ซะป๊ะเพศ เฉดสีล้านนา: จาก ‘เจ้ายวงแก้ว’ ถึงจักรวาล GL หญิงรักหญิงในประวัติศาสตร์ล้านนา และคำถามต่ออคติที่ยังคงอยู่

เรื่อง: ปวีณา หมู่อุบล

ท่ามกลางกระแสความนิยมต่อซีรีส์วาย (Boy Love หรือ BL) ที่เฟื่องฟูและขยายตัวอย่างก้าวกระโดด มีฐานแฟนคลับทั้งในประเทศและต่างประเทศ ซีรีส์ Girl’s Love (GL) เองก็กำลังเจริญเติบโตและขยายตัวออกเช่นกัน  และท่ามกลางการขยายตัวของวงการซีรีส์ BL และ GL เนื้อหาของซีรีส์ก็หลากหลายมากยิ่งขึ้นไปด้วย

ที่น่าสนใจคือย้อนกลับไปเมื่อปี พ.ศ. 2566 ซีรีส์วายเรื่องหนึ่งชื่อ ‘หอมกลิ่นความรัก’ ออกอากาศ ซีรีส์เรื่องนี้ถือว่าสร้างปรากฏการณ์ใหม่อย่างหนึ่งให้แก่วงการ นั่นคือการซีรีส์วายพีเรียดเรื่องแรกๆ  ที่มีเนื้อหาอยู่ในบริบทของล้านนา โดยเป็นเรื่องราวที่ย้อนไปราว พ.ศ. 2470 หรือสมัยรัชกาลที่ 7

ในด้านของซีรีส์ GL เองก็มีเรื่องพีเรียดออกมาเช่นกัน และเรื่องที่ได้รับความนิยมมากเห็นจะเป็น ‘ปิ่นภักดิ์’   ซึ่งเป็นเรื่องราวของความรักและอุปสรรคระหว่างหม่อมเจ้าหญิงอนิลภัทร (หรือท่านหญิงอนิล) และหม่อมราชวงศ์ปิลันธิตา (หรือคุณหญิงปิ่น) ที่ต้องฝ่าฟันทั้งเรื่องฐานันดรและขนบธรรมเนียม 

ปัจจุบันจักรวาลซีรีส์ GL ขยายตัวออกอย่างกว้างขวางไม่แพ้ฝ่ายซีรีส์วาย มีผู้จัดทำข้อมูลไว้ว่าหากนับซีรีส์ GL โดยครอบคลุมทั้งซีรีส์ที่มีคู่ GL เป็นคู่หลักหรือคู่รองที่มีบทบาทเด่น และเน้นคู่ที่มีเส้นเรื่องพัฒนาความสัมพันธ์อย่างมีนัยสำคัญ ตั้งแต่ปี 2013 – 2025 จะมีซีรีส์ GL รวมทั้งสิ้น 51 เรื่อง  แต่อย่างนั้น ก็ยังไม่ปรากฏว่ามีซีรีส์ GL เรื่องใดที่เป็นเรื่องพีเรียดล้านนา คาดว่าคงต้องให้เวลาทางผู้จัดอีกสักหน่อย

และเมื่อพูดถึงเรื่องราวของ GL แซฟฟิก (Sapphic) หรือหญิงรักหญิงในบริบทของล้านนา ก็มีเรื่องราวหนึ่งที่น่าหยิบมาพูดถึง คือเรื่องของเจ้ายวงแก้ว สิโรรส สตรีชั้นสูงจากล้านนาผู้มีความสัมพันธ์ฉันท์คนรักกับชั้นสูงจากสยาม ความสัมพันธ์ซึ่งนำไปสู่บทสรุปคือโศกนาฏกรรม

จากล้านนาสู่พระนคร การ ‘เล่นเพื่อน’ และโศกนาฏรรมจากความรัก

เจ้ายวงแก้ว สิโรรส เป็นพระธิดาของเจ้าน้อยคำคง สิโรรส และเมื่อมีอายุได้ 7 ขวบ เจ้ายวงแก้วก็ได้ถูกนำไปถวายตัวให้เป็นนางข้าหลวงของเจ้าดารารัศมี ซึ่งนั่นหมายถึงการย้ายออกจากเมืองเชียงใหม่และมาอาศัยอยู่ที่ตำหนักของเจ้าดาราฯ ณ พระบรมมหาราชวัง

ตามประวัติเล่าว่าเจ้ายวงแก้วเข้ามาเป็นนางในตำหนักของเจ้าดาราฯ พร้อมกับเจ้าบัวชุม ณ เชียงใหม่ และทั้งสองได้เติบโตขึ้นในตำหนักแห่งนั้นด้วยกัน และได้เป็นส่วนหนึ่งที่สร้างเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรมให้แก่ตำหนักของพระราชชายา ทั้งในด้านการแต่งกาย การเกล้าผม กิริยามารยาท และการละเล่นเครื่องดนตรีล้านนา

เจ้ายวงแก้ว สิโรรส (แถวนั่ง คนที่ 2 นับจากซ้าย) 

ในหนังสือเรื่อง เพ็ชร์ล้านนา เขียนโดย ปราณี ศิริธร ณ พัทลุง ระบุว่าเมื่อเจ้ายวงแก้วเติบโตขึ้นเป็นสาวแรกรุ่น ได้เป็นที่รับรู้กันไปทั่วว่าเธอได้มีความสัมพันธ์ฉันคู่รักกับสตรีชั้นสูงอีกคนหนึ่งที่เป็นชาวสยาม นั่นคือ หม่อมราชวงศ์หญิงวงศ์เทพ โดยที่รับรู้กันทั่วไปอีกว่าขณะนั้นฝ่ายหม่อมราชวงศ์หญิงวงศ์เทพเองก็ได้มีคนรักอยู่แล้ว เป็นสาวชาววังชื่อ ‘หุ่น’

ลักษณะความสัมพันธ์ระหว่างเจ้ายวงแก้ว – หม่อมราชวงศ์หญิงวงศ์เทพ หรือหม่อมราชวงศ์หญิงวงศ์เทพ – หุ่น เป็นความสัมพันธ์ที่บริบทในยุคนั้นเรียกันว่า ‘การเล่นเพื่อน’ ซึ่งเปรียบเทียบได้กับความสัมพันธ์ของเลสเบี้ยน หญิงรักหญิง หรือแซฟฟิกในบริบทปัจจุบัน

คำว่า ‘เล่นเพื่อน’ ถือเป็นคำเก่าที่ใช้ในการอธิบายความของความสัมพันธ์ในลักษณะดังกล่าว และการเล่นเพื่อนก็มีปรากฏอยู่ในสังคมของสยามมาตั้งแต่ยุครัตนโกสินทร์ตอนต้น ที่ปรากฏหลักฐานชัดเจนคือในสมัยรัชกาลที่ 3 มีการร้องเล่นเพลงยาวเรื่อง หม่อมเป็ดสววรค์ ที่เป็นเรื่องราวความสัมพันธ์ระหว่าง หม่อมเป็ด และคุณโม่ง สองนางข้าหลวงในตำหนักของกรมหมื่นอัปสรสุดาเทพ พระราชธิดาในรัชกาลที่ 3 ที่ซึ่งมีผู้อธิบายว่าทั้งสองมีตัวตนอยู่จริง และเป็นสตรีชั้นสูง โดยคุณโม่งคือหม่อมสุด เดิมเป็นหม่อมห้ามใน (ของ) กรมพระราชวังบวรมหาศักดิพลเสพ ส่วนหม่อมเป็ดคือหม่อมขำ เดิมเป็นหม่อมห้ามในกรมพระราชวังบวรมหาศักดิพลเสพเช่นกัน

สำหรับความสัมพันธ์ของเจ้ายวงแก้วและหม่อมราชวงศ์หญิงวงศ์เทพเองก็อยู่ภายใต้ร่มของการเล่นเพื่อนนี้ หากแต่ได้มีความเฉพาะประการหนึ่งคือ เป็นความสัมพันธ์สามเส้า เพราะอย่างที่กล่าวไปแล้วว่าฝ่ายของหม่อมราชวงศ์นั้นก็ได้เล่นเพื่อนกับสตรีอีกคนหนึ่งอยู่แล้ว และด้วยความสัมพันธ์เช่นนี้จึงก่อให้เกิดการชิงดีชิงเด่นกันขึ้น

ปราณี ศิริธร ณ พัทลุง ผู้เขียน เพ็ชร์ล้านนา เล่าว่าในหนังสือว่า หุ่น คู่รักอีกคนหนึ่งของหม่อมราชวงศ์หญิงวงศ์เทพได้ปล่อยข่าวว่าร้ายให้แก่เจ้ายวงแก้ว ความว่าเจ้ายวงแก้วได้นำเอาทรัพย์สินมีค่าที่พระราชชายาประทานให้ไปปรนเปรอแก่หม่อมราชวงศ์หญิงวงศ์เทพจนหมดสิ้น เป็นเหตุให้มีการเย้ยหยันเจ้ายวงแก้วไปทั่วฝ่ายใน และในที่สุดข่าวนี้ลอยไปเข้าหูของเจ้าดาราฯ 

พระราชชายาโกรธเจ้ายวงแก้วมาก สั่งให้นำสิ่งของต่างๆ มาคืน พร้อมกับคาดโทษว่าจะส่งตัวเจ้ายวงแก้วกลับมายังนครเชียงใหม่ ในขณะนั้นเจ้ายวงแก้วผู้ซึ่งมีความอับอายอยู่หนักหนาแล้วก็ได้มาเผชิญความกดดันจากเจ้านายของตนเอง อีกทั้งยังมีความเครียดในเรื่องไม่อาจหาสิ่งของมาคืนได้ ก็ได้ไปปรับทุกข์กับเจ้าบัวชุม ณ เชียงใหม่ 

แต่ถึงอย่างนั้นความทุกข์ของเจ้ายวงแก้วก็มิคลาย เจ้ายวงแก้วในวัย 19 ปีเศษ ตัดสินใจกระทำอัตวินิบาตกรรม เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจว่าตนไม่ได้เป็นไปตามที่เขากล่าวหา โดยการกระโดดลงมาจากชั้น 4 ของตำหนักพระราชชายา ผลคือเจ้ายวงแก้วหมดสติไปก่อนที่จะเสียชีวิตลงที่โรงพยาบาล

ตำหนักพระราชชายา เจ้าดารารัศมี ในเขตพระราชฐานฝ่ายใน ทางทิศตะวันออกของหมู่พระที่นั่งมหาจักรีมหาปราสาท สร้างโดยพระเจ้าอินทวิชยนนท์

ที่มา: 3 ศิลป์รัตนโกสินทร์

เป็นความจริงอันน่าเศร้าที่การเล่นเพื่อนและความรักแบบสามเส้าได้นำมาซึ่งโศกนาฏกรรมของเจ้ายวงแก้ว แต่หากมองให้ลึกลงไปอีกสักนิดจะเห็นว่าโศกนาฏกรรมมีปัจจัยอื่นๆ ที่นอกเหนือไปจากเรื่องของความรักและความสัมพันธ์แบบสามเส้า นั่นคือ การเย้ยหยันผู้มีที่พฤติกรรมเล่นเพื่อน มีหลักฐานเอกสารที่พอจะบ่งชี้ให้เห็นถึงการเย้ยหยันดังกล่าวว่าเริ่มมีขึ้นอย่างชัดเจนตั้งแต่ในช่วงต้นรัตนโกสินทร์เช่นกัน เพราะในขณะนั้นการเล่นเพื่อนค่อนข้างที่จะเป็นเรื่องเกรียวกราวในหมู่สาวชาววัง หากแต่ในสายตาของบรรดาเจ้านายผู้ชายจากฝ่ายหน้ากลับมองว่าเรื่องเหล่านี้เป็นไม่สมควร

ในวรรณกรรมเรื่อง นางนพมาศ หรือตำรบท้าวศรีจุฬาลักษณ์ ซึ่งแต่งขั้นในสมัยรัชกาลที่ 3 มีเนื้อความตอนหนึ่งเป็นนิทานคำสอนเชิงตำหนิเกี่ยวกับเรื่องการเล่นเพื่อนนี้โดยเฉพาะ และในเนื้อความนั้นก็ได้ระบุเอาไว้ทำนองว่าการเล่นเพื่อนนี้เปรียบได้กับเป็นการกระทำอัน “ลามกสตรี” อัน “เป็นฝ่ายข้างอัปมงคล” ที่ “ทำทุจริตลุอำนาจแก่ความรัก”

สำหรับในปัจจุบัน แม้จะมีการพร่ำบอกโดยทั่วไปว่าสังคมไทยเปิดรับความหลากหลายทางเพศและความรักในทุกรูปแบบแล้ว หากการเย้ยหยันในความสัมพันธ์ของหญิงรักหญิงหรือแซฟฟิกกลับยังไม่หมดไป กลับกันความสัมพันธ์เช่นนี้มักจะถูกมองว่าเป็นความสัมพันธ์ที่ ‘ไม่มีความมั่นคง’ เป็นสิ่งที่ชั่ววูบ และไม่จริงจังเท่ากับความรักแบบชายหญิง อาจจะด้วยอิทธิพลความเชื่อที่ฝังรากลึกอยู่ในสังคมที่ว่าผู้หญิงต้องคู่กับผู้ชาย เมื่อผู้หญิงสองคนรักกันจึงมักเกิดการตั้งคำถามที่เต็มไปด้วยอคติทางเพศ ซึ่งเป็นอคติที่ผูกติดอยู่กับเรื่องของการแต่งงาน มีลูก และความมั่นคงในชีวิตคู่ตามแบบฉบับที่สังคมกำหนด

ดังนั้นแล้ว  เป็นที่น่าสนใจติดตามต่อไปว่าในบริบทปัจจุบันที่กระแสความนิยมในซีรีส์ GL กำลังเจริญเติบโตขึ้นนี้ สังคมจะสามารถก้าวข้ามการเย้ยหยัน เหยียดหยาม (หรืออะไรก็แล้วแต่ในทำนองเดียวนี้) ต่อความรัก – ความสัมพันธ์ในรูปแบบของแซฟฟิกได้หรือไม่?

รายการอ้างอิง

ข่าวที่เกี่ยวข้อง