ประมวลน้ำท่วมสุโขทัย 25-28 ก.ค. นํ้ายมทลายพนังกั้นนํ้า กระแสนํ้าไหลแรงพัดบ้านเรือนประชาชน

หลังจากที่พายุ ‘วิภา’ ได้เคลื่อนตัวเข้ามายังประเทศไทยตั้งแต่วันที่ 22 กรกฎาคม 2568 ทำให้หลายพื้นที่เกิดฝนตกหนัก ฝนที่ตกอย่างต่อเนื่องส่งผลให้เกิดดินโคลนถล่ม นํ้าป่าไหลหลาก และปริมาณนํ้าในแม่นํ้าเพิ่มสูงขึ้น กระทั่งนํ้าได้เข้าท่วมจังหวัดเชียงราย พะเยา แพร่ และน่าน ประชาชนส่วนใหญ่ได้รับผลกระทบหนัก แม้ว่าหน่วยงานท้องถิ่นในจังหวัดจะมีการตั้งรับเหตุการณ์นํ้าท่วมไว้ล่วงหน้าแล้วก็ตาม แต่ก็ไม่สามารถหยุดยั้งภัยธรรมชาติได้ โดยเฉพาะน่านที่นํ้าท่วมสูงกว่าเมื่อปลายปี 2567 อย่างไรก็ตามศึกครั้งนี้ยังไม่จบ เมื่อแม่นํ้ายมที่ไหลผ่านจังหวัดแพร่ได้ส่งต่อมวลนํ้ามายังจังหวัดสุโขทัย เมืองแห่งมรดกโลกที่มีโบราณสถานที่สำคัญหลายแห่ง

สัญญาณเตือนได้เริ่มขึ้นเมื่อคืนวันที่ 25 กรกฎาคม 2568 ศูนย์บัญชาการเหตุการณ์ฯ จังหวัดสุโขทัย ได้สั่งเปลี่ยนระดับการแจ้งเตือนเป็นธงแดง สื่อถึงระดับแม่นํ้ายมที่อยู่ในระดับวิกฤตและเสี่ยงเกิดนํ้าท่วมในพื้นที่ริมแม่นํ้ายม อีกทั้งยังเตือนให้ประชาชนติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด

ภาพ :สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดสุโขทัย

กระทั่งเช้าวันที่ 26 กรกฎาคม เวลา 06.24 น. ผนังกั้นน้ำริมนํ้ายม บริเวณหมู่ 1 ตำบลปากแคว อำเภอเมือง จังหวัดสุโขทัย ไม่สามารถต้านทานมวลนํ้าได้ ส่งผลให้นํ้าได้ทะลักเข้าท่วมพื้นที่ริมนํ้า ทางด้านตลาดไตรรัตน์ ตำบลธานี อำเภอเมือง นํ้าได้ทะลักเข้าตลาด พ่อค้าแม่ค้าต่างรีบขนย้ายสินค้าหนีนํ้า ประชาชนไม่สามารถเข้าไปจับจ่ายซื้อสินค้าได้

ภาพ :สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดสุโขทัย

สถานการณ์ได้เลวร้ายยิ่งขึ้น เมื่อผนังกั้นนํ้าบริเวณสะพานแม่ย่า ไม่สามารถต้านทานมวลนํ้าที่มาเร็วและแรงอีกต่อไปได้ ส่งผลให้เมื่อเวลา 07.00 น. นํ้าได้ไหลเข้าท่วมบ้านเรือนประชาชนอย่างรวดเร็ว ด้านกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) ได้แจ้งเตือนฉุกเฉินขั้นสูงสุด ระบุว่า น้ำเริ่มล้นตลิ่งที่อำเภอเมือง และ อำเภอศรีสำโรง ระดับน้ำเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง จะส่งผลกระทบพื้นที่ริมแม่น้ำที่อำเภอศรีสำโรง (ตำบลวังใหญ่, ตำบลวังทอง) อำเภอเมืองสุโขทัย (ตำบลปากแคว, ตำบลยางซ้าย , ตำบลปากพระ ตำบลธานี)ให้รีบยกของขึ้นที่สูงทันที รีบเคลื่อนย้ายรถไปในที่สูง อพยพไปยังศูนย์พักพิงในพื้นที่ถ้าจำเป็น เคลื่อนย้ายกลุ่มเปราะบาง เช่น ผู้สูงอายุ ผู้ป่วยติดเตียง ไปยังที่ปลอดภัย และปฏิบัติตามคำแนะนำของเจ้าหน้าที่อย่างเคร่งครัด

ภาพ :สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดสุโขทัย

นพฤทธิ์ ​ ศิริโกศล ผู้ว่าราชการจังหวัดสุโขทัย เปิดเผยถึงสถานการณ์อุทกภัยในจังหวัดว่า ตามประกาศกรมอุตุนิยมวิทยาเรื่องพายุวิภาส่งผลให้ในช่วงวันที่ 22 ถึงวันที่ 24 กรกฎาคม 2558 ทำให้มีฝนตกหนักถึงหนักมาก บริเวณภาคเหนือโดยเฉพาะจังหวัดพะเยาแพร่และสุโขทัย โดยโครงการชลประทานจังหวัดสุโขทัยได้แจ้งถึงสถานการณ์น้ำเมื่อวันที่ 25 กรกฎาคม 2568 เวลา 15.00 น. ที่สถานี Y.14B อำเภอศรีสัชนาลัย ​ วัดปริมาณน้ำได้ที่ 741.30 ลบ.ม./วินาที โดยคาดการณ์ว่าปริมาณน้ำจะมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยมีพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบดังนี้ 1. อำเภอศรีสำโรง สถานการณ์ น้ำผุดใต้สะพานสิริปัญญารัต ส่งผลให้ไหลทะลักเข้าท่วม ตำบลวังใหญ่ ตำบลวังทอง 2. อำเภอเมืองสุโขทัย สถานการณ์แรงดันน้ำทำให้แนวกระสอบน้ำทะลักไหลเข้าท่วมพื้นที่ ได้แก่ หมู่ 1 ตำบลปากแคว (น้ำล้นพนังกั้นน้ำ) ชุมชนวัดคูหาสุวรรณ ชุมชนพระแม่ย่า ส่วนการให้ช่วยเหลือเบื้องต้นหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ระดมสรรพกำลังช่วยเหลือในเบื้องต้น อาทิ เครื่องจักรกลสาธารณภัย และเร่งอพยพขนย้ายผู้ประสบภัย

ภาพ :สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดสุโขทัย

แม้ว่ามวลนํ้าจะถาโถมเข้ามาท่วมอย่างต่อเนื่อง แต่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องก็ไม่ท้อถอย ยังคงพยายามอุดพนังกั้นนํ้าที่แตกหัก เพื่อชะลอนํ้าให้ได้มากที่สุด เช่น บริเวณวัดคูหาสุวรรณ ได้ดำเนินการอุดรอยรั่วของผนังกั้นนํ้าได้สำเร็จ แต่ก็ยังมีนํ้าซึมออกมาเล็กน้อย และอาจป้องกันได้ชั่วคราวเท่านั้น หากนํ้ายังเพิ่มสูงต่อเนื่องพยังกั้นนํ้าอาจพังได้อีกครั้ง

ภาพ :สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดสุโขทัย

นพฤทธิ์ ​ ศิริโกศล ผู้ว่าราชการจังหวัดสุโขทัย ยังได้ถอดบทเรียนสถานการณ์น้ำท่วมจากพายุ “วิภา” ในพื้นที่จังหวัดสุโขทัย โดยแบ่งเป็น 6 พื้นที่ด้วยกัน ดังนี้

1. พื้นที่ หมู่ 6 ตำบลวังใหญ่ อำเภอศรีสำโรง

จุดเกิดเหตุ : บริเวณกำแพงตอม่อใต้สะพานสิริปัญญารัตน์

สาเหตุ : เกิดน้ำผุดใต้กำแพงตอม่อใต้สะพาน ทำให้น้ำไหลทะลักเข้าท่วมพื้นที่ตำบลวังทอง

แนวทางแก้ไข : 1.เสริมกระสอบทราย Big Bag อุดรอยรั่ว 2.อุดช่องโหว่กำแพงตอม่อใต้สะพานหลังน้ำลด

ปัญหา/อุปสรรค : รอยรั่วอยู่ใต้น้ำไม่สามารถหาได้และแก้ไขได้ช่วงน้ำท่วมต้องรอน้ำลด

2. ชุมชนวัดคูหาสุวรรณ ตำบลธานี อำเภอเมืองสุโขทัย

จุดเกิดเหตุ : ช่องกำแพงกั้นน้ำนมหน้าวัด

สาเหตุ : แรงดันน้ำสูงทำให้แนวกระสอบทรายพัง

แนวทางแก้ไข 1.เสริมกระสอบทราย , Big Bag 2.ใช้ฐานเสาไฟฟ้าคอนกรีตเสริม

ปัญหา/อุปสรรค : ปริมาณแรงดันน้ำมากยากในการดำเนินการวางกระสอบทราย

3. ชุมชนพระแม่ย่า ตำบลธานี อำเภอเมืองสุโขทัย

จุดเกิดเหตุ : สะพานแม่ย่า ข้ามน้ำยม 

สาเหตุ : แนวกระสอบทรายหัวท้ายสะพานรับแรงดันน้ำไม่ไหว พังเสียหาย

แนวทางแก้ไข : 1.เสริมแผ่นไม้กั้นน้ำ 2.วางกระสอบทราย 3.ใช้ฐานเสาไฟฟ้าคอนกรีต

ปัญหา/อุปสรรค : ปริมาณน้ำมากการดำเนินการลำบาก

4. พื้นที่หลังโรงเบียร์ช้าง ชุมชนวังหิน

จุดเกิดเหตุ : พื้นที่หลังโรงเบียร์ช้าง

สาเหตุ : แรงดันน้ำทำให้กระสอบทรายแนวกั้นพัง

แนวทางแก้ไข : วางกระสอบทรายใหม่ให้แข็งแรง

ปัญหา/อุปสรรค : เป็นพื้นที่ลุ่มต่ำ ระดับน้ำสูง

5. ถนนนิกรเกษม ตำบลธานี

จุดเกิดเหตุ : บริเวณหน้าสำนักงานเหล่ากาชาดสุโขทัย

สาเหตุ : แรงดันน้ำสูง กระสอบทรายที่วางกันน้ำพังทลาย

แนวทางแก้ไข : วางกระสอบทรายbig bag 

ปัญหา/อุปสรรค : ปริมาณและแรงดันน้ำมาก 

6. หมู่ 11 ตำบลคลองยาง อำเภอสวรรคโลก

จุดเกิดเหตุ : บริเวณสะพานยายน้อย

สาเหตุ : น้ำล้นคันคลองยมน่าน

แนวทางแก้ไข : 1.วางกระสอบทราย 2.ใช้เครื่องจักรกลเสริมแนวคัน

ปัญหา/อุปสรรค : กระแสน้ำเชี่ยว ทำงานลำบาก 

27 กรกฎาคม 2568 กระสอบทรายที่นำมาอุดรอยรั่วของผนังกั้นนํ้าในลายจุดไม่สามารถรับมวลนํ้าจากแม่นํ้ายมได้อีกต่อไป ทำให้กำแพงกระสอบทรายได้พังทลายลง พร้อมกับมวลนํ้าที่ได้ทะลักเข้าท่วมพื้นที่อำเภอเมือง จังหวัดสุโขทัยอีกครั้ง เช่นบริเวณหน้าจวนผู้ว่าฯ หรือบริเวณถนนนิกรเกษม และหลังวัดปากแคว ในคืนวันเดียวกันนั้น เวลา 23.00 น. มีคำสั่งให้ปิดสะพานพระร่วง เนื่องจากพบว่าสะพานชำรุด และมีน้ำผุดตามรอยบวม ทำให้ต้องปิดเพื่อป้องกันอันตรายที่อาจเกิดขึ้นได้

ภาพ :สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดสุโขทัย

สถานการณ์ล่าสุดเมื่อเช้าวันที่ 28 กรกฏาคม 2568 แม้จะไม่มีฝนตกหนักแล้วก็ตาม แต่มวลนํ้าจากแม่นํ้ายมยังเพิ่มขึ้น และไหลรุนแรงอยู่ ซึ่งทำให้บ้านเรือนหลังหนึ่งในหมู่ 2 ตำบลบ้านนา อำเภอศรีสำโรง ถูกนํ้าพัดพังทลายไปต่อหน้าต่อตา ทางด้าน พฤทธิ์ ​ ศิริโกศล ผู้ว่าราชการจังกวัดสุโขทัย เปิดเผยว่า เวลา 06.00 น. ได้เกิดเหตุคันแม่น้ำยมแยกตัว ประมาณ 15 เมตร บริเวณ หมู่ 2 ตำบลบ้านนา อำเภอศรีสำโรง จ.สุโขทัย ทำให้น้ำไหลทะลักเข้าท่วมบ้านเรือนประชาชน เบื้องต้นบ้านพังเสียหาย 1 หลัง ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต ​ โดยปัจจุบันมีพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจำนวน 1 ตำบล 3 หมู่บ้าน ดังนี้ ต.บ้านนา ประมาณร้อยกว่าครัวเรือนใน หมู่ 2 หมู่ 5 และหมู่ 3 โดยได้อพยพประชาชนไปพักที่ศูนย์พักพิง อบต.บ้านนา ซึ่งมวลน้ำที่หลากมาปัจจุบันไหลข้ามถนนเส้น 1195 สุโขทัย – วังไม้ขอน ส่วนหนึ่ง และไหลลงคลองตาเป้า (คลองก้างปลา) ลงทะเลหลวงต่อไป 

ภาพ :สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดสุโขทัย

ถอดบทเรียนทุกปี แต่ก็ยังมีนํ้าท่วมให้เห็นทุกปี

แม้จะมีการถอดบทเรียนจากเหตุการณ์นํ้าท่วมซํ้าซากทุกปีในจังหวัดสุโขทัย แต่ยังดูเหมือนว่าจะไม่สามารถแก้ปัญหานี้ได้อย่างจริงจัง แม้ประชาชนจะเตรียมรับมือแล้วก็ตาม แต่ก็ไม่สามารถคาดเดาภัยพิบัติทางธรรมชาติได้อย่างแม่นยําว่าในปีนี้จะหนักหรือเบากว่าปีที่ผ่านมา โดยสาเหตุหลักเกิดขึ้นจากโครงสร้างพื้นฐานไม่พร้อมรับมือ โดยพนังกั้นน้ำบางจุดชำรุด หรือไม่มีการเสริมความแข็งแรงอย่างต่อเนื่อง และท่อระบายน้ำอุดตันและมีขนาดเล็กในเขตเทศบาล ทำให้ระบายน้ำไม่ทัน อีกทั้งการจัดการน้ำลุ่มน้ำยมยังไม่มีประสิทธิภาพ โดยลุ่มน้ำยมเป็นลุ่มน้ำเดียวในประเทศไทยที่ไม่มีเขื่อนกั้นน้ำตอนบนอย่างเป็นระบบ ทำให้ไม่สามารถบริหารจัดการน้ำได้ดีในช่วงวิกฤต และการประสานงานระหว่างจังหวัดต้นน้ำ (เช่น แพร่ อุตรดิตถ์) และปลายน้ำ (สุโขทัย พิษณุโลก) ยังไม่เป็นระบบ

ทีมข่าวที่ประกอบไปด้วยผู้คนหลากหลาย บ้างก็มาจากทะเล บ้างก็มาจากภูเขา แต่สุดท้ายก็ลงเอยที่ภาคเหนืออยู่ที่ Lanner นี่แหละ...

ข่าวที่เกี่ยวข้อง