คนล้านนา
ก๊อนเก๊าเล่าล้านนา: นโยบายด้านภาษีที่ไม่ลงรอยกับวิถีชีวิตชาวนาสู่การต่อต้านของชาวนาและกบฏพญาผาบ
เรื่อง: นวลคำ ขะยอมแดง สุภาพชนคนเมือง
การปฏิรูประบบราชการแผ่นดินจากดินแดนประเทศราชล้านนามาสู่การปกครองในรูปแบบมณฑลพายัพของรัฐบาลสยาม ดำเนินการผ่านการรวมศูนย์อำนาจและลดทอนอำนาจจากเหล่าบรรดาเจ้านายท้องถิ่นในล้านนาตามขนบของรัฐจารีตแบบดั้งเดิมเพื่อดำเนินการจัดการปกครองตามขนบของรัฐสมัยใหม่เข้ามาแทนที่ โดยมีการปรับเปลี่ยนนโยบายด้านภาษีในรูปแบบใหม่ซึ่งได้มีการปรับปรุงหลายวาระในเรื่องกฎเกณฑ์ ข้อบังคับและพระราชบัญญัติที่ประกาศออกมานับแต่ปี พ.ศ.2427
สิ่งเหล่านี้ได้ก่อให้เกิดผลกระทบโดยตรงต่อผู้คนทั่วไปในสังคมล้านนาโดยเฉพาะอย่างยิ่ง “ชาวนา” ที่ต้องมีการปรับตัวเพื่อแบกรับภาระในด้านภาษีที่มีมากเกินกว่ากำลัง สำหรับชนชั้นนำในสังคมล้านนานั้นก็ถือได้ว่ามีสถานะเป็นผู้กอบโกยผลประโยชน์จากแรงงานและและผลผลิตส่วนเกินในรูปของภาษีอากร นั่นจึงเป็นเงื่อนไขสำคัญด้านเศรษฐกิจที่มากำหนดทิศทางของประวัติศาสตร์ในมุมมองแบบซ้าย ๆ ให้ชนชั้นผู้ทำการผลิตอย่างเช่น พวกชาวนาและชนชั้นผู้ปกครองอย่างพวกเจ้านาย กลายมาเป็นเป็นปฏิปักษ์ต่อกันหลายพื้นที่โดยชาวนาได้มีปฏิกิริยาต่อต้านผ่านรูปแบบวิธีการต่าง ๆ ต่อนโยบายด้านภาษีที่ออกเป็นกฎหมายจากผู้ปกครองจากส่วนกลางและรัฐบาลสยามที่สร้างผลกระทบมาสู่สังคมท้องถิ่นล้านนาโดยสิ่งเหล่านี้มีส่วนสำคัญต่อการเปลี่ยนโครงสร้างการผลิตจากสังคมดั้งเดิมแบบชาวนาที่เน้นการผลิตเพื่อขายให้เปลี่ยนเข้าสู่ระบบการค้าและเงินตราผ่านเศรษฐกิจแบบทุนนิยมในช่วงเวลาต่อมา
นโยบายด้านภาษีรูปแบบใหม่ที่มีผลบังคับใช้ในสังคมท้องถิ่นล้านนาเกิดขึ้นผ่านการเปลี่ยนการเก็บภาษีจากผลผลิตเป็นเก็บเป็นเงินที่ใช้ระบบผูกขาดและจัดเก็บโดยเจ้าภาษีนายอากรซึ่งการให้อำนาจผูกขาดแก่เจ้าภาษีนั้นได้มีผลทำให้ชาวนาต้องรับภาระหลายด้าน เช่น การหาตัวเงินมาเสียภาษีแล้วยังถูกเจ้าภาษีนายอากรขูดรีดต่ออย่างหนักอีกเพื่อชดเชยกับการที่ได้สูญเสียเงินค่าประมูลจำนวนมาก ขณะเดียวกันยังได้มีการเพิ่มประเภทภาษีและเพิ่มอัตราภาษีที่จัดเก็บมากขึ้นส่งผลให้เกิดปฏิกิริยาการต่อต้านจากเหล่าผู้คนในสังคมชาวนาที่ได้มีการต่อต้านขัดขวางด้วยรูปแบบวิธีการหลายอย่าง ตลอดจน มีการพูดคุยในเชิงที่ไม่พอใจดังปรากฏหลักฐานในคำกราบทูลของเจ้าบุรีรัตน์ว่า
"ภาษีต้นพลูนั้น ราษฎรปลูกพลูยังไม่ทันเก็บใบได้...
ก๊อนเก๊าเล่าล้านนา : ศิลปินแห่งชาติ/ศิลปินแห่ง(ล่อง)น่าน: จาก “ไชยลังกา เครือเสน” สู่ “คำผาย นุปิง” เล่าเรื่องซอเมืองน่านและอัตลักษณ์ความเป็นน่าน
เรื่อง: นวลคำ ขะยอมแดง สุภาพชนคนเมือง
น่าจะหลายกรรมหลายวาระแล้ว ที่ผู้เขียนมักนำเสนอเรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับเพลงพื้นบ้านล้านนาและศิลปินเพลงล้านนาผ่านช่องพื้นที่เว็ปไซต์ Lanner แห่งนี้ แต่อย่าเพิ่งเบื่อหรือ “อิ่มหน่ายก้ายจัง” กันเลยนะท่านทั้งหลาย กับข้อเขียนมีภาษาวก ๆ วน ๆ ทั้งยังปะปนด้วยคำขยายซ้อนขยายตามสไตล์ของผู้เขียนที่ก็พยายามแล้วพยายามอีกที่จะลดระดับลีลาเรื่องภาษาเพื่อสร้างบทสนทนาไปสู่ผู้อ่านแบบ “ชกตรงเป้า เข้าถึงใจ” ได้ซักวันหนึ่ง ซึ่งครั้งครานี้ ก๊อนเก๊าเล่าล้านนา ขออนุญาตนำพาคุณผู้อ่านและผู้ติดตามข้ามเทือกเขาผีปันน้ำไปสู่พื้นที่ “ล้านนาตะวันออก” โดยหมุดหมายปลายทางการก๊อนเก๊าเล่าเรื่องก็มีความเกี่ยวเนื่องกับ...
กลุ่มฮักเมืองแจ๋ม: การต่อสู้ของชาวบ้านในปัญหาการช่วงชิงทรัพยากรป่าสนวัดจันทร์
ช่วงทศวรรษ 2530 ถึงกลางทศวรรษ 2540 เป็นช่วงเวลาที่การเมืองภาคประชาชนก่อตัวขึ้นมา และมีพลวัตอย่างมากโดยเฉพาะหลังปี 2535 จนถึงการมีส่วนร่วมในการร่างรัฐธรรมนูญฉบับปี 2540 ช่วงเวลาดังกล่าวยังเป็นช่วงที่ระบบทุนกำลังขยายตัวลงสู่พื้นที่ชนบท นั่นหมายความว่าการเปลี่ยนแปลงจากสิ่งที่เกิดขึ้นจะไม่เพียงการต่อรองกับอำนาจเพื่อสิทธิของชาวบ้าน ชุมชน แต่ชาวบ้านกำลังเผชิญกับความเปลี่ยนแปลงของวิถีและการปรับตัวด้านชีวิต ที่ขยับเข้าสู่ความเป็นเมืองมากขึ้น รวมถึงการเปลี่ยนมูลค่าทรัพยากรโดยเฉพาะที่ดินและภาคการเกษตรให้กลายเป็นทุนในตลาด การศึกษาความเคลื่อนไหวภาคประชาชนในห้วงเวลาดังกล่าวมีความซับซ้อนอย่างยิ่ง โดยเฉพาะโครงข่ายความสัมพันธ์ระหว่างเครือข่ายที่มิได้มีเพียงกลุ่มชาวบ้านผู้ได้รับผลกระทบต่อวิถีชีวิตที่ลุกฮือกันขึ้นมาต่อสู้เพื่อสิทธิของตนเพียงเท่านั้น หากแต่ยังมีเครือข่ายกลุ่มนักพัฒนาเอกชน หรือ NGOs ที่สามารถเชื่อมโยงความสัมพันธ์ของชาวบ้านผู้ได้รับผลกระทบและเครือข่ายของกลุ่มผู้ได้รับผลประโยชน์ ที่น่าสนใจคือวิถีของการเคลื่อนไหวเป็นปฏิบัติการทางสังคมที่สามารถผลิตสร้างเทคโนโลยีการต่อสู้เชิงกระบวนการแบบใหม่ขึ้น และแผ่ขยายเครือข่ายการเคลื่อนไหวของการเมืองภาคประชาชนไปได้อย่างไพศาล แม่แจ่มตกอยู่ในภาวะการแย่งชิงทรัพยากรอยู่สามระลอก...
ก๊อนเก๊าเล่าล้านนา: เศรษฐกิจในสังคมล้านนาจากสนธิสัญญาเชียงใหม่ถึงการเดินทางมาของรถไฟและก่อนสงครามโลกครั้งที่ 2
ล้านนาเป็นดินแดนที่ถูกผนวกรวมเข้าเป็นส่วนหนึ่งของราชอาณาจักรสยาม แต่เดิมมีสถานะเป็นหัวเมืองประเทศราชมาตั้งแต่ยุคต้นกรุงรัตนโกสินทร์และถูกรวบอำนาจเข้าสู่ศูนย์กลางในสมัยรัชกาลที่ 5 เพื่อทำการปฏิรูปด้านการเมืองการปกครองโดยเรียกอาณาบริเวณดินแดนล้านนาว่าเป็น “มณฑลพายัพ” ซึ่งมีฐานะเป็นส่วนหนึ่งของพระราชอาณาเขตที่ตั้งอยู่ทางด้านเหนือสุดของของราชอาณาจักรสยามโดยมีอาณาเขตติดต่อกับรัฐเพื่อนบ้านของสยามซึ่งมีสถานะเป็นรัฐอาณานิคมในกำกับของมหาอำนาจชาติตะวันตกในขณะนั้นได้แก่ พม่าในฐานะส่วนหนึ่งของอาณานิคมอินเดียที่อยู่ภายใต้การปกครองของประเทศอังกฤษ มลายูที่เป็นดินแดนอาณานิคมซึ่งอยู่ภายใต้การปกครองของประเทศอังกฤษและลาวพืชเป็นดินแดนอาณานิคมซึ่งอยู่ภายใต้การปกครองของประเทศฝรั่งเศส ทั้งนี้ ลักษณะภูมิประเทศของดินแดนล้านนาส่วนใหญ่เป็นพื้นที่สูงประกอบด้วยเทือกเขาและพื้นที่ว่างระหว่างหุบเขาซึ่งมีแม่น้ำไหลผ่านหลายสาย โดยเทือกเขาที่มีขนาดใหญ่ซึ่งอยู่ตอนกลางของภูมิภาคได้วางแนวสันปันน้ำแบ่งทิศทางการไหลของแม่น้ำในพื้นที่ออกเป็น 3 ระบบด้วยกัน ได้แก่ ระบบที่ 1 แม่น้ำที่ไหลลงแม่น้ำเจ้าพระยา เช่น แม่น้ำปิง วัง ยมและน่าน ระบบที่ 2 แม่น้ำที่ไหลลงแม่น้ำสาละวิน...
ก๊อนเก๊าเล่าล้านนา : ว่าด้วยเรื่องราวจาก “เจ้าพระยา” สู่ “พิงคนที” จากนิทานคำกลอนเรื่องพระอภัยมณีของ “สุนทรภู่” สู่คร่าวซอเรื่องพระอภัยมณีของ “พระยาพรหมโวหาร”
เรื่อง: นวลคำ ขะยอมแดง สุภาพชนคนเมือง
วันที่ 26 มิถุนายนของทุกปี นอกจากจะเป็นวันต่อต้านยาเสพติดแล้ววันดังกล่าวนี้ยังตรงกับ “วันสุนทรภู่” อันเป็นวันที่มักจะอยู่ในความทรงจำของใครหลาย ๆ คนหากเมื่อย้อนกลับไปหวนถึงชีวิตช่วงวัยเรียน ตัวผู้เขียนเองหรือใครก็ตามที่เคยเป็นเด็กนักเรียนสายกิจกรรมเจ้าประจำของกลุ่มสาระวิชาภาษาไทยของโรงเรียน ก็มักจะไม่พลาดหลายสิ่งอย่างที่สร้างโอกาสให้แสดงความสามารถพิเศษด้านทักษะการใช้ภาษาไทย อย่างเช่น การแต่งกลอนวันสุนทรภู่ การประกวดเขียนเรียงความ การโต้วาที ฯลฯ พอผ่านพ้นช่วงเวลานั้นมาแล้วมีการย้อนกลับไปตั้งคำถามว่า เหตุใดระบบการศึกษาไทยจึงต้องให้พื้นที่ความรู้เพื่อสร้างการรู้จักมักคุ้น แต่เพียงกวีหรือนักเขียนแค่ไม่กี่คน ไม่กี่ยุคสมัยและไม่กี่รูปแบบ เช่น เรามักรู้จักมักคุ้นและให้การจดจำกวีในยุคต้นรัตนโกสินทร์เพียงแค่...
