21 พฤศจิกายน 2568 กรมทางหลวงจัดประชุมสรุปผลการคัดเลือกรูปแบบการพัฒนา ‘โครงการจ้างวิศวกรที่ปรึกษาสำรวจเเละออกแบบปรับปรุงเเละแก้ไขปัญหาการจราจร บนทางหลวงหมายเลข 121 ตอน ดอนแก้ว – เหมืองกุง’ พร้อมเปิดรับฟังความคิดเห็นจากประชาชน ในพื้นที่โครงการ โดยมีชาวบ้าน ผู้ประกอบการ ผู้พักอาศัยริมถนนคันคลอง และตัวแทนองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเข้าร่วมอย่างคับคั่ง
เจ้าหน้าที่กรมทางหลวงชี้แจงว่า ถนนเลียบคันคลองดอนแก้ว–เหมืองกุงเป็นเส้นทางที่ประสบปัญหาการจราจรสะสมมานาน จากปริมาณรถที่เพิ่มขึ้น จุดตัดกับทางหลวงหลายสาย และแยกสัญญาณไฟที่ระบายรถได้ล่าช้า ทำให้เกิดการติดขัดอย่างหนัก โดยเฉพาะในชั่วโมงเร่งด่วน จึงจำเป็นต้องออกแบบโครงสร้างพื้นฐานใหม่เพื่อรองรับการเดินทางในอนาคต

โครงการครอบคลุมพื้นที่ 3 อำเภอ 6 ตำบล 33 หมู่บ้าน ระยะทางรวมกว่า 20.8 กิโลเมตร และมีแผนปรับปรุงจุดตัดสำคัญรวม 14 จุด โดยวิศวกรที่ปรึกษาเสนอรูปแบบการพัฒนา 6 ทางเลือก ประกอบด้วย
รูปแบบที่ 1 สะพานข้ามเเยกขนานคลองชลประทาน
รูปแบบที่ 2 ทางลอดขนานสองฝั่งของคลองชลประทน
รูปแบบที่ 3 สะพานข้ามเเยกด้านทิศตะวันออกของคลองชลประทาน
รูปแบบที่ 4 ทางลอดด้านทิศตะวันออกของคลองชลประทาน
รูปแบบที่ 5 สะพานยกระดับ 4 ช่องจราจร พร้อมสกายวอล์ก
รูปแบบที่ 6 เปิดจุดกลับรถใหม่เพื่อใช้เเทนทิศทางเลี้ยวขวา

ในจำนวนนี้ รูปแบบที่ 5 สะพานยกระดับ 4 ช่องจราจร พร้อมสกายวอล์ก ได้คะแนนสูงสุดจากการประเมิน โดยอ้างว่ากระทบต่อการเวนคืนที่ดินน้อยและรองรับผู้ใช้ทางเท้าได้ดีกว่าทางเลือกอื่น
อย่างไรก็ตาม เสียงคัดค้านจากประชาชนในพื้นที่ยังคงดังอย่างต่อเนื่อง โดยมีข้อกังวลครอบคลุมหลายมิติ ตั้งแต่
1. ผลกระทบต่อชุมชนและการเวนคืนที่ดิน ซึ่งอาจทำให้วิถีชีวิตเปลี่ยนไป
2. ปัญหาน้ำท่วมซ้ำซาก ที่ยังไม่ได้รับการตอบคำถามชัดเจนว่าจะถูกแก้ไขควบคู่หรือไม่
3. ความปลอดภัยของผู้ใช้ถนนรายอื่น เช่น รถจักรยานยนต์และคนเดินเท้า ซึ่งมีความเสี่ยงอุบัติเหตุสูงระหว่างก่อสร้าง
4. ผลกระทบด้านมลพิษเสียงและฝุ่น จากยานพาหนะบนทางยกระดับที่อยู่ใกล้อาคารพักอาศัย
5. กรอบเวลาดำเนินการที่ยังไม่ชัดเจน ว่าโครงการจะแล้วเสร็จเมื่อใด
ด้านตัวแทนที่ปรึกษาโครงการฯ กล่าวว่า เชียงใหม่ยังไม่มีระบบขนส่งสาธารณะที่ครอบคลุมทั่วเมือง จึงจำเป็นต้องพึ่งพาการขยายถนน พร้อมตั้งคำถามว่า หากมีระบบขนส่งสาธารณะ ประชาชนจะยอมเปลี่ยนพฤติกรรมการเดินทางหรือไม่ โดยยกตัวอย่างกรุงเทพฯ ที่แม้มีระบบขนส่งจำนวนมาก แต่ปัญหารถติดยังคงรุนแรง
ทว่าชาวบ้านจำนวนมากตั้งคำถามกลับว่า การสร้างทางยกระดับจะ ‘ทำลายทัศนียภาพเมืองเชียงใหม่หรือไม่’ เพราะถนนคันคลองเป็นพื้นที่ที่มีคุณค่าทั้งด้านภูมิทัศน์ สิ่งแวดล้อม และเชื่อมโยงชุมชนตั้งแต่เหนือจรดใต้ หากมีโครงสร้างขนาดใหญ่พาดผ่าน อาจทำให้เมืองสูญเสียเอกลักษณ์เดิมที่ผู้คนภาคภูมิใจ
กลุ่มผู้พักอาศัยในเขตคันคลองเห็นตรงกันว่า การขยายถนนไม่ใช่คำตอบของปัญหารถติด เพราะยิ่งขยายก็ยิ่งดึงให้มีรถเพิ่มขึ้น เป็นการแก้ปัญหาแบบวนลูปไม่รู้จบ และไม่ได้ตอบสนองความต้องการของคนที่อยู่ในพื้นที่จริง พร้อมตั้งคำถามสะเทือนใจว่า
“ตอนรถติด คุณติดอยู่ตรงแยกนี้ 5–10 นาที แต่ว่าพวกเราต้องติดอยู่กับทางด่วนตลอดชีวิตที่เหลือ มันคุ้มกันเหรอครับ”
ในประเด็นเรื่อง ‘สกายวอล์ก’ ชาวบ้านวิจารณ์ว่าเป็นโครงสร้างที่ไม่ตอบโจทย์การใช้งานจริง พร้อมตั้งคำถามว่า “ใครจะไปเดิน” ขณะที่ทางเท้าสามารถออกแบบให้ใช้งานได้ดีบนพื้นราบโดยไม่จำเป็นต้องยกระดับ
ประชาชนจำนวนหนึ่งยังยืนยันว่า ไม่เห็นด้วยกับทุกแนวทางที่เสนอ หากยังยึดโยงกับการเพิ่มศักยภาพถนนเพื่อรองรับรถยนต์ โดยเสนอให้รัฐออกแบบระบบที่สนับสนุน ขนส่งมวลชน พื้นที่สีเขียว และทางจักรยาน แทนที่จะสร้างสะพานยกระดับกลางเมือง ซึ่งจะยิ่งทำให้เชียงใหม่เดินซ้ำรอยปัญหาของเมืองใหญ่
“ยิ่งแป๋งถนน รถยิ่งหนัก เราคงไม่อยากเลียนแบบความผิดพลาดของกรุงเทพมหานคร” ตัวแทนชาวบ้านกล่าว
ทั้งนี้ในพื้นที่โครงการที่มาร่วมประชุมจึงเรียกร้องให้ชะลอโครงการ และพิจารณาทางเลือกที่ไม่ทำลายพื้นที่ชุมชน พร้อมเสนอให้รัฐพัฒนาระบบขนส่งสาธารณะคุณภาพดีเป็นทางออกระยะยาว แทนการสร้างโครงสร้างขนาดใหญ่ที่อาจยิ่งตอกย้ำปัญหาที่เมืองกำลังเผชิญในปัจจุบัน
ทีมข่าวที่ประกอบไปด้วยผู้คนหลากหลาย บ้างก็มาจากทะเล บ้างก็มาจากภูเขา แต่สุดท้ายก็ลงเอยที่ภาคเหนืออยู่ที่ Lanner นี่แหละ...




