เรื่องเล่าจากนักเรียน “คิวรถขาวรอบสุดท้าย”

Date:

เรื่อง: วิชชากร นวลฝั้น

เมื่อเข้าสู่การเปิดภาคเรียนการศึกษาของชั้นมัธยมศึกษา เด็กนักเรียนส่วนใหญ่ค่อยๆ ปรับตัวเรื่องการเรียน จากระดับชั้นประถมศึกษาไปสู่ชั้นมัธยมต้น หรือบางคนก็จากมัธยมต้นไปสู่มัธยมปลาย  แต่ยังมีเด็กนักเรียนอีกจำนวนหนึ่งที่ยังต้องปรับตัวกับการเดินทางไปโรงเรียน ซึ่งมีระยะทางห่างไกลจากบ้านและจำเป็นต้องเดินทางด้วยขนส่งสาธารณะ โดยจะขอเน้นเฉพาะรถสองแถวคันสีขาว แม่แตง – เชียงใหม่ หรือที่คนเชียงใหม่เรียกว่า “รถขาว” และ “รถแม่แต๋ง”

จากความเหลื่อมล้ำทางการศึกษาที่เด็กนักเรียนโรงเรียนในตัวเมืองมักจะเข้าถึงโอกาสในการเรียน และการทำกิจกรรมมากกว่าเด็กนักเรียนโรงเรียนในต่างอำเภอ จึงทำให้เด็กนักเรียนที่อยู่รอบนอกตัวเมืองถูกผลักดัน และส่งเสียจากผู้ปกครองให้ได้เรียนโรงเรียนชั้นนำในจังหวัด ซึ่งแน่นอนว่าโรงเรียนเหล่านั้นตั้งอยู่ในตัวเมืองที่มีความเจริญรอบด้าน ผู้ปกครองบางคนที่มีเวลาและมีกำลังทรัพย์มากพออาจจะเดินทางไปส่งลูกด้วยตนเองด้วยรถส่วนตัว แต่ในทางกลับกันผู้ปกครองบางคนก็ไม่มีทรัพย์มากพอที่จะมีรถส่วนตัวหรือไม่มีเวลาที่จะไปส่งด้วยตนเองได้ เด็กนักเรียนเหล่านี้จึงต้องพึ่งพาขนส่งสาธารณะเป็นหลัก ซึ่งอำเภอแม่แตงในจังหวัดเชียงใหม่ถือเป็นอีกอำเภอที่อยู่ห่างไกลจากตัวเมืองกว่า 50 กิโลเมตร และยังมีเด็กนักเรียนเดินทางเข้ามาเรียนในตัวเมืองทุกปีเป็นจำนวนมาก ทำให้รถสองแถวสีขาวมีความสำคัญและผูกพันเสมือนดูแลเรื่องการเดินทาง รับ – ส่ง ตั้งแต่เริ่มต้นเข้าเรียนจนเด็กนักเรียนเหล่านี้เรียนจบ

สมัยที่ผู้เขียนยังเรียนมัธยม ผู้เขียนเองก็เคยเป็นเด็กนักเรียนที่ต้องเผชิญความเป็นจริงเหล่านั้นมาก่อนเหมือนกัน เด็กนักเรียนที่ถูกผลักดันจากพ่อแม่ให้ไปเรียนโรงเรียนในตัวเมือง เด็กนักเรียนที่พ่อแม่ไม่มีกำลังทรัพย์และเวลาพอที่จะเดินทางไปส่งด้วยตนเองได้ เด็กนักเรียนที่ต้องนั่งรถสองแถวสีเหลืองเดินทางไปโรงเรียน เนื่องจากบ้านของผู้เขียนอยู่ในอำเภอแม่ริม แล้วกลับด้วยรถสองแถวสีขาว เนื่องจากรถสองแถวสีเหลืองอำเภอแม่ริมมีคิวรอบสุดท้ายเวลา 18.00 น. จึงต้องขึ้นรถสองแถวสีขาวแทน หากกลับหลังรอบคิวรถสองแถวสีเหลืองหมด 

ส่วนตัวแล้วผู้เขียนมักจะชอบเกาะบริเวณโครงของท้ายรถ หรือถ้าพูดภาษาเด็กนักเรียนที่นั่งรถสองแถวเรียกกันก็คือ “โหนรถ” เนื่องจากผู้เขียนมีรูปร่างใหญ่และไม่อยากที่จะนั่งเบียดติดกับคนอื่น การโหนรถจึงเป็นสิ่งที่ผู้เขียนทำเป็นประจำ เด็กนักเรียนคนอื่นๆ รวมถึงผู้เขียนเอง เมื่อเห็นทั้งเด็กเล็ก ผู้หญิงหรือผู้สูงอายุก็ตาม ก็จะสละที่นั่งให้แล้วออกไปโหนส่วนท้ายของรถแทน เมื่อทำการโหนเป็นประจำจึงเกิดความเคยชิน ยิ่งเมื่อเป็นรถคิวรอบสุดท้ายแล้วการโหนรถจึงเป็นเสมือนการมัดมือชก ถ้าหากไม่ขึ้นรถคันนี้ที่เป็นคันสุดท้ายก็จะไม่มีรถรอบอื่นให้ขึ้นอีกแล้ว แม้ว่าด้านในจะเต็มแล้วหรือจะมีคนโหนอยู่ส่วนท้ายรถแล้วก็ตาม เมื่อมีคนโบกรถคนขับก็จะจอดรับอยู่ดี ผู้เขียนเคยประสบการโหนรถพร้อมกันสูงสุดถึงห้าคน ซึ่งแทบจะไม่มีที่ยืนแล้ว ผู้โดยสารที่นั่งด้านในก็เกิดความแออัดเช่นกัน อากาศด้านในก็ไม่ค่อยถ่ายเทเท่าไหร่ แต่ทุกคนก็จำใจต้องโดยสารกันต่อไปอย่างเลือกไม่ได้

รูปภาพจาก Facbook แม่ริม เชียงใหม่
รูปภาพจาก Facbook แม่ริม เชียงใหม่

“ตูน” นักศึกษาชั้นปีที่ 3 คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ และเป็นเพื่อนกับผู้เขียนตั้งแต่สมัยมัธยม บ้านของตูนนั้นอยู่ที่อำเภอแม่แตง จึงทำให้ตูนต้องเดินทางมาโรงเรียนโดยรถสองแถวสีขาวเป็นประจำ ผู้เขียนได้ย้อนวันวานและพูดคุยเรื่องนี้กับตูน คนที่เคยประสบพบเจอชะตากรรมแบบนี้เช่นเดียวกับผู้เขียน ตูนได้เล่าว่าต้องตื่นตั้งแต่ตีห้าแล้วออกเดินทางโดยรถขาวตั้งแต่หกโมงเช้า เนื่องจากใช้เวลาเดินทางหนึ่งชั่วโมงจึงถึงโรงเรียนเจ็ดโมง ส่วนขากลับตูนก็มักจะขึ้นรถคิวรอบสุดท้าย และถึงบ้านเวลา 21.30 น. ตูนเสริมขึ้นมาว่าส่วนหนึ่งก็เกิดมาจากที่รถสองแถวสีเหลืองแม่ริมมีรอบคิวน้อยกว่ารถสองแถวสีขาว จึงทำให้คนที่จะลงอำเภอแม่ริมต้องขึ้นรถสองแถวสีขาวแทน เนื่องจากการไปอำเภอแม่แตงต้องผ่านอำเภอแม่ริมก่อน เป็นอีกสาเหตุที่ทำให้ปริมาณผู้โดยสารของรถสองแถวสีขาวในรอบสุดท้ายมีจำนวนมาก

เมื่อไม่นานมานี้ ผู้เขียนได้เดินทางไปยังสถานีขนส่งช้างเผือกและพูดคุยกับคุณลุงขับรถสองแถวสีขาว คุณลุงได้เล่าว่า หลังจากเกิดโรคระบาดของโควิด-19 ผู้คนมีการใช้ขนส่งสาธารณะลดลง ทำให้คนที่ทำอาชีพขับรถสองแถวต้องปรับตัวและหันไปทำอย่างอื่น โดยรถสองแถวสีขาวก็มีการปรับเวลาการออกรถและรอบคิวที่ลดน้อยลง โดยปัจจุบันนั้นคิวรอบสุดท้ายคือเวลา 19.00 น. และเป็นรถคันสุดท้ายของสถานีช้างเผือกแห่งนี้

แม้ว่าหลังเกิดการระบาดของโควิด-19 ทุกอย่างจะกลับมาสู่สภาวะปกติแล้ว แต่ผู้โดยสารของรถสองแถวกลับมีไม่มากเหมือนเช่นเคย รถสองแถวสีขาวที่เคยมีผู้โดยสารอยู่เต็มรถและแทบจะล้นออกมากลับไม่มีภาพเหล่านั้นให้ผู้เขียนได้เห็น การโหนท้ายรถของเด็กนักเรียนที่ผู้เขียนเคยทำกลับหายไปอย่างมาก ถึงมีการโหนก็มีเพียงหนึ่งถึงสองคนเท่านั้น 

สุดท้ายนี้ต้องยอมรับว่าการเกิดโรคระบาดโควิด-19 ส่งผลให้วิถีชีวิตของเราเปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก ดังกรณีรถสองแถวสีขาวที่ผู้เขียนได้เล่ามาข้างต้น ผู้ปกครองและเด็กนักเรียนมีการปรับตัวต่างจากเมื่อก่อน ทั้งอาจจะให้ขับรถมาโรงเรียนเอง หรืออาจจะให้ผู้หอพักใกล้โรงเรียนมากขึ้น แต่อย่างไรก็ตามก็ไม่ต้องลำบากและเสี่ยงอันตรายจากการโหนรถและการบรรทุกผู้โดยสารเกินของรถสองแถวเช่นเดียวกับที่ผู้เขียนเคยประสบพบเจอ

หวังว่าในอนาคตขนส่งสาธารณะจังหวัดเชียงใหม่จะมีการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงให้ดีขึ้น แล้วสร้างความเชื่อมั่นให้ชาวเชียงใหม่กลับมาใช้งานมากขึ้นในภายภาคหน้า

นักมานุษยวิทยามือสมัครเล่น ผู้ที่สนใจประเด็นทางสังคมรอบตัว และพยายามตามหาคำตอบเพื่ออธิบายปรากฎการณ์ที่เกิดขึ้น อีกทั้งยังพัฒนาการสื่อสารประเด็นทางสังคมในหลากหลายรูปแบบ เพื่อต้องการให้สังคมเกิดการรับรู้เพิ่มขึ้น

วิชชากร นวลฝั้น
วิชชากร นวลฝั้น
นักมานุษยวิทยามือสมัครเล่น ผู้ที่สนใจประเด็นทางสังคมรอบตัว และพยายามตามหาคำตอบเพื่ออธิบายปรากฎการณ์ที่เกิดขึ้น อีกทั้งยังพัฒนาการสื่อสารประเด็นทางสังคมในหลากหลายรูปแบบ เพื่อต้องการให้สังคมเกิดการรับรู้เพิ่มขึ้น

10 ปีไม่เป็นผล ‘กลุ่มรักษ์บ้านแหง’ ต้องสู้ต่อ หลังศาลปกครองสูงสุด ‘ยกย้อน’ คำพิพากษาศาลปกครองชั้นต้น กรณีชาวบ้าน 386 คน ยื่นฟ้องเพิกถอนประทานบัตรเหมืองแร่ลิกไนต์

27 พฤศจิกายน 2568 ศาลปกครองเชียงใหม่ อ่านผลคำพิพากษาศาลปกครองสูงสุด กรณีชาวบ้านในพื้นที่ตำบลบ้านแหง อำเภองาว จังหวัดลำปาง หรือ...

ภาพไวรัลรถไฟบรรทุกรถกู้ภัยจากเชียงใหม่ไปหาดใหญ่ ถูกสร้างด้วย AI ย้อนรอยต้นฉบับจากคลิปปี 64

เมื่อวันที่ 24 พฤศจิกายน 2568 เวลา 19.30 บัญชีผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อ พระราม เดินดง...

ล้านนาเนี่ยน: พี่เป้ ไรเดอร์

“เราขับแกร็บ เราอยู่บนถนน เราเลี่ยงไม่ได้ จะเลี่ยงก็ต้องเลือกรับงานไม่ไปทางที่รถติด เพราะค่ารอบระบบก็ไม่ได้เพิ่มให้เรา ตอนนี้ค่ารอบเริ่มต้นที่ 19 บาท” “มันทำให้เราเสียเวลากับค่ารอบที่มันถูก จากปกติถ้ารถไม่ติด...

สิทธิวิจารณ์ท้องถิ่นอยู่ตรงไหน? เมื่ออบต.ศรีถ้อย แจ้งหมิ่นฯ ชาวบ้านพญากองดี หลังโพสต์ถนนพัง–ถูกเรียกค่าน้ำมัน 20,000 บาท

เมื่อวันที่ 23 พฤศจิกายน 2568 ผู้สื่อข่าวได้รับรายงานว่า มีกรณีชาวบ้านหมู่ 6 ตำบลศรีถ้อย อำเภอแม่สรวย...