ประวัติศาสตร์

ความเชื่อพิธีกรรมการย่นข้าว : ความเปลี่ยนแปลงบ้านหนองอุมลัว หมู่ 6 ตำบลโพนสูง อำเภอด่านซ้าย จังหวัดเลย

เรื่อง: ธีรภัทร์ แก้วกัณหา และปวีณา บุหร่า* ความนำ บทความชิ้นนี้มีจุดมุ่งหมาย เพื่อศึกษาความเชื่อการย่นข้าว พิธีกรรม และความเปลี่ยนแปลงของการย่นข้าวของชาวบ้าน บ้านหนองอุมลัว หมู่ 6 ตำบลโพนสูง อำเภอด่านซ้าย จังหวัดเลย ผลการศึกษาพบว่า ความเชื่อเกี่ยวกับพิธีกรรมการย่นข้าวสะท้อนให้เห็นถึงความสัมพันธ์ระหว่างชาวบ้านและเรื่องเหนือสิ่งธรรมชาติ โดยมีความเชื่อว่าการเจ็บป่วยบางอย่างเกิดจากผีหรือวิญญาณมารบกวน ความเชื่อพิธีกรรมย่นข้าวชาวบ้านหนองอุมลัวเชื่อว่า พิธีกรรมย่นข้าวจะช่วยหาสาเหตุการเจ็บป่วยได้ พิธีกรรมย่นข้าวเริ่มจากผู้ทำพิธีจะนำข้าวเหนียวมาปั้นเป็นก้อนกลมแล้วผูกด้วยสายสิญจน์ ผู้ป่วยจะตั้งคำถามว่า สาเหตุการป่วยเกิดจากอะไร ผีใช่ไหม หากใช่ข้าวที่ติดกับสายสิญจน์จะแกว่งไปมา หากไม่ใช่ข้าวที่ติดกับสายสิญจน์ก็จะไม่แกว่ง ความเปลี่ยนแปลงของพิธีกรรมย่นข้าว ข้อมูลจากการสัมภาษณ์หมอพิธีกรรม...

ชาร์ลส์ เอฟ. คายส์ ครูและมิตรรักชาวไท(ย) จากพ่อใหญ่คายส์บ้านหนองตื่นในอีสานสู่สนามแม่สะเรียงและเชียงใหม่ 

เรื่อง : ป.ละม้ายสัน สนามอยู่ที่ไหน? เป็นคำถามที่สำคัญข้อหนึ่งของนักมานุษยวิทยาในการศึกษาคนอื่นหรือแม้กระทั่งศึกษาตนเอง จนมีหนังสือในประเด็นเกี่ยวกับการสะท้อนย้อนคิดในสนามของนักมานุษยวิทยาเป็นจำนวนมากทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ การเขียนถึงสนามในโลกภาษาไทยก็มีอยู่จำนวนหนึ่งอาทิเช่น คนใน : ประสบการณ์ภาคสนามของนักมานุษยวิทยาไทย อีกเล่มที่น่าสนใจไม่แพ้กันก็คือหนังสือรวมบทความการประชุมวิชาการทางมานุษยวิทยาในปี 2566 ที่สะท้อนย้อนคิดเกี่ยวกับตนเองในการเข้าไปทำวิจัยภาคสนามเรื่อง ชีวิตภาคสนาม : Life Ethnographically! หนังสือสองเล่มนี้มีจุดร่วมกันอย่างหนึ่งคือ นักมานุษยวิทยาที่เข้าไปในภาคสนามเพื่อทำการวิจัยนั้นไม่สามารถแยกขาดกับตัวตนของเราได้ มันมีทั้งอารมณ์ความรู้สึกและความเห็นอกเห็นใจผู้อื่นในสนามที่ตนเองศึกษาอยู่เสมอ ในหนังสือเล่มหลัง Charles F. Keyes เป็นนักมานุษยวิทยาท่านหนึ่งที่มีคนเขียนถึงเขาด้วย ทั้งการทำความเข้าใจความคิด วิธีวิทยา...

อำลาด้วยอาลัย “เกริก อัครชิโนเรศ” : ชีวิตและการเดินทางจากร้านขายยาจีนย่านกาดหลวง สู่สำนักเรือนเดิมแห่ง มช.และห้องเรียนตั๋วเมือง ณ วัดพระสิงห์ เชียงใหม่

เรื่อง: นวลคำ ขะยอมแดง สุภาพชนคนเมือง ผู้เขียนทราบข่าวคราวและติดตามอาการความเจ็บป่วยของ “เกริก อัครชิโนเรศ” มาระยะหนึ่งแล้วในฐานะคนที่พอรู้จักมักคุ้นท่านอยู่บ้างก็คงพอที่จะส่งมอบกำลังใจให้ด้วยความปรารถนาดีผ่านช่องทางกล่องข้อความ (Chat box) ของเฟซบุ๊คเพียงเท่านั้นและเมื่อไม่กี่วันมานี้ ผู้เขียนก็ได้ทราบข่าวการเดินทางไกลจากไปอย่างไม่มีวันกลับของอดีตชายร่างใหญ่ พูดจาขึงขัง เสียงดังฟังชัดและสอดแทรกมุกตลกแสบสันให้ผู้เขียนได้เคยทั้งหัวเราะและเก็บเอาสิ่งที่ชายผู้นี้พูดในวงวิชาการและการสนทนาอย่างไม่เป็นทางการในหลายกรรมหลายวาระกลับไปครุ่นคิดอยู่ตลอดเวลา ชื่อของ “เกริก อัครชิโนเรศ” หรือนามลำลองที่แตกต่างกันไปสำหรับใครหลายต่อหลายคน ทั้งอาจารย์เกริก, พ่อครูเกริก, ครูเกริก!!!, ลุงเกริก , อ้ายเกริก , หรือที่แกชอบเรียกชื่อตัวเองแบบขำๆติดตลกในบางครั้งว่า...

หอมกลิ่นเอื้อง ยินเสียงซึง จึงคิดถึงคนช่างฝันแด่…จรัลล้านนา 23 ปีที่ลาจากไป

เรื่อง: นวลคำ ขะยอมแดง สุภาพชนคนเมือง “….กลิ่นเอื้องเสียงซึงบรรเลงเคล้าคลอคร่าวซอเพลงหวาน อย่าหลงสราญ ลืมบ้านก่อนเก่า  ข้นแค้นยากจน ก็สุขใจล้น คนเมืองหมู่เฮา อย่าให้ใครมาหยามเราอีกเลย…..” ผู้เขียนชื่นชอบทั้งคำและความข้างต้นอันดึงมาจากตอนหนึ่งในเนื้อเพลงที่มีชื่อว่า ‘กลิ่นเอื้องเสียงซึง’ อีกหนึ่งผลงานเพลงที่เป็นฝีไม้ลายปากกาของ ‘จรัล มโนเพ็ชร’ ที่ถ่ายทอดฝากไว้ในแผ่นดินล้านนา ที่ทุกถ้อยคำและลำนำประโยคของเพลงดังกล่าวเสมือนว่าเขากำลังจะบอกอะไรไว้ให้กับพวกเราในฐานะ ‘ลูกหลานคนเมือง’ จากผลงานที่เขาฝากไว้ในแผ่นดินถิ่นล้านนาที่แม้ว่าภาษาและการเล่าเรื่องราวเนื้อหาในบทเพลงจะใช้ภาษาไทยภาคกลางเองก็ตาม ทั้งความหอมของกลิ่นดอกเอื้องและความไพเราะเพราะพริ้งของเสียงซึงนี้ ยังคงสถานะเป็นภาพแทนทางวัฒนธรรมในพื้นที่ภาคเหนือของประเทศไทยที่ศิลปินผู้ยิ่งใหญ่อย่าง จรัล มโนเพ็ชร บริบทแวดล้อมและต้นทุนวัฒนธรรมเหล่านี้เป็นวัตถุดิบชั้นดีในการสร้างสรรค์ผลงานผ่านปรากฏการณ์ดนตรีล้านนาร่วมสมัยในรูปแบบของ ‘เพลงโฟล์คซองคำเมือง’ ที่แม้ว่าตัวเขานั้นเป็นส่วนหนึ่งของยุคสมัยและเป็นตัวละครหลักในกระแสธารประวัติศาสตร์ดนตรีล้านนาร่วมสมัย ผู้คนในสังคมล้านนาก็ยังตรึงตราในภาพจำที่มีต่อศิลปินถิ่นเหนือผู้ยิ่งใหญ่อย่าง จรัล...

ก๊อนเก๊าเล่าล้านนา: ว่าด้วยสถานการณ์ “น้ำท่วมแม่สาย” : จุดเปลี่ยนทางประวัติศาสตร์ของร่องน้ำและลำน้ำแม่สายในฐานะเส้นเขตแดน

เรื่อง: นวลคำ ขะยอมแดง สุภาพชนคนเมือง ปริมาณสะสมของน้ำฝนที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในเขตพื้นที่ภาคเหนือตอนบนของประเทศที่มีมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่เดือนกรกฎาคมผสานกับอิทธิพลของพายุยางิในทะเลจีนใต้ที่แผ่เข้ามากคลุมในพื้นที่ดังกล่าวส่งผลให้พื้นที่ตามภูเขามีการสะสมปริมาณน้ำเรื่อยมา จนกระทั่งช่วงหลังต้นเดือนกันยายนที่ผ่านมาล่าสุดนี้ได้มีฝนตกหนักอย่างต่อเนื่องเหนือพื้นที่ต้นน้ำของแม่น้ำแม่สายในเขตประเทศเมียนมาซึ่งพื้นที่ป่าต้นน้ำของแม่น้ำสายดังกล่าวนั้นเกิดจากบริเวณสันเขาอีกด้านหนึ่งของดอยนางนอนและดอยตุงซึ่งอยู่ในเขตประเทศเพื่อนบ้าน รวมทั้งภูเขาอีกฟากฝั่งหนึ่งของแม่น้ำในเขตประเทศเพื่อนบ้านเช่นกันซึ่งพื้นที่ป่าในบริเวณดังกล่าวนี้ได้ถูกแผ้วถางทำลายกลายเป็นทั้งพื้นที่เกษตรกรรม พื้นที่สำหรับอยู่อาศัยที่ก่อตัวขึ้นมาเป็นชุมชนขนาดย่อมเมื่อไม่นานมานี้ ตลอดจนกลายเป็นพื้นที่ปศุสัตว์และเกษตรอุตสาหกรรมสำคัญของนายทุนอย่างไร่ข้าวโพด สิ่งที่กล่าวมาข้างต้นนี้ชี้ให้เห็นการเปลี่ยนแปลงการใช้ประโยชน์จากที่ดิน (Land Used) ในประเทศเพื่อนบ้านที่มีความเปลี่ยนแปลงไปอย่างมากมายไพศาลในรอบหนึ่งถึงสองทศวรรษที่ผ่านมา แน่นอนว่าคำอธิบายที่มีต่อความเปลี่ยนแปลงเชิงพื้นที่ที่กล่าวมานี้อาจปฏิเสธไม่ได้ที่จะกล่าวโทษถึงการแผ่ขยายอิทธิพลของทุนข้ามชาติและบรรษัทข้ามชาติจากทั้งประเทศจีนและประเทศไทยที่ส่งผลให้พื้นที่ป่าต้นน้ำสายได้เกิดการเปลี่ยนแปลงในด้านพื้นที่จากป่าต้นน้ำมาสู่ไร่ข้าวโพดและสวนยางพารา  รวมทั้ง การสัมปทานขุดเปิดพื้นที่หน้าดินเพื่อให้มีการทำอุตสาหกรรมเหมืองแร่ เมื่อมีการเปลี่ยนแปลงการใช้ประโยชน์จากที่ดินเหนือพื้นที่ผืนป่าต้นน้ำในเขตประเทศเพื่อนบ้านอันเป็นอาณาบริเวณที่อยู่นอกเหนือการกำกับควบคุมด้านกฎหมายป่าไม้และสิ่งแวดล้อมจากรัฐบาลไทย นี่จึงเป็นสาเหตุต้นทางที่สำคัญอันส่งผลให้ปริมาณน้ำที่สะสมในดินตามพื้นที่ที่ควรจะเป็นป่าต้นน้ำที่มีการเปลี่ยนแปลงไปเป็นไร่ข้าวโพดและสวนยางพาราได้ทะลักล้นจากล้ำห้วยสาขาต่าง ๆ ของลำน้ำแม่สายในช่วงฤดูฝนซึ่งมีผลทำให้ดินตามภูเขาค่อย ๆ สะสมน้ำมาเรื่อย เมียน ๆ จนส่งผลให้ระดับน้ำในแม่น้ำสูงขึ้นและไหลล้นตลิ่งเข้าท่วมหลายพื้นที่ตัวเมืองแม่สายอันเป็นพื้นที่เศรษฐกิจสำคัญของจังหวัดเชียงรายโดย  มีรายงานว่าน้ำที่ไหลลงมาตามลำน้ำสายมีทั้งเศษไม้...