พีมูฟน่านพา รมต.สำนักนายกลงพื้นที่ ’น้ำพางโมเดล’ เสนอยกระดับสู่โฉนดชุมชน

Date:

9 มีนาคม 2566

ภาพ : มูลนิธิพัฒนาภาคเหนือ

เมื่อวันที่ 3 มีนาคม 2566 อนุชา นาคาศัย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในนามประธานคณะทำงานแก้ไขปัญหาและศึกษาแนวทางการจัดที่ดินให้ชุมชนในรูปแบบโฉนดชุมชน ภายใต้คณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เดินทางลงพื้นที่ ‘น้ำพางโมเดล’ ต.น้ำพาง อ.แม่จริม จ.น่าน ศึกษาข้อเท็จจริง การดำเนินงาน ปัญหา อุปสรรคในพื้นที่ที่ยื่นคำขอเพื่อจัดให้มีโฉนดชุมชน

ภาพ : มูลนิธิพัฒนาภาคเหนือ

การลงพื้นที่ครั้งนี้สืบเนื่องจากสหพันธ์เกษตรกรภาคเหนือ (สกน.) จ.น่าน ได้แก่ บ้านน้ำปูน หมู่ที่ 1 บ้านน้ำลาน หมู่ที่ 2 บ้านน้ำแนะ หมู่ที่ 3 บ้านน้ำพางหมู่ที่ 4 บ้านน้ำว้า หมู่ที่ 5 บ้านน้ำปุ๊ หมู่ที่ 6 บ้านใหม่ หมู่ที่ 7 บ้านน้ำพระทัย หมู่ที่ 8 บ้านน้ำตวง หมู่ที่ 9 บ้านร่มเกล้า หมู่ที่ 10 ต.น้ำพาง อ.แม่จริม จ.น่าน ซึ่งเป็นสมาชิกเครือข่ายพีมูฟ ได้ขับเคลื่อนเพื่อให้เกิดการแก้ไขปัญหาทางนโยบายมาอย่างต่อเนื่องจนมีมติคณะรัฐมนตรี วันที่ 1 ก.พ. 2565 ว่าด้วยแนวทางการแก้ไขปัญหาของพีมูฟ รองรับแนวทางการจัดการที่ดินและทรัพยากรธรรมชาติในรูปแบบ “โฉนดชุมชน” โดยมีมติเห็นชอบในหลักการตามข้อเสนอของพีมูฟที่มอบหมายให้สำนักงานคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ (สคทช.) รับหลักการไปพิจารณานำเสนอคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ (คทช.) เพื่อพิจารณาในการยกระดับการจัดที่ดินในรูปแบบโฉนดชุมชนรูปแบบหนึ่งของการจัดที่ดินภายใต้การดำเนินการของ คทช. ต่อไป

จากเหยื่อ “ทวงคืนผืนป่า” สู่การพัฒนา “น้ำพางโมเดล”

ปวรวิช คำหอม ผู้จัดการน้ำพางโมเดล กล่าวว่า พื้นที่ ต.น้ำพาง อ.แม่จริม จ.น่าน ประกอบด้วย 10 หมู่บ้าน มีสามชนเผ่า คือ ชนเผ่าพื้นเมือง 6 หมู่บ้าน ม้ง 2 หมู่บ้าน ชนเผ่าถิ่น 3 หมู่บ้าน ประชากรประมาณ 1,025 ครอบครัว 5,300 กว่าคน โดยในพื้นที่ ต.น้ำพาง นั้นมีเอกสารสิทธิประมาณ 1,700 ไร่ หรือเพียงร้อยละ 0.63 จากพื้นที่ ต.น้ำพาง ทั้งสิ้น 271,408 ไร่ หมายความว่าพื้นที่เกือบทั้งหมดต้องตกอยู่ภายใต้การบังคับใช้กฎหมายป่าไม้โดยหน่วยงานรัฐ ทั้งพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติและพื้นที่อุทยานแห่งชาติ ซึ่งชาวบ้านส่วนใหญ่ทำเกษตรโดยการปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ทำให้ตกเป็นจำเลยว่า จ.น่าน ทำให้เกิดภูเขาหัวโล้น

ปวรวิช คำหอม / ภาพ : มูลนิธิพัฒนาภาคเหนือ

จากนโยบายทวงคืนผืนป่า หลังมีการรัฐประหารในปี 2557 มีคำสั่ง คสช. ที่ 64/2557 การปราบปรามและการหยุดยั้งการบุกรุกทำลายทรัพยากรป่าไม้ พื้นที่ ต. น้ำพางก็ได้รับผลกระทบจากการทวงคืนผืนป่า ในพื้นที่อุทยานแห่งชาติดอยภูคา ปี 2558 ประมาณ 1,875 ไร่ ปัจจุบันกลายเป็นพื้นที่คดีอาญา มีคดีที่ไม่พบตัวผู้กระทำผิดอยู่ที่ ต.น้ำว้า หมู่ 5 ในป่าสงวนแห่งชาติ 103 ไร่ และบ้านน้ำพาง หมู่ 4 เป็นสวนยางพารา 2 ราย ในเขตอุทยานแห่งชาติดอยภูคา 

“เรามาดูในเงื่อนไขของนโยบายต่างๆ และแนวทางต่างๆ กับข้อมูลบริบทพื้นที่ ต.น้ำพาง พบว่าค่อนข้างที่จะไปด้วยกันลำบาก เนื่องจากวันนี้เราจะต้องมุ่งหน้าไปสู่เรื่องของการพัฒนาพื้นที่ให้มีระบบนิเวศที่สมบูรณ์ ประกอบกับการดำรงชีวิตที่มีคุณภาพสมบูรณ์มากยิ่งขึ้น ซึ่งจะทำอย่างไรในเมื่อสวนทางกัน จุดเริ่มต้นเรื่องของน้ำพางโมเดลจึงเกิดขึ้นเมื่อ 21 ก.ย. 2558 โดยการรวมตัวของผู้นำท้องที่ ท้องถิ่น และชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบจากนโยบายทวงคืนผืนป่า มานั่งคุยกันว่า เราจะทำยังไงในฐานะของคนต้นน้ำ ในฐานะของคนที่อยู่กับป่า เราจะต้องรับผิดชอบต่อสังคม รับผิดชอบต่อต้นน้ำอย่างไร” ปวรวิชเสริม

ปวรวิช คำหอม อธิบายว่า โครงการ “น้ำพางโมเดล” เกิดขึ้นภายใต้การขับเคลื่อนแนวทางโฉนดชุมชน โดยมีเป้าหมายคือที่ทำกินในพื้นที่ป่าทั้ง 3 ส่วน ได้แก่ อุทยานแห่งชาติดอยภูคา อุทยานแห่งชาติแม่จริม และป่าสงวนแห่งชาติ ประมาณ 20,000 กว่าไร่ ในปี 2561 จนถึงปี 2575 จะเพิ่มพื้นที่สีเขียวในรูปแบบน้ำพางโมเดล ให้ได้ 14,253 ไร่ เป็นสัดส่วนที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 5.25 จะทำให้ ต.น้ำพาง ซึ่งเดิมในปี 2558 มีป่าสมบูรณ์อยู่ประมาณร้อยละ 90.90 จะมีพื้นที่ป่าสมบูรณ์เพิ่มขึ้นมาเป็นร้อยละ 96.40 โดยการที่จะไปสู่ความสำเร็จนั้นจะทำลำพังโดยชุมชนไม่ได้ จะต้องประกอบด้วยความร่วมมือ 4 ภาคส่วน ได้แก่ (1) ชาวบ้านจะต้องระเบิดจากตัวชุมชนที่เป็นเจ้าของปัญหา ที่อยู่กับปัญหาจะต้องลุกขึ้นมาจัดการทรัพยากรป่าไม้ของตนเอง ให้นำไปสู่ความยั่งยืนและเหมาะสมกับบริบทพื้นที่ วิถีชีวิต วัฒนธรรมของตนเอง และลุกขึ้นมาร่วมกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและส่วนราชการในพื้นที่ (2) องค์กรเอกชน (3) บริษัทเอกชนและสถาบันการศึกษา และ (4) หน่วยงานราชการ รวมถึงระดับกฎหมายและนโยบาย

ข้อจำกัดโครงการจัดที่ดิน คทช. สิทธิการจัดการไม่ถึงชุมชน

ประยงค์ ดอกลำใย ที่ปรึกษาขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม (พีมูฟ) เห็นว่า พื้นที่ส่วนใหญ่ใน ต.น้ำพาง อยู่ในพื้นที่สูงหรือชั้นคุณภาพลุ่มน้ำ 1-2 ซึ่งไม่มีทางจัดที่ดินตามนโยบายของ คทช. หรือการใช้มติคณะรัฐมนตรีวันที่ 26 พ.ย. 2561 ว่าด้วย “พื้นที่เป้าหมายและ กรอบมาตรการแก้ไขปัญหาการอยู่อาศัยและทำกินในพื้นที่ป่าไม้ (ทุกประเภท) แนวทางการดำเนินงานตามกรอบมาตรการแก้ไขปัญหาการอยู่อาศัยและทำกิน ในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ” ที่หน่วยงานชอบอ้างนั้น ก็ไม่สามารถดำเนินการได้ ดังนั้นถ้ามีการทบทวนจุดขัดแย้งเหล่านี้สักเล็กน้อยจะพอสามารถดำเนินการได้ 

ประยงค์ ดอกลำใย / ภาพ : มูลนิธิพัฒนาภาคเหนือ

ประยงค์ ยังกล่าวว่า ในการจัดที่ดินแบบ คทช. นั้น ผู้ว่าราชการจังหวัดได้รับอนุญาตจากกรมป่าไม้ให้ใช้พื้นที่ แต่การที่คนที่ได้รับอนุญาตให้ใช้พื้นที่คือผู้ว่าราชการจังหวัดก็เป็นปัญหามาก เพราะคนที่ใช้ประโยชน์ในที่ดินจริงคือชาวบ้าน เวลาจะทำอะไรในพื้นที่ต้องให้ผู้ว่าราชการจังหวัดอนุญาตชาวบ้านก่อน สิ่งที่เราเสนอแนะคือจะทำอย่างไรให้อำนาจตัดสินใจลงมาอยู่ที่ตัวชาวบ้านโดยแท้จริง

ประยงค์ เสริมว่า “ในส่วนของ คทช. จะทำอย่างไรให้สิทธิมาถึงชุมชนหรือท้องที่ ท้องถิ่น และในส่วนป่าสงวนแห่งชาติชั้นคุณภาพ 1-2 ที่มีถึงร้อยละ 80 ที่ชาวบ้านทำกินอยู่ ส่วนนี้ต้องไปปลดล็อคมติ ครม. ชั้นคุณภาพลุ่มน้ำ ให้ชุมชนมีบทบาทในการบริหารจัดการมากขึ้น และมีระเบียบโฉนดชุมชนที่ให้ชาวบ้านและหน่วยงานมาช่วยเหลือร่วมกันมากขึ้น ส่วนเรื่องการฟื้นฟูพื้นที่ ชาวบ้านได้ใช้แนวทางของน้ำพางโมเดลมา 5 ปีแล้ว ซึ่งเห็นผลได้ในเชิงประจักษ์คือมีพื้นที่สีเขียวเพิ่มขึ้น มีต้นไม้เพิ่มขึ้น แล้วถ้าแนวทางสอดคล้องกัน ในปี 2575 จะมีพื้นที่ป่าและพื้นที่สีเขียวในตำบลนี้มากถึงประมาณร้อยละ 96”

เสนอยกระดับ “น้ำพางโมเดล” สู่ “โฉนดชุมชน ต.น้ำพาง”

ปวรวิช คำหอม ผู้จัดการน้ำพางโมเดล ย้ำว่า ตั้งแต่ปี 2554 ชุมชนใน ต.น้ำพาง ได้มีการยื่นขอจัดตั้งโฉนดชุมชนตามระเบียบสำนักนากยรัฐมนตรีว่าด้วยการจัดให้มีโฉนดชุมชน พ.ศ. 2553 เราก็มีการสร้างกระบวนการความเข้าใจกับพี่น้องประชาชน ใช้กระบวนการทุกๆ ปี ในรูปแบบน้ำพางโมเดลและโฉนดชุมชน และจัดทำระบบผังข้อมูล แผนที่ประวัติชุมชน การใช้ประโยชน์ที่ดิน และสรรหาคณะกรรมการขับเคลื่อนโฉนดชุมชนใน ต.น้ำพาง สุดท้ายถ้าโฉนดชุมชนจะนำไปสู่ความสำเร็จก็ เรื่องของกฎหมายนโยบายที่สอดคล้องกับบริบทพื้นที่ ซึ่งนำมาสู่ข้อเสนอของพื้นที่ ต.น้ำพาง ต่อรัฐมนตรีวันนี้ เรามีความคาดหวังอยากจะนำไปสู่ความยั่งยืนและพัฒนาพื้นที่ไปร่วมกับหน่วยงานภาครัฐต่างๆ กับเอกชนก็ดี ให้ไปสู่เป้าหมายที่สมบูรณ์มากยิ่งขึ้น 

ภาพ : มูลนิธิพัฒนาภาคเหนือ

เนื่องจากภาพรวมทั้ง ต.น้ำพาง อยู่ในพื้นที่อุทยานแห่งชาติแม่จริม ทับซ้อนพื้นที่กว่า 811 ไร่ และอุทยานแห่งชาติดอยภูคา ที่ทับซ้อนพื้นที่อีก 10,960 ไร่ ที่ติดข้อจำกัดทางกฎหมายมากมายตามพระราชบัญญัติอุทยานแห่งชาติ พ.ศ. 2562 อีกทั้งพื้นที่ทำกินใน ต.น้ำพาง ทั้งหมดยังติดขัดในการใช้หลักเกณฑ์ว่าด้วยการจัดชั้นคุณภาพลุ่มน้ำ ส่วนใหญ่เป็นพื้นที่ชั้นคุณภาพลุ่มน้ำ 1-2 กว่าร้อยละ 88 และอยู่ในชั้นคุณภาพลุ่มน้ำ 3-5 เพียงร้อยละ 12 หมายความว่าสามารถเข้าสู่การจัดที่ดินตามแนว คทช. ได้เพียง เพียง 474 ไร่ 3 งาน 50 ตารางวา (ชั้นคุณภาพลุ่มน้ำ 3-5) ทำให้นโยบายดังกล่าวไม่สอดคล้องกับวิถีชุมชนในการใช้ประโยชน์ในที่ดิน โดยเสนอแนวทางแก้ปัญหา ดังนี้

1. ให้คณะทำงานแก้ไขปัญหาและศึกษาแนวทางการจัดที่ดินให้ชุมชนในรูปแบบโฉนดชุมชนภายใต้คณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ เร่งรัดดำเนินการศึกษาและออกระเบียบคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ ว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการในการดำเนินงานโฉนดชุมชน ซึ่งเป็นการจัดการที่ดินในรูปแบบโฉนดชุมชน ให้สอดรับในมาตรา 10 (4) ตามพระราชบัญญัติคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ พ.ศ. 2562 โดยต้องคำนึงถึงความสอดคล้องกับวิถีชีวิตของประชาชนในหลากหลายพื้นที่ และสามารถแก้ไขปัญหาอุปสรรคจากกฎหมายและนโยบายด้านการจัดการที่ดินและทรัพยากรธรรมชาติ

2. ขอให้เร่งรัดประสานงานเพื่อให้พิจารณาชะลอการบังคับใช้ร่างกฎหมายลำดับรองประกอบพระราชบัญญัติอุทยานแห่งชาติ พ.ศ. 2562 พระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2562 และพระราชบัญญัติป่าชุมชน พ.ศ. 2562 ซึ่งไม่สอดคล้องกับวิถีชุมชนและสร้างข้อจำกัดในการดำเนินชีวิต ทำมาหากินและอยู่อาศัยกับป่าตามวิถีจนกว่าการดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ของ  “คณะอนุกรรมการศึกษาการแก้ไขและปรับปรุงพระราชบัญญัติอุทยานแห่งชาติ พ.ศ. 2562 พระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2562 และพระราชบัญญัติป่าชุมชน พ.ศ. 2562” ตามคำสั่งคณะกรรมการติดตามการแก้ไขปัญหาของพีมูฟจักแล้วเสร็จ

3. ให้มีนโยบายสนับสนุนยกระดับพื้นที่ต้นแบบ “น้ำพางโมเดล” เพื่อนำร่องแก้ไขปัญหาที่ดินทำกิน ที่อยู่อาศัย และการจัดการทรัพยากรอย่างเป็นธรรมและยั่งยืน ภายใต้ความร่วมมือทุกภาคส่วน

4. ให้คณะกรรมการนโยบายที่ดินแหงชาติ (คทช.) โดยสำนักงานคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ (สคทช.) เป็นหน่วยงานหลักในการประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ในการสนับสนุนในการดำเนินงานโฉนดชุมชนของชุมชนในตำบลน้ำพาง ภายใต้แนวทาง ‘น้ำพางโมเดล’ สู่การจัดการที่ดินและทรัพยากร รูปแบบ ‘โฉนดชุมชนตำบลน้ำพาง’

ด้าน สวาท ธรรมรักษา กำนัน ต.น้ำพาง อ.แม่จริม จ.น่าน ก็ได้ย้ำว่า หากเราสามารถเสนอโฉนดชุมชนให้เป็นหนทางหนึ่งในการจัดการที่ดินและทรัพยากรได้ร่วมกับทิศทางการจัดการของชุมชนคือน้ำพางโมเดลที่ดำเนินการอยู่ ก็จะเป็นทางออก โฉนดชุมชน ต.น้ำพาง จะเป็นพื้นที่ต้นแบบหนึ่งที่สามารถเป็นทางออกรูปแบบใหม่ของการจัดการที่ดินที่นำไปสู่ความยั่งยืนต่อไป

‘อนุชา’ รับเร่งดำเนินการให้ชัดเจน ตามภาคประชาชนเสนอ

อนุชา นาคาศัย / ภาพ : มูลนิธิพัฒนาภาคเหนือ

อนุชา นาคาศัย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในนามประธานคณะทำงานแก้ไขปัญหาและศึกษาแนวทางการจัดที่ดินให้ชุมชนในรูปแบบโฉนดชุมชน ภายใต้คณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ กล่าวว่า รู้สึกว่าสามารถทำอะไรได้มาก และเห็นจุดร่วมของหน่วยงานและชาวบ้านมากขึ้น โดยควรจะเร่งดำเนินการให้เกิดความชัดเจนตามที่ภาคประชาชนเสนอ เพื่อให้ประชาชนเข้าใจฝั่งกรมป่าไม้และกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช มากขึ้น โดยอาจดูเรื่องข้อจำกัดในการใช้ที่ดินซึ่งทางฝ่ายเลขาสำนักนายกรัฐมนตรีก็ต้องมาดูหลักการในการจัดการพื้นที่ตามแนวทางโฉนดชุมชน และระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการจัดให้มีโฉนดชุมชน พ.ศ. 2553 ที่เคยมีมา ส่วนทางคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ (คทช.) จะยินดีที่จะดำเนินการตามสิ่งนี้หรือไม่ อย่างไร ต้องมีความชัดเจน สิ่งอื่นๆ จะเกิดขึ้นตามได้โดยเร็วและไม่ต้องรอ 

สุริยน พัชรครุกานนท์ / ภาพ : มูลนิธิพัฒนาภาคเหนือ

ด้าน สุริยน พัชรครุกานนท์ รองผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ (สคทช.) กล่าวว่า วันนี้แนวทางในการจัดรูปแบบแปลงทำกินในรูปแบบแปลงรวมหรือโฉนดชุมชนที่กำลังขับเคลื่อนอยู่ ในส่วนของกรมป่าไม้และกรมอุทยาน สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ยังไม่ได้สรุปรูปแบบให้กับฝ่ายเลขา สคทช. อาจจะฝากทางกรมป่าไม้และกรมอุทยานฯ ว่าตามที่พีมูฟได้นำเสนอ ถ้าพื้นที่ไหนที่มีการสำรวจและกำหนดขอบเขตแล้ว พื้นที่ที่จะออกแนวทางในการจัดการแบบโฉนดชุมชนได้ควรเป็นแบบไหน เสนอมาได้ทางอธิบดีของแต่ละกรม และเสนอมายัง สคทช. ด้วย 

“ทางเราก็จะสรุปข้อมูลจากการลงพื้นที่วันนี้ว่ามีข้อมูลอะไร ปัญหาอะไรบ้าง ในส่วนของปัญหาข้อจำกัดทางกฎหมายนโยบาย อาจจะรบกวนศึกษาให้ละเอียดว่าส่งผลกระทบอะไร ผมจะส่งเรื่องต่อไปยังคณะอนุกรรมการด้านกฎหมาย แล้วส่งเข้า คทช. และคณะรัฐมนตรี เพื่อปรับปรุงต่อไป” รอง ผอ. สคทช. ย้ำ 

พื้นที่สื่อสาร สังคมประชาธิปไตย ชีวิตใหม่ที่ดีกว่า

ทีมข่าวที่ประกอบไปด้วยผู้คนหลากหลาย บ้างก็มาจากทะเล บ้างก็มาจากภูเขา แต่สุดท้ายก็ลงเอยที่ภาคเหนืออยู่ที่ Lanner นี่แหละ...

Lanner Editor
Lanner Editor
ทีมข่าวที่ประกอบไปด้วยผู้คนหลากหลาย บ้างก็มาจากทะเล บ้างก็มาจากภูเขา แต่สุดท้ายก็ลงเอยที่ภาคเหนืออยู่ที่ Lanner นี่แหละ...

More like this
Related

ชาวกะเบอะดินจัดงาน ‘ครบรอบ 6 ปี คัดค้านเหมืองแร่ถ่านหินอมก๋อย’ ยืนยันจะปกป้องผืนดินด้วยชีวิต

ภาพ: วชิรญาณ์ วิรัชบุญญากร เสียงตะโกน “เหมืองแร่ออกไป! เหมืองแร่ออกไป!” ดังก้องไปทั่วผืนนา บ้านกะเบอะดิน อำเภออมก๋อย จังหวัดเชียงใหม่  11...

1.4 พันล้านบาท สรุปมูลค่าความเสียหายริมแม่น้ำกก-สาย-รวก จากวิกฤตสารพิษเหมืองแร่

แม่น้ำกก แม่น้ำสาย และแม่น้ำรวก เป็นแม่น้ำสายหลักที่หล่อเลี้ยงชีวิตและเศรษฐกิจท้องถิ่นของจังหวัดเชียงรายและเชียงใหม่ ที่กำลังเผชิญกับวิกฤติมลพิษข้ามพรมแดนจากเหมืองแร่แรร์เอิร์ธในรัฐฉาน ประเทศเมียนมา ส่งผลให้ความกังวลเรื่องคุณภาพน้ำและความปลอดภัยในการใช้ประโยชน์เพิ่มสูงขึ้น พร้อมขยายผลกระทบไปยังโครงสร้างเศรษฐกิจท้องถิ่นที่พึ่งพาแม่น้ำเหล่านี้ Lanner ประเมินมูลค่าความเสียหายทางเศรษฐกิจจากวิกฤติการปนเปื้อนสารพิษในแม่น้ำกก...

เมื่อ ‘เมืองน่าอยู่’ ยังไม่พอให้ใจได้พัก เด็กเชียงใหม่กับพื้นที่สร้างสรรค์ที่ยังหายไป 

เรื่องและภาพ: ธัญรดา หยุมปัญญา, ภีมราฎา เชื้อคำฟู, จตุรวิชญ์ แก้ววงค์วาน และอิทธิกร อรุณรัตน์ เชียงใหม่มักถูกพูดถึงเสมอว่าเป็น...

‘สุชาติ’ ลงพื้นที่แม่น้ำกก เร่งคลี่คลายพิษเหมืองแร่ปนเปื้อนด่วน คนริมกกสะท้อนรัฐเร่งเยียวยา ‘กัณวีร์’ แนะใช้กติกาโลกล้อมเมียนมา

ปัญหามลพิษจากเหมืองแร่ฝั่งเมียนมาที่ไหลปนเปื้อนลงแม่น้ำกกกำลังกลายเป็นวิกฤตสิ่งแวดล้อมและสังคมในพื้นที่ภาคเหนือของไทย สำนักข่าวชายขอบรายงานว่า 9 ตุลาคม 2568 ที่ผ่านมา สุชาติ ชมกลิ่น รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม...