แม่น้ำสาละวินปนเปื้อนสารโลหะหนัก ชาวบ้านเสี่ยงสารพิษ-ขาดน้ำสะอาด รัฐทำอะไรบ้าง?

Date:

28 พฤศจิกายน 2568 สำนักงานสิ่งแวดล้อมและควบคุมมลพิษที่ 1 แถลงข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการปนเปื้อนสารหนูในแม่น้ำสาละวิน ระบุว่าน้ำดิบที่ชาวบ้านใช้อยู่เกินมาตรฐานทุกจุด โดยวัดระดับสารหนูได้ 0.023–0.029 มก./ล. สูงกว่ามาตรฐานน้ำดื่มที่กำหนดไว้ 0.01 มก./ล. และสูงสุดที่บ้านท่าตาฝั่ง อำเภอแม่สะเรียง ถึง 0.076 มก./ล. ส่วนตะกอนดินริมลำน้ำและลำน้ำสาขาพบสารหนู 48–73 มก./กก. ซึ่งอาจคุกคามสิ่งมีชีวิตหน้าดิน โดยบางจุด เช่น บ้านพะละอึ ตำบลแม่สามแลบ ระดับสูงถึง 70 มก./กก.

อย่างไรก็ตาม ผลการตรวจปลา ผัก และเมล็ดพันธุ์พืชท้องถิ่น รวมถึงการตรวจปัสสาวะกลุ่มตัวอย่าง 10 คน ยังไม่เกินค่ามาตรฐาน การประเมินเบื้องต้นจึงชี้ว่าผลกระทบต่อสุขภาพระยะสั้นยังอยู่ในระดับต่ำ

อย่างไรก็ตาม สำหรับชาวบ้านกว่า 830 ครัวเรือนที่พึ่งพาน้ำและทรัพยากรจากแม่น้ำสาละวิน ตัวเลขนี้ไม่ใช่แค่สถิติ แต่สะท้อนถึงความเสี่ยงสะสมที่ไม่อาจมองข้าม ปัจจุบันมีเรือนแพ 4 ครอบครัวใช้น้ำจากแม่น้ำเพื่ออุปโภค–บริโภค แม้จะกรองและต้มก่อนใช้ ขณะที่ 330 ครัวเรือน หรือร้อยละ 15 ทำประมงเพื่อยังชีพและจำหน่าย ส่วนพื้นที่เพาะปลูกริมตลิ่งมีเกษตรกร 84 ราย ทำกินรวมกว่า 228 ไร่ โดยเฉพาะช่วงปลายฝนต้นหนาวที่มักปลูกพืชเพิ่มขึ้นเพราะตะกอนริมสาละวินอุดมสมบูรณ์

สำหรับผู้ที่พึ่งพาน้ำสาละวิน สิ่งเหล่านี้คือความจริงที่เกิดขึ้นทุกวัน และสะท้อนถึงความเปราะบางของชุมชนต่อมลพิษที่สะสมในสิ่งแวดล้อม

ต้นตอสารโลหะหนักในแม่น้ำสาละวินน่าจะมาจากไหน

เส้นทางแม่น้ำสาละวินไหลผ่านรัฐคะเรนนี (คะยาห์) ของเมียนมา ซึ่งมีความเป็นไปได้ว่ากิจกรรมเหมืองแร่ต่างๆ ในรัฐนี้เป็นแหล่งปล่อยสารพิษลงสู่แม่น้ำ ข้อมูลจาก ผศ.ดร.ว่าน มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ชี้ว่า มีเหมืองแร่หลายชนิดตามแนวสาละวินในรัฐคะเรนนี เช่น ดีบุก พลวง แมงกานีส และทองคำ แร่ดีบุกบางส่วนยังมีแร่แรร์เอิร์ธ ซึ่งการสกัดแร่ด้วยวิธีชะล้าง (in-situ leaching) มักปล่อยสารเคมีและของเสียลงแหล่งน้ำใกล้เคียง

ผศ.ดร.ว่านเน้นย้ำว่า การสืบหาแหล่งปล่อยสารพิษยังต้องดำเนินต่อไป และไม่ตัดประเด็นว่ากลุ่มเหมืองแร่แรร์เอิร์ธทางสาละวินตอนบนในรัฐฉาน อาจเป็นแหล่งปนเปื้อนสารโลหะหนักเหมือนกรณีแม่น้ำกกและแม่น้ำโขง

ข้อมูลจากมูลนิธิสิทธิมนุษยชนไทใหญ่ยืนยันว่า การทำเหมืองด้วยวิธีนี้สร้างผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและชุมชนใกล้เคียงอย่างมาก สารเคมีและโลหะหนักจากกระบวนการสกัดมักปนเปื้อนลงแหล่งน้ำและสิ่งแวดล้อมรอบ ๆ

ชุมชนริมน้ำกับความเปราะบางจากสารหนูในสาละวิน

ภาพ: The Reporters

พงษ์พิพัฒน์ มีเบญจมาศ นายก อบต.แม่สามแลบ ให้สัมภาษณ์กับบีบีซีไทยว่า แม้แม่ฮ่องสอนจะมีผลิตภัณฑ์จังหวัดต่อหัวต่ำที่สุดในประเทศ แต่ชาวบ้านก็ยัง เลี้ยงชีพได้อย่างยั่งยืน แม้รายได้ไม่สูง การปนเปื้อนสารหนูและโลหะหนักในแม่น้ำจึงซ้ำเติมความเปราะบางของชีวิตและอาชีพ

“นี่คือต้นทุนหลักของพวกเขา หากหันไปทำเกษตรกรรมแบบเมืองใหญ่ก็สู้ไม่ได้ เพราะพืชผักที่ปลูกไม่ต่างจากพื้นที่อื่น แต่ปลาในสาละวินคือเอกลักษณ์ของท้องถิ่น”

ปัญหาที่ชาวบ้านกังวลมากที่สุด คือ ไม่ทราบว่าตนสะสมสารพิษเหล่านี้อยู่ในร่างกายมาตั้งแต่เมื่อไร หลายคนเคยมีอาการผื่นหรือเจ็บป่วยเล็กน้อย แต่ไม่รู้สาเหตุ

พงษ์พิพัฒน์เรียกร้องให้หน่วยงานสาธารณสุขตรวจสุขภาพชาวบ้านและตรวจคุณภาพน้ำอย่างสม่ำเสมอ พร้อมเสนอให้รัฐบาล เจรจากับประเทศเพื่อนบ้านอย่างจริงจัง หากพบว่าสารโลหะหนักเกิดจากการทำเหมืองในเมียนมา

“หากไม่ปรับปรุงเหมืองหรือปล่อยสารพิษลงน้ำ ปัญหาจะเรื้อรัง คนที่กระทบหนักคือพวกเรา ไม่ใช่เจ้าของเหมือง”

ชุมชนริมน้ำสาละวินจึงอยู่ในภาวะความไม่แน่นอน ทั้งจากภัยสิ่งแวดล้อมและข้อจำกัดทางเศรษฐกิจ ทำให้การรักษาชีวิตและอาชีพประจำวันต้องเผชิญความเสี่ยงที่ซ่อนเร้นอยู่ในน้ำใสที่เคยคุ้นเคย

หน่วยงานรัฐทำอะไรบ้างในวันที่แม่น้ำสาละวินเปื้อนโลหะหนัก

21 พฤศจิกายน 2568 สุรินทร์ วรกิจธำรง อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ (คพ.) เปิดเผยว่า กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) จะส่งหนังสือด่วนที่สุดถึงกระทรวงการต่างประเทศ เพื่อประสานแจ้งต่อเมียนมาและขอให้ตรวจสอบคุณภาพน้ำรวมถึงแหล่งกำเนิดมลพิษ

ทาง คพ. ยังได้ลงพื้นที่ชี้แจงประชาชนเรื่องการใช้น้ำดื่มและน้ำใช้ในชีวิตประจำวัน พร้อมสอนวิธีปรับปรุงคุณภาพน้ำเบื้องต้น ให้กับครอบครัวที่อาศัยเรือนแพริมน้ำและใช้น้ำจากแม่น้ำสาละวินโดยตรง ซึ่ง คพ. ได้สอนวิธีปรับปรุงน้ำเบื้องต้นไปแล้วเมื่อต้นเดือนพฤศจิกายน

นอกจากนี้ คพ. จะตรวจสอบคุณภาพน้ำอย่างต่อเนื่อง และ ทส. เร่งสำรวจหาแหล่งน้ำทางเลือก ทั้งน้ำผิวดินและน้ำบาดาล โดยกรมทรัพยากรน้ำและกรมทรัพยากรน้ำบาดาลได้ดำเนินการสำรวจเบื้องต้นแล้ว และมีแผนเจาะบ่อบาดาลหรือหาแหล่งน้ำใหม่เพื่อบรรเทาผลกระทบต่อชุมชน

28 พฤศจิกายน 2568 ผู้อำนวยการสำนักงานควบคุมมลพิษที่ 1 ระบุว่า จะติดตามคุณภาพน้ำและตะกอนดินในแหล่งน้ำอย่างต่อเนื่อง สำรวจแหล่งน้ำสำรอง และจัดชุดเคลื่อนที่เร็วให้ประชาชนเข้าใจวิธีปฏิบัติกรณีมีความต้องการใช้น้ำจากพื้นที่

ผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอนยืนยันความปลอดภัยในการบริโภคพืช ผัก ปลา และสัตว์น้ำจากแม่น้ำสาละวิน พร้อมขอให้ประชาชนปฏิบัติตามคำแนะนำของจังหวัด ซึ่งมีคณะทำงานติดตามตรวจสอบสถานการณ์สารหนูและประกาศมาตรการเพิ่มเติมเมื่อจำเป็น

จังหวัดแม่ฮ่องสอนยังให้แนวทางปฏิบัติสำหรับผู้จำเป็นต้องใช้น้ำสาละวิน ได้แก่

  1. กรองตะกอนและต้มก่อนบริโภค เนื่องจากสารหนูส่วนใหญ่มาในรูปตะกอน
  2. ใช้น้ำสำหรับชำระร่างกายโดยกรองน้ำใสหลังตกตะกอนด้วยสารส้ม
  3. น้ำจากลำน้ำสาขาฝั่งไทยสามารถใช้อุปโภคบริโภคได้ตามปกติ
  4. ปลาและผักริมน้ำสาละวินสามารถบริโภคได้ตามปกติ
  5. จัดหาแหล่งน้ำสำรองในฤดูแล้งและเพิ่มจุดกรองน้ำสะอาด
  6. ให้ความรู้ประชาชนเกี่ยวกับการใช้น้ำสาละวินเพื่ออุปโภคบริโภค การเกษตร และการประมง
  7. การใช้น้ำสาละวินเพื่อการสัญจรและท่องเที่ยวยังสามารถดำเนินการได้ปกติ

เสียงเตือนจากนักวิชาการ “หยุดซุกปัญหาไว้ใต้พรม”

ผศ.ว่าน วิริยา ผู้ช่วยหัวหน้าศูนย์วิจัยวิทยาศาสตร์สิ่งแวดล้อม คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ออกมาเตือนผ่านโซเชียลมีเดีย กรณีจังหวัดแม่ฮ่องสอนออกแนวปฏิบัติให้ชุมชนริมแม่น้ำสาละวิน โดยชี้ว่า การระบุว่า ‘ไม่เกินมาตรฐาน’ ไม่ได้หมายความว่าชาวบ้านปลอดภัยเสมอไป

ผศ.ว่านระบุว่า เขาได้ตรวจรายงานการตรวจสารหนูและปรอทในแม่น้ำสาละวินและสัตว์น้ำแล้วรู้สึก ‘ผิดหวัง’ และ ‘เป็นห่วง’ ชาวบ้าน เพราะราชการมักสรุปผลง่าย ๆ ว่า หากตัวเลขไม่เกินเกณฑ์ เท่ากับว่าปลอดภัย แต่ไม่ได้วิเคราะห์ความเสี่ยงระยะยาวอย่างจริงจัง

“ตัวอย่างเช่น ปลาที่ตรวจพบปรอท 0.25 มก./กก. แม้กฎหมายกำหนดเกณฑ์ 0.5 มก./กก. แต่หากคำนวณความเสี่ยงสะสม (Hazard Index) สำหรับเด็กเล็กที่กินปลาติดต่อกัน ค่า HI จะเกินเกณฑ์ความปลอดภัยหลายเท่า สะสมระยะยาวส่งผลต่อสมองและระบบประสาท” ผศ.ว่านอธิบาย

เขายังวิจารณ์ว่าการสื่อสารความเสี่ยงของหน่วยงานรัฐไม่ชัดเจน โดยไม่ได้แนะนำให้เด็กหรือหญิงตั้งครรภ์จำกัดการบริโภคปลา และใช้คำว่า ‘กินได้ปกติ’ ซึ่งเป็นความประมาท เพราะสารพิษสะสมในร่างกาย (bioaccumulation) ไม่หายไปทันที

ผศ.ว่านย้ำว่า ควรเปิดเผยค่า HQ (Hazard Quotient) และ HI ให้ชาวบ้านเห็น เพื่อให้เข้าใจความเสี่ยงแท้จริง และปรับคำแนะนำการบริโภคให้เหมาะสม เช่น ระบุว่าเด็กสามารถกินปลาได้เท่าไรต่อสัปดาห์ และห้ามหญิงตั้งครรภ์กินปลาบางชนิด

เขายังชี้ให้เห็นว่าผลตรวจปัสสาวะของชาวบ้านบางรายใกล้เกณฑ์สูงสุด ได้แก่ นายชูชิน 97 μg/L นายปูลู 95.5 μg/L และนายพีรวิชญ์ 93.8 μg/L ตัวเลขเหล่านี้สะท้อนชัดเจนว่าการบริโภคปลาและใช้น้ำจากแม่น้ำสาละวินในชีวิตประจำวันทำให้สารหนูสะสมในร่างกายอยู่ในระดับสูงและใกล้ถึงเพดานของมาตรฐานความปลอดภัย จึงไม่ควรถูกตีความว่า ‘ปลอดภัย’ โดยตรง

“สิ่งที่ สธ. และจังหวัดต้องทำทันที ไม่ใช่แค่ทำรายงาน คือหยุดใช้คำว่า ‘ไม่เกินมาตรฐาน’ มาบังหน้า ต้องติดตามอาการชาวบ้าน ตรวจผิวหนัง อาการชาปลายมือ ปลายเท้า และให้คำแนะนำในการลดหรือเลี่ยงความเสี่ยง” ผศ.ว่านสรุป พร้อมเรียกร้องให้ราชการเปิดเผยความเสี่ยงแท้จริงต่อสาธารณะ และยอมรับว่าชาวบ้านไม่ใช่หนูทดลองเพื่อทดสอบเกณฑ์ทางกฎหมาย

แม้หน่วยงานรัฐจะดำเนินมาตรการตรวจสอบคุณภาพน้ำและหาแหล่งน้ำสำรองให้ชุมชนริมน้ำสาละวิน แต่ชาวบ้านยังเผชิญความเสี่ยงสะสมจากสารหนูในชีวิตประจำวัน การเปิดเผยข้อมูลความเสี่ยงที่แท้จริงและคำแนะนำเฉพาะกลุ่มจึงเป็นสิ่งจำเป็น เพื่อให้ชุมชนสามารถปรับวิถีชีวิตและปกป้องสุขภาพได้อย่างปลอดภัย

ปัญหานี้ไม่ใช่กรณีเฉพาะแม่น้ำสาละวินเท่านั้น แม่น้ำกก แม่น้ำสาย และแม่น้ำโขง ต่างเผชิญสารพิษข้ามพรมแดนมาอย่างต่อเนื่อง แต่จนถึงขณะนี้ ประชาชนยังไม่เคยเห็นมาตรการแก้ไขของรัฐที่เกิดผลอย่างแท้จริง นี่จึงสะท้อนถึงความท้าทายของการจัดการสิ่งแวดล้อมและความจำเป็นที่รัฐต้องลงมืออย่างจริงจัง พร้อมความร่วมมือระหว่างหน่วยงาน นักวิชาการ และชุมชน เพื่อปกป้องชีวิตและอาชีพของประชาชนริมแม่น้ำอย่างยั่งยืน

ทีมข่าวที่ประกอบไปด้วยผู้คนหลากหลาย บ้างก็มาจากทะเล บ้างก็มาจากภูเขา แต่สุดท้ายก็ลงเอยที่ภาคเหนืออยู่ที่ Lanner นี่แหละ...

กองบรรณาธิการ
กองบรรณาธิการ
ทีมข่าวที่ประกอบไปด้วยผู้คนหลากหลาย บ้างก็มาจากทะเล บ้างก็มาจากภูเขา แต่สุดท้ายก็ลงเอยที่ภาคเหนืออยู่ที่ Lanner นี่แหละ...

ศาลเชียงรายนัดไต่สวน 2 ตัวแทนชุมชน หลังร้องเพลงซอคัดค้านโรงไฟฟ้าขยะป่าหุ่ง ชาวบ้านย้ำแค่ปกป้องบ้านเกิด

ภาพ: วชิรญาณ์ วิรัชบุญญากร 1 ธันวาคม 2568 ที่ศาลจังหวัดเชียงราย พันโทสมเจต ช่างซอ หรือ...

เมืองเพื่อ ‘รถ’ หรือ ‘คน’ ทุ่ม 2–4 พันล้านแก้รถติดคันคลอง ชาวเชียงใหม่ถามกลับ “ออกแบบเพื่อใคร?”

เรื่อง: วรรณวิษา พะเลียง โครงการปรับปรุงถนนทางหลวงหมายเลข 121 หรือ ‘ถนนคันคลองชลประทาน’ ของกรมทางหลวง กลายเป็นประเด็นร้อนด้านผังเมืองครั้งใหญ่ของเชียงใหม่ หลังรัฐเสนอใช้งบประมาณกว่า...

กฎหมายเปิดเเต่สิทธิยังติดขัด วงสนทนาเครือข่ายยุติการตั้งครรภ์ในเชียงใหม่ กับกำแพงอคติที่ต้องฝ่าไป

เรื่อง: วรรณวิษา พะเลียง ภาพ: พิมลวรรณ ปานทุ่ง 23 พฤศจิกายน 2568 มูลนิธิทำทาง ร่วมกับสองสถานบริการทำแท้งปลอดภัยในจังหวัดเชียงใหม่...

ละลานล้านนา: ‘เจี้ย’ เรื่องเล่าสั้นๆ ที่มากไปกว่านิทานพื้นบ้านล้านนาแค่การสะท้อนนัยยะทางการเมือง

เรื่อง: ปวีณา หมู่อุบล มีผู้กล่าวไว้ว่าหากพูดถึง “เจี้ย” หรือ “เจี้ยก้อม” กับคนล้านนาแล้ว ก็จะรู้กันดีว่าหมายถึงเรื่องเล่าขนาดสั้นๆ ทั้งนี้ก็เพราะเจี้ยเป็นสิ่งที่อยู่ในวิถีชีวิตของชาวล้านนามาอย่างยาวนาน...