สจ. ต้นตำรับการเมืองท้องถิ่น จากผู้ดูแลพื้นที่สู่ผู้มีอิทธิพลในวงการการเมือง

Date:

เรื่อง: จตุพร สุสวดโม้

บทบาทของ “สจ.” หรือ สมาชิกสภาจังหวัด เป็นตำแหน่งสำคัญที่มีมาตั้งแต่หลังการเปลี่ยนแปลงการปกครองในปี พ.ศ. 2475 โดยมีหน้าที่หลักในการตรวจสอบการทำงานของหน่วยงานระดับภูมิภาค เช่น กรมการจังหวัด ในช่วงแรก การมีตำแหน่ง สจ. เกิดจากการต้องการตรวจสอบการทำงานของภาครัฐในระดับท้องถิ่น ‘Lanner’ คุยกับ ผศ.ดร.ณัฐกร วิทิตานนท์ คณะรัฐศาสตร์และรัฐประศาสนศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ที่อธิบายถึงการเปลี่ยนแปลงและอิทธิพลของ สจ. ต่อพื้นที่ที่มีพลวัตจากอดีตถึงปัจจุบัน

จาก “สจ.” สู่ “ส.อบจ.” : การเปลี่ยนแปลงและความสำคัญของตำแหน่ง

หลังจากนั้นบทบาทของ สจ. ได้รับการพัฒนาและชัดเจนขึ้น เมื่อมีการออกกฎหมายสร้างสภาจังหวัดหลังจากปี พ.ศ. 2481 ทำให้ สจ. กลายเป็นตำแหน่งที่มีความสำคัญมากขึ้น จนกระทั่งในปัจจุบัน การเรียกตำแหน่งนี้ได้เปลี่ยนไปเป็น “สมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัด” (ส.อบจ.) แทนที่จะเป็น “สจ.” แบบเก่า แต่แม้ว่าจะมีการเปลี่ยนชื่อและบทบาท แต่คนในท้องถิ่นยังคงใช้คำว่า “สจ.” กันอย่างแพร่หลายเหมือนในอดีต

การที่สมาชิกสภาจังหวัด (สจ.) เริ่มมีอำนาจมากขึ้นนั้น เกิดจากหลายปัจจัย เช่น การเติบโตของธุรกิจในท้องถิ่น ที่ทำให้มีการผูกขาดทางเศรษฐกิจและอิทธิพลจากกลุ่มทุนและกลุ่มผู้มีอำนาจในพื้นที่ ซึ่งเหล่านี้เริ่มผันตัวเข้าสู่การเมืองท้องถิ่น โดยในยุคนั้นยังไม่มีตำแหน่งการเมืองหลายหลากเหมือนทุกวันนี้ การเข้าสู่การเมืองระดับชาติก็ต้องเริ่มจากสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) ซึ่งบางคนอาจจะยังไม่พร้อมจึงเริ่มจากตำแหน่งระดับท้องถิ่นเช่นนี้ ก่อนที่จะก้าวไปสู่การเมืองในระดับที่สูงขึ้น

สมาชิกสภาจังหวัด (สจ.) กับการเมืองท้องถิ่น ฐานอำนาจแรกของนักการเมือง

พื้นที่ส่วนใหญ่ในประเทศไทยมักจะมีสมาชิกสภาจังหวัด (สจ.) เป็นผู้มีอำนาจและความสำคัญในระดับท้องถิ่น นักการเมืองหลายคนที่มาจากกลุ่มทุนท้องถิ่นหรือผู้มีอิทธิพลในพื้นที่เหล่านั้น ใช้ตำแหน่ง สจ. เป็นฐานในการสร้างอำนาจเพื่อก้าวสู่ตำแหน่งที่ใหญ่ขึ้นในเมือง เช่น การเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) หรือรัฐมนตรี

ภาพ: ประชาไท

ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดคือหลายตระกูลการเมืองสำคัญในประเทศไทย ซึ่งบรรพบุรุษของตระกูลเหล่านั้นมักจะเริ่มต้นจากการเป็นสมาชิกสภาจังหวัด (สจ.) เช่น กรณีของ ชัย ชิดชอบ ผู้ซึ่งเป็นพ่อของ เนวิน ชิดชอบ ที่เริ่มต้นจากการเป็น สจ. มาก่อน การเริ่มต้นจากการเป็น สจ. จึงถือเป็นจุดเริ่มต้นของนักการเมืองที่เรียกว่า บ้านใหญ่ ในทุกวันนี้

ในพื้นที่ต่างอำเภอไม่มีผู้แทนที่ประชาชน คนเลือกก็จะมีกำนัน มีผู้ใหญ่บ้านแล้วก็มี สจ. แต่ว่าคนที่จะดูแลพื้นที่ใหญ่ๆ ระดับอำเภอสมัยก่อน อำเภอหนึ่งจะมี สจ. ได้คนหนึ่งก็คือใหญ่มาก ดังนั้น สจ. จึงทำหน้าที่เป็นคนที่คอยดูสารทุกข์สุขดิบและเป็นข้อต่อที่เชื่อมระหว่างการเมืองระดับท้องถิ่นกับการเมืองระดับชาติ

อิทธิพลของ สจ. ในการช่วยเหลือและอุปถัมภ์ประชาชนท้องถิ่น

ดังนั้น สจ. จึงเป็นคนกลางที่จะคอยเชื่อมประสานผลประโยชน์ คอยรับข้อร้องเรียน ความทุกข์ร้อนของชาวบ้าน เพื่อจะเอาไปต่อหาคนที่มีอำนาจเหนือขึ้นไป อาจจะไม่ใช่แค่นักการเมือง อาจจะรวมถึงส่วนราชการอย่างผู้ว่าฯ นายอำเภอ บทบาทของสมาชิกสภาจังหวัด (สจ.) ที่สั่งสมมาเป็นเวลานาน ทำให้หลายคนมองว่า สจ. กลายเป็นคนที่ชาวบ้านนับหน้าถือตา ขณะเดียวกันก็กลายเป็นผู้มีอิทธิพลประจำท้องถิ่นขึ้นมา คนยังติดปากเรียกว่า สจ. ก็คือแฝงนัยยะของความเป็นผู้มีอิทธิพล

สจ. มีบทบาทสำคัญในฐานะฐานรากของการเมืองระดับท้องถิ่นและระดับชาติในเขตอำเภอ โดยทำหน้าที่เป็นตัวกลางเชื่อมโยงระหว่างประชาชนกับการเมืองและหน่วยงานราชการ บทบาทนี้จึงทำให้ สจ. มีอำนาจและอิทธิพลในพื้นที่ และยังเป็นที่พึ่งพิงของชาวบ้าน โดยอาศัยบทบาทดังกล่าวในการช่วยเหลือและอุปถัมภ์ประชาชน ซึ่งการทำหน้าที่ในลักษณะนี้ส่งผลให้ สจ. สามารถสั่งสมอิทธิพลและความนิยมในพื้นที่ของตนแล้วก็ต่อยอดไปสู่การเมืองระดับที่สูงขึ้นไป

บทบาทและหน้าที่ที่แท้จริงของสมาชิกสภาจังหวัด (สจ.) คือการทำหน้าที่เป็นตัวแทนของประชาชนในพื้นที่ของตนเอง ซึ่งสภาจังหวัดในอดีตและปัจจุบันมีหน้าที่รับฟังปัญหาหรือเรื่องราวของชาวบ้าน เช่น ปัญหาเรื่องน้ำ เรื่องถนน และส่งเรื่องไปยังฝ่ายบริหารที่มีอำนาจในการแก้ไขปัญหาดังกล่าวให้กับประชาชน ในบทบาทนี้ สจ. ทำหน้าที่เป็นปากเป็นเสียงแทนชาวบ้าน เพื่อให้ปัญหาของพวกเขาได้รับการแก้ไข นอกจากนี้ ตามกฎหมาย สจ. ยังทำหน้าที่เป็นสภาตรวจสอบ โดยต้องคอยกลั่นกรองงบประมาณและรับฟังการแถลงนโยบายจากฝ่ายบริหาร เช่น นายก เพื่อให้แน่ใจว่าใช้งบประมาณได้ตามที่รับปากหรือไม่

บทบาทของ สจ. ในการตรวจสอบและถ่วงดุล

บทบาทที่กฎหมายต้องการให้สมาชิกสภาจังหวัด (สจ.) ทำคือการเป็นฝ่ายตรวจสอบและถ่วงดุล แต่ในความเป็นจริง บทบาทนี้กลายเป็นบทบาทในอุดมคติที่ไม่สามารถทำได้เต็มที่ เพราะปัจจุบัน สจ. หลายคนกลายเป็นส่วนหนึ่งของฝ่ายบริหาร และเมื่อถึงเวลาลงเลือกตั้ง สจ. มักลงเลือกตั้งเป็นทีมเดียวกับนายก ซึ่งทำให้เห็นได้ชัดเจนว่า สมาชิกสภาจังหวัดมักจะสนับสนุนหรือเป็นพวกเดียวกับนายก การทำเช่นนี้ขัดกับหลักการในอุดมคติที่ควรจะมีการตรวจสอบ ถ้าหากคาดหวังให้ สจ. ทำหน้าที่ตรวจสอบจริงๆ ก็คงยากที่จะหวังผลจากสมาชิกที่เราคัดเลือกเข้าไป ดังนั้น สจ. ควรจะพยายามรักษาบทบาทในการตรวจสอบให้ได้ ไม่ควรเป็นกลุ่มที่เดินตามนายกหรือฝ่ายบริหารทั้งหมด

นอกจากหน้าที่ที่สำคัญของสมาชิกสภาจังหวัด (สจ.) ในการเป็นตัวแทนของประชาชนในการผลักดันปัญหาต่างๆ เช่น ปัญหาถนนขาดในพื้นที่ของตัวเอง ซึ่งต้องทำการนำเสนอและอธิบายให้ฝ่ายบริหารเห็นถึงความสำคัญและจำเป็นในการจัดสรรงบประมาณมาซ่อมแซมหรือแก้ไข สจ. ต้องทำการพูดคุยและแสดงเหตุผลว่าเหตุใดอำเภอของตนถึงมีความจำเป็นมากกว่าอำเภออื่นๆ นี่คือบทบาทหลักของ สจ. ที่เกี่ยวข้องกับการดูแลและผลักดันปัญหาของประชาชนในพื้นที่

อย่างไรก็ตาม ยังมีอีกหน้าที่หนึ่งที่สำคัญแต่ยังขาดการทำงานอย่างเต็มที่ นั่นคือบทบาทในการตรวจสอบ คัดค้าน หรือทัดทานฝ่ายบริหาร ซึ่งเป็นหน้าที่ในการทำงานในระบบการตรวจสอบและถ่วงดุล (check and balance) การที่ สจ. ไม่ทำหน้าที่นี้อย่างจริงจังนั้น นับเป็นการขาดแคลนในการทำหน้าที่ที่กฎหมายได้กำหนดไว้ นอกจากนี้ อำนาจที่กฎหมายให้แก่ ส.อบจ. ยังไม่จำกัดแค่การตรวจสอบฝ่ายบริหารเท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงการตรวจสอบการทำงานของหน่วยราชการต่างๆ ที่ทำงานในจังหวัด โดย ส.อบจ. มีอำนาจในการเข้าไปตรวจสอบการทำงานของหน่วยงานเหล่านี้ด้วย

ในหลายจังหวัดภาคเหนือ เราจะเห็นความแตกต่างอย่างชัดเจนระหว่างคาแรคเตอร์ของ ส.อบจ. ในเขตเมืองหรือปริมณฑล กับ ส.อบจ. ในพื้นที่ต่างอำเภอ โดย ส.อบจ. ในเขตเมืองมักเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงของความชื่นชอบและความคาดหวังของประชาชนอย่างรวดเร็ว ต่างจาก ส.อบจ. ในต่างอำเภอที่บางคนสามารถดำรงตำแหน่งได้หลายสมัย เนื่องจากผู้คนยังคงเลือกกันอย่างต่อเนื่อง ซึ่งสะท้อนถึงการที่คนในเมืองมีความคาดหวังของคนในเมืองค่อนข้างจะแตกต่าง

ความแตกต่างระหว่าง ส.จ. ในเมืองและ ส.จ. ในพื้นที่ต่างอำเภอ

ในเมืองที่มีเทศบาลอยู่แล้ว ส.อบจ. สามารถผลักดันงานผ่านเทศบาลได้ แต่ในพื้นที่รอบนอกที่ต้องการการพัฒนามากกว่านั้น อบต. หรือเทศบาลตำบล อาจขาดศักยภาพในการดูแล ดังนั้น สจ. จึงมีบทบาทสำคัญในการเชื่อมโยงงบประมาณจากหน่วยงานต่างๆ และนำไปพัฒนาในพื้นที่ต่างอำเภอ การผลักดันงบประมาณหรือโครงการจาก สจ. ในต่างอำเภอจึงถือเป็นผลงานที่สำคัญ ซึ่งแตกต่างจาก ส.อบจ. ในเมืองที่อาจไม่ต้องทำในเรื่องนี้มากนัก เนื่องจากเทศบาลมีหน้าที่เหล่านี้อยู่แล้ว ถ้า สจ. ในต่างอำเภอสามารถผลักดันงบประมาณได้ ก็จะช่วยให้ท้องถิ่นพัฒนาและเป็นที่นิยมในพื้นที่ได้

ทีมข่าวที่ประกอบไปด้วยผู้คนหลากหลาย บ้างก็มาจากทะเล บ้างก็มาจากภูเขา แต่สุดท้ายก็ลงเอยที่ภาคเหนืออยู่ที่ Lanner นี่แหละ...

กองบรรณาธิการ
กองบรรณาธิการ
ทีมข่าวที่ประกอบไปด้วยผู้คนหลากหลาย บ้างก็มาจากทะเล บ้างก็มาจากภูเขา แต่สุดท้ายก็ลงเอยที่ภาคเหนืออยู่ที่ Lanner นี่แหละ...

55 ปีมูลนิธิดรุณาทร สู่พลังแห่งการช่วยเหลือ พัฒนาเด็กและเยาวชน

เมื่อวันที่ 26 ตุลาคม ที่โรงแรมแชงกรี-ลา จังหวัดเชียงใหม่ มูลนิธิดรุณาทร จัดงาน “ร้อยเรียงเรื่องราว 55...

ชวนไปแอ่ว ‘Jazz Arabica’ เทศกาลเสียงของแรงบันดาลใจที่งอกงามจากชุมชน 5-6 พ.ย. ณ จริงใจมาร์เก็ต และ 7 พ.ย. ที่ North Gate Spirit เชียงใหม่

ในทุกหยดกาแฟ มีเสียงของผืนดิน ผู้คน และเรื่องราวของการเติบโต​'Jazz Arabica' ไม่ได้เป็นเพียงเทศกาลดนตรีหรือกิจกรรมเกี่ยวกับกาแฟเท่านั้น แต่คือพื้นที่เรียนรู้ที่เปิดให้ชุมชนและคนรุ่นใหม่ได้มาเจอกัน เพื่อพูดคุย แลกเปลี่ยน...

เยาวชนบ้านท่าตาฝั่งสะท้อนเสียงหลังพบสารหนูเกินมาตรฐานในแม่น้ำสาละวิน “เจ็บปวดและตกใจที่ปกป้องไม่ทัน”

จากกรณีผลตรวจคุณภาพน้ำในแม่น้ำสาละวินบริเวณอำเภอแม่สะเรียง จังหวัดแม่ฮ่องสอน พบสารหนูเกินค่ามาตรฐาน 4–5 เท่า ล่าสุด จากการพูดคุยกับ ลาหมึทอ ดั่งแดนวิมาน...