18 สิงหาคม 2568 ชุมชนลุ่มแม่น้ำโขงและแนวร่วมการเงินที่เป็นธรรมประเทศไทย (Fair Finance Thailand) ส่งจดหมายเปิดผนึกถึงธนาคารพาณิชย์ แสดงความกังวลต่อโครงการผลิตไฟฟ้าพลังน้ำปากแบง (Pak Beng Hydropower Project) โดยเฉพาะในประเด็นการปฏิบัติตามหลักการ Equator Principles และการประเมินผลกระทบด้านสังคม สิ่งแวดล้อม และสิทธิมนุษยชน
เนื้อหาในจดหมายระบุว่า พื้นที่ปากแบงเป็นชุมชนลุ่มน้ำโขงที่อุดมสมบูรณ์ ชีวิตของผู้คนขึ้นอยู่กับการขึ้นลงของน้ำ และยังเป็นแหล่งธรรมชาติสำคัญ การดำเนินโครงการจึงควรพิจารณาผลกระทบอย่างรอบด้าน เพื่อป้องกันความเสียหายต่อชุมชนและสิ่งแวดล้อม
แม้ว่าบริษัทผู้พัฒนาโครงการจะเคยจัดเวทีรับฟังความคิดเห็นชุมชนในเดือนมิถุนายน 2568 และว่าจ้างบริษัทที่ปรึกษาเพื่อประเมิน ผลกระทบข้ามพรมแดน (Transboundary Impact Assessment – TbIA) และ ผลกระทบสะสม (Cumulative Impact Assessment – CIA) แต่แนวร่วมฯ ระบุว่ารายงานดังกล่าวยังไม่ครอบคลุมผลกระทบจากเขื่อนอื่นในตอนบนของจีนและเขื่อนล่างแม่น้ำโขง รวมถึงผลกระทบต่อแม่น้ำสาขาในประเทศไทย ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมถาวร สูญเสียพื้นที่เกษตร และเปลี่ยนแปลงระบบนิเวศ เช่น การจัดการตะกอนที่ส่งผลต่อความอุดมสมบูรณ์ของแม่น้ำ
นอกจากนี้ รายงานยังละเลยการประเมินผลกระทบด้านสิทธิมนุษยชนตามหลัก United Nations Guiding Principles on Business and Human Rights (UNGPs) ข้อมูลเศรษฐกิจและสังคมก็ไม่ได้แยกตามเพศ อายุ ชาติพันธุ์ หรือความพิการ ทำให้ไม่สามารถระบุผลกระทบต่อกลุ่มเปราะบางได้ชัดเจน ขณะที่ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียไม่สามารถมีส่วนร่วมอย่างเต็มที่ เนื่องจากข้อมูลเข้าใจยาก ขาดความโปร่งใส และการตอบข้อกังวลจากผู้พัฒนาโครงการไม่ตรงไปตรงมา
แนวร่วมฯ เคยส่งจดหมายเปิดผนึกถึงธนาคารไทยเมื่อ กันยายน 2567 และเมษายน 2568 เพื่อเสนอแนะเกี่ยวกับการประเมินความเสี่ยงด้านสังคม สิ่งแวดล้อม และธรรมาภิบาล (ESG) ของโครงการไฟฟ้าพลังน้ำปากแบง โดยหวังว่าจดหมายฉบับล่าสุดจะช่วยให้ธนาคารพิจารณาการสนับสนุนโครงการอย่างรอบคอบมากขึ้น
ด้านเครือข่ายภาคประชาชน JustPow เปิดเผยว่า โครงการเขื่อนปากแบง เป็นโครงการโรงไฟฟ้าพลังน้ำตั้งอยู่บริเวณตอนบนของแม่น้ำโขง ทางเหนือของเมืองปากแบง แขวงอุดมไชย ทางตอนเหนือของประเทศ สปป.ลาว และห่างจากชายแดนไทย-ลาว ผาได 96 กม. เป็นการร่วมทุนระหว่าง บริษัทไชน่าต้าถัง โอเวอร์ซี อินเวสต์เมนต์ 51% และ บริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) 49% มีมูลค่าการลงทุนประมาณ 100,000 ล้านบาท สัญญาสัมปทาน 29 ปี โดยจะขายไฟให้ประเทศไทย 897 เมกะวัตต์ ในราคาหน่วยละ 2.7129 บาท เซ็นสัญญาเมื่อ 11 สิงหาคม 2566
โดยโครงการคาดว่าจะปิดการจัดหาเงินกู้ภายในปลายปี 2567 ใช้เวลาก่อสร้างประมาณ 8 ปี และมีกำหนดขายไฟฟ้าเข้าระบบในปี 2576 ขณะนี้การก่อสร้างยังไม่เริ่ม เนื่องจากยังไม่สามารถจัดหาเงินกู้จากธนาคารได้
ทั้งนี้ ชุมชนลุ่มน้ำโขงและแนวร่วมการเงินไทยฯ ยังคงแสดงความกังวลต่อโครงการ ทั้งในแง่ผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ชุมชน และสิทธิมนุษยชน แม้โครงการจะได้รับความเห็นชอบจากรัฐบาลไทยในการพัฒนาระบบส่งไฟฟ้าและเซ็นสัญญาจำหน่ายไฟไปยังประเทศไทย แต่ข้อกังวลเกี่ยวกับความโปร่งใส การประเมินผลกระทบข้ามพรมแดน และการมีส่วนร่วมของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียยังคงอยู่ ทำให้การตัดสินใจสนับสนุนทางการเงินของธนาคารพาณิชย์จำเป็นต้องพิจารณาอย่างรอบคอบและรอบด้าน
ทีมข่าวที่ประกอบไปด้วยผู้คนหลากหลาย บ้างก็มาจากทะเล บ้างก็มาจากภูเขา แต่สุดท้ายก็ลงเอยที่ภาคเหนืออยู่ที่ Lanner นี่แหละ...