ที่เกิดขึ้นหลังจากนั้นเป็นฝีมือของพวกเขาทั้งหมด บางคนถูกอุ้มหาย บางคนถูกยิงเสียชีวิตหน้าบ้าน เรียกได้ว่า พวกเขาพัวพันอยู่กับความรุนแรงทั้งทางกายภาพ และการถูกเกลียดชัง

ภาพ: NDR CHIANGMAI

จากปากคำของพวกเขาที่เล่าว่า ได้รับความเมตตาการดูแลจากลัดดาวัลย์ ชัยนิลพันธ์ ที่สนใจปัญหาของพวกเขา ได้ชักชวนให้มาอยู่ที่สำนักงานแห่งหนึ่ง อาคารแห่งนี้ใช้เป็นพื้นที่ให้เยาวชนได้มีกิจกรรมทางกีฬา พบปะพูดคุยปรึกษากันยามมีปัญหา มีกิจกรรมกลุ่ม สิ่งเหล่านี้ได้รับสนับสนุนงบประมาณจาก ปปส.และสกว. เพื่อที่จะส่งเสริมพฤติกรรมทางบวกของพวกเขา แต่กิจกรรมบางอย่างก็ถูกเพ่งเล็งจากตำรวจเพราะเกรงจะก่อเหตุร้าย แต่แล้วในเดือนตุลาคม 2544 สำนักงานของพวกเขาก็ถูกสั่งปิดเพราะถูกกล่าวหาว่าเป็นแหล่งมั่วสุม อย่างไรก็ตาม NDR ก็เป็นกลุ่มหลวม ๆ ที่มีสมาชิกที่มาลงชื่อกว่าหนึ่งพันหกร้อยคน ทั้งที่มีสมาชิกเข้ามาทำกิจกรรมราวเดือนละ 500-600 คนเท่านั้น จึงไม่แปลกที่บางคนก่อเหตุแล้วอ้างชื่อ NDR นี่คือ ความกลืนไม่เข้าคายไม่ออกของเยาวชนเหล่านี้ในยุคนั้น[11] ชื่อของ “กลุ่มเศษเดน” ที่พวกเขานิยามว่า มองตัวเองเป็นพวกเศษเดน ไม่มีใครต้องการ เป็นภาพสะท้อนได้อย่างดีถึงตัวตนของพวกเขา[12] ซึ่งกลุ่มนี้มีผู้นิยามว่าอยู่ภายใต้กลุ่ม NDR ด้วย

เรื่องเล่าของแก๊งวัยรุ่นยังมีแถบพิษณุโลกอีกด้วย ผู้ประสบการณ์ตรงท่านหนึ่งเล่าให้ฟังว่าช่วงปี 2544-2549 ขณะที่ยังบวชเป็นพระเคยมีแก๊งมาล้อมตอนบิณฑบาตเพราะคิดว่าคู่อริหนีมาบวชก็มี แก๊งดัง ๆ ก็มีชื่ออย่างพวก “เด็กเรซ” มิตรสหายแถบพิษณุโลกอีกท่านก็เล่าเพิ่มเติมว่า จะมีการจับกลุ่มแก๊งซิ่งกันจากอำเภอรอบนอกอย่างพรหมพิราม บางระกำ วัดโบสถ์ที่รู้จักกันผ่านเครือข่ายโรงเรียนและวิทยาลัยเทคนิคที่เข้ามาในตัวเมืองตามช่วงเวลาที่มีเทศกาลสำคัญอย่างลอยกระทง

จะเห็นว่าสิ่งหนึ่งที่มีร่วมกันของพวกเขาคือ พาหนะอย่างมอเตอร์ไซค์ที่สามารถใช้เดินทางไปไหนมาไหนอย่างรวดเร็วและเป็นอิสระ การจัดระเบียบสังคม จำกัดเวลาของสถานบันเทิงในยามราตรีอย่างรวบรัดตัดตอน ก็ยิ่งทำให้ท้องถนนกลายเป็นแหล่งบันเทิงของพวกเขา ไม่ใช่ในพื้นที่ปิดอีกต่อไป ในยุคที่ไม่มีกล้องวงจรปิด พวกเขาเอาจเป็นทั้งผู้กระทำที่หายไปอย่างไร้ร่องรอย และสามารถถูกเข้าใจผิดและเหมารวมได้อย่างง่ายดาย

เด็กวัยรุ่นที่ซิ่งไปกับมอเตอร์ไซค์ยังเคยถูกศึกษาผ่านผลงานของปนัดดา ชำนาญสุข ผู้ลงพื้นที่ศึกษามาตั้งแต่ปี 2546 ที่กลายมาเป็นหนังสือชื่อ เร่ง รัก รุนแรง โลกชายของของนักบิด[13] เมื่อปี 2551 ซึ่งได้พยายามทำความเข้าใจพวกเขาในฐานะมนุษย์ผู้ได้รับผลกระทบจากสังคมที่เปลี่ยนไป มอเตอร์ไซค์กับพวกเขามีความสัมพันธ์ต่อกันอย่างชีวิตสองชีวิต การสร้าวความเดือดร้อนเป็นกลยุทธ์การสร้างพื้นที่ทางสังคมเพื่อหลุดจากความเป็นชายขอบที่สังคมตีตราพวกเขา สิ่งเหล่านี้ถูกมองในฐานะวัฒนธรรมย่อยเพื่อเสริมอำนาจให้กับพวกเขา  

เรื่องของพวกเยาวชนเหล่านี้จึงเป็นผลพวงหนึ่งของสังคมที่อยู่ในช่วงที่สังคมกำลังผิดปกติอะไรสักอย่าง หากจะให้โทษกมลสันดานของเด็กเหล่านี้ก็คงได้ไม่เต็มปากนัก มีคำอธิบายของอรรถจักร์ สัตยานุรักษ์เคยให้ไว้กับเหล่า “เด็กแซ้บ” (zapper มักเรียกกันแถวเชียงใหม่) หรือ “เด็กแว้น” ว่า คือกลุ่มเด็กที่ขยับชั้นตัวเองไม่ได้ ขึ้นไปเรียนปริญญาตรีก็ไม่ได้ ลงไปทำนาหรืออยู่ในภาคการเกษตรแบบพ่อแม่ก็ไม่ได้แล้ว ซึ่งเราไม่อาจอธิบายได้อย่างหยาบ ๆ เพียงว่า เด็กพวกนี้พ่อแม่ไม่สั่งสอน เนื่องจากพ่อแม่ไม่มีเวลา พวกนี้รับวัฒนธรรมตะวันตก คบเพื่อนเลว เอาอย่างกัน[14] เยาวชนที่หาตำแหน่งแห่งที่ให้ตัวเองไม่ได้ยังพบในเขตเมืองทั่วไปด้วย ตัวละครอย่างยาด เด็กบ้านในภาพยนตร์ 4Kings II  (2566) ก็เป็นตัวแทนได้อย่างดี

ปัญหาเด็กเลว วัยรุ่นอันธพาล และอาชญากรฟันน้ำนม ได้กลับมาเป็นที่จับตามองของสังคมอีกครั้งในคดีฆาตกรรมป้ากบ เช่นเดียวกับทุกครั้งที่สังคมไม่เคยปราณีกับพวกเขา ทั้งยังมองอย่างเหมารวม โคว้ทคำพูดของซีรี่ย์เกาหลีอย่าง Juvenile Justice (2022) ที่เน้นเฉพาะการมองเด็กและเยาวชนในแง่ร้ายกลับมาอีกครั้ง พร้อมกับข้อเสนอการแก้ไขกฎหมายให้ลดอายุเยาวชนให้ได้รับโทษเท่ากับผู้ใหญ่ ทั้งที่ในช่วงรัฐธรรมนูญ 2540 สังคมไทยเริ่มเปิดกว้างและมีกฎหมายที่ก้าวหน้าที่พยายามเข้าใจเยาวชนมากขึ้น เช่น พระราชบัญญัติคุ้มครองเด็ก พ.ศ.2546 ที่ครบรอบ 20 ปีไปเมื่อปีที่แล้ว

ประเด็นของเด็กและเยาวชนในอนาคตจะเป็นอย่างไร ในยุคที่ประชากรลดลงเรื่อย ๆ คนเลือกที่จะมีลูกน้อยลงทุกที อย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนเช่นนี้.


อ้างอิง

[1] บทความนี้ได้รับความช่วยเหลือจากมิตรสหายหลายท่าน ไม่ว่าจะเป็นคุณวริษฐา ภักดีที่ค้นหนังสือพิมพ์เก่ามาแบ่งปัน มิตรสหายใน Facebook ที่ช่วยแชร์ประสบการณ์ตรงทั้งหลาย ต้องขอขอบคุณมา ณ ที่นี้

[2] สมาชิกหมายเลข 1791088 (นามแฝง). “ใครยังจำเหตุการณ์แก๊งค์วัยรุ่นอาละวาดฆ่าคนในเมืองลำปาง ช่วงปี 2545-2546 ได้บ้างครับ”. พันทิป. สืบค้นเมื่อ 23 มกราคม 2567 จาก https://pantip.com/topic/34409796 (6 พฤศจิกายน 2558)

[3] VARIETY VDO. “อู๋ ธรรพ์ณธร – เทวดา – เพลงประกอบละคร เทวดาเดินดิน 2544”. สืบค้นเมื่อ 23 มกราคม 2567 จาก https://www.youtube.com/watch?v=MvaJ4mcWbpU (11 สิงหาคม 2565)

[4] Chalong Soontravanich, “Small Arms, Romance, and Crime and Violence in Post WW II Thai Society”, Southeast Asian Studies, 43: 1, June 2005

[5] สิทธิเดช จันทรศิริ และคณะ. กรุข่าวดังในรอบ 20 ปี (กรุงเทพฯ : การเวก, 2521), หน้า 86-89

[6] เชียงใหม่นิวส์. “แก๊ง…ในเชียงใหม่ จากอดีตถึงปัจจุบัน”. สืบค้นเมื่อ 24 มกราคม 2567 จาก https://www.chiangmainews.co.th/page/archives/1133182 (1 ตุลาคม 2562)

[7] ทักษ์ เฉลิมเตียรณ พ่อขุนอุปถัมภ์แบบเผด็จการ (พิมพ์ครั้งที่ 2, กรุงเทพฯ : มูลนิธิโครงการตำราสังคมศาสตร์และมนุษยศาสตร์, 2548), หน้า 229-230 และวัชนี คำน้ำปาด, เด็ก กับ ความคาดหวังของรัฐบาล วิทยานิพนธ์อักษรศาสตรมหาบัณฑิต ภาควิชาประวัติศาสตร์ คณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, 2547

[8] กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน, สถิติแรงงาน 2544 (กรุงเทพฯ : กระทรวงแรงงานและสวัสดิการสังคม, 2545), ตารางที 1.2

[9] BBC NEWS ไทย. “ทศวรรษ “สงครามยาเสพติด” จากทักษิณ ถึงดูแตร์เต”. สืบค้นเมื่อ 24 มกราคม 2567 จาก https://www.bbc.com/thai/thailand-39335964 (21 มีนาคม 2560)

[10] อิทธพร คณะเจริญ, งานค้นคว้าอิสระ กรณีศึกษา : ศาสตราจารย์ ร.ต.อ.ปุระชัย เปี่ยมสมบูรณ์ เอกสารหลักสูตรผู้นำการเมือยุคใหม่ รุ่นที่ 2 สถาบันพระปกเกล้า, 2548, หน้า 14-16

[11] ประชาไท. “ปากคำแก๊งหน้าดารา : อันธพาลกวนเมือง หรือ?”. สืบค้นเมื่อ 24 มกราคม 2567 จาก https://prachatai.com/journal/2005/02/2575 (3 กุมภาพันธ์ 2548)

[12] ประชาไท. “รายงานพิเศษ-ค้นตัวตน :ชีวิตเด็กแก๊งเชียงใหม่”. สืบค้นเมื่อ 24 มกราคม 2567 จาก https://prachatai.com/journal/2005/02/2574 (3 กุมภาพันธ์ 2548)

[13] ปนัดดา ชำนาญสุข, เร่ง รัก รุนแรง โลกชายของของนักบิด (กรุงเทพฯ : ศูนย์วิชาการเพื่อความปลอดภัยทางถนน (ศวปถ.) และมูลนิธิสาธารณสุขแห่งชาติ (มสช.), 2551)

[14] The Active. “คนจนเมืองที่เปลี่ยนไป ในสังคมเมืองที่กำลังเปลี่ยนแปลง | อรรถจักร์ สัตยานุรักษ์”. สืบค้นเมื่อ 24 มกราคม 2567 จาก https://theactive.net/read/poverty-series-attachak-interview/ (19 เมษายน 2564) และ ประชาไท. “เขียนถึงสังคม: อรรถจักร์ สัตยานุรักษ์”. สืบค้นเมื่อ 24 มกราคม 2567 จาก https://prachatai.com/journal/2015/11/62529 (19 พฤศจิกายน 2558)

ภิญญพันธุ์ พจนะลาวัณย์

More like this
Related

สิ่งมีชีวิตที่เรียกว่า ‘เห็ด’ CAC ชวนร่วมกิจกรรมปิดท้าย ‘FUNGI IN YOUR HEADLIGHTS’

พบศิลปิน อานนท์ นงเยาว์ และ NooN Collectiveเสาร์ที่ 25 ตุลาคมนี้ ณ...

‘บ้านหนองเต่า’ รักษาป่า รักษาวิถีชีวิต ท่ามกลางปัญหาสิทธิที่ดิน

เรื่อง: รัญชิดา อาริกุล ‘บ้านหนองเต่า’ ตำบลแม่วิน อำเภอแม่วาง จังหวัดเชียงใหม่ เป็นหมู่บ้านเล็กๆ ของชาวกะเหรี่ยง หรือ...

คนฮอดเดือดร้อน น้ำหนุนจากเขื่อนภูมิพลท่วมซ้ำทุกสิบปี พืชผลทางการเกษตรเสียหายยกสวน

เมื่อวันที่ 22 ตุลาคม 2568 สถานการณ์น้ำหนุนในพื้นที่ตำบลฮอด อำเภอฮอด จังหวัดเชียงใหม่ ส่งผลกระทบกับประชาชนในพื้นที่อย่างหนัก โดยเฉพาะบริเวณสะพานจามเทวี...