ไฟมาป่าหมด แต่ไฟก้าวไกลไม่มีหมด รับฟังปัญหาฝุ่นควันกับ สำนักฯ 16

เมื่อวันที่ 8 มีนาคม 2566 เวลา 10.00 น. พรรคก้าวไกล มีการจัดประชุมสังเกตุการณ์ควบคุมไฟป่า ร่วมรับฟังและรับทราบข้อมูลปัญหาของสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 16 (กรุมอุทยาน ฯ) ถึงปัญหาไฟป่า ณ สถานที่ศูนย์ฝึกอบรมและพัฒนาการควบคุมไฟป่า แม่เหียะ พร้อมพูดคุยหารือกับผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 16 เพื่อนำข้อมูลความต้องการมาเสริมนโยบายของพรรคเกี่ยวกับนโยบายไฟป่า

พรรคก้าวไกลรับฟังและรับทราบข้อมูลจากสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 16 โดยมีการอภิปรายมาตราการเตรียมความพร้อมแก้ไขปัญหาไฟป่าและหมอกควัน ของสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 16 (เชียงใหม่) สบอ. ถึงพื้นที่ป่าอนุรักษ์ 7,626,891.88 ล้านไร่ ของ สบอ.16

นาย กริชสยาม คงสตรี ผู้อำนวยการ สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 16 ละทีมงาน กล่าวว่า สถิติของการเกิดไฟป่าและสถิตุิของการเกิดจุดความร้อนหรือ Hotspot ซึ่งจุดที่มีการเกิดความร้อนมากที่สุดคือที่อุทยานแม่ปิงซึ่งสูงถึง 1,382 โดยทางสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 16 และเพิ่มเติมถึงสาเหตุของ ปัญหาของการเกิดปัญหาไฟป่า พร้อมมาตรการรับมือเตรียมความพร้อมในการแก้ไขปัญหาไฟป่า การป้องกันและดับไฟป่า คือมาตรการ 3 ห้วงเวลา 5 กิจกรรม มีการประชาสัมพันธ์ เตรียมกำลังพล กิจกรรมการจัดการเชื้อเพลิง การมีส่วนร่วมและบูรณาการ

ผู้อำนวยการสำนัก 16 ได้กล่าวเพิ่มเติมว่า พูดถึงปัญหาของพื้นที่และวิถีชีวิตชุมชนซึ่งเป็นสาเหตุของไฟป่า เช่น เรื่องเห็ดเพาะ ซึ่งเป็นวัตถุดิบหารายได้ของชาวบ้าน รายได้โดยรวมต่อปี 27 ล้านบาท แต่ยังมีการลักลอบเผาป่าเพื่อหาเห็ดเพาะเพราะเป็นรายได้โดยรวม 27 ล้านบาทของชุมชนและเห็ดสามารถหาได้ง่ายมากขึ้นหากมีการเผาป่า มีการหาจุดร่วมระหว่างชุมชนและองค์กรในการจัดการปัญหาไฟป่า โดยมีแนวคิดว่าทำอย่างไรชุมชนอยู่ได้ ป่าอยู่ได้และเมืองอยู่ได้

หลังจากรับฟังปัญหา พรรคก้าวไกลได้สอบถามถึงความต้องการและความคาดหวังของศูนย์ปฏิบัติการควบคุมไฟป่า เพื่อเป็นข้อมูลในการอภิปรายงบประมาณ และมีการแลกเปลี่ยนข้อมูลกันระหว่างสองฝ่าย เพื่อหาข้อเสนอแนะเกี่ยวกับไฟป่า โดย ส.ส.พรรคก้าวไกล นิติพล ผิวเหมาะ, ผู้ช่วย ส.ส. ณรงค์ชัย เตโม, และ ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. พรรคก้าวไกล เขต 1 เพชรรัตน์ ใหม่ชมภู ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 16 เป็นเบื้องต้น โดยความคาดหวังของการรับฟังในครั้งนี้มีดังนี้ เพิ่มสถานีดับไฟป่าให้สอดคล้องกับจำนวนพื้นที่, สร้างสามัญสำนึกให้กับผู้คน, การจัดการภาพรวมและนโยบายสวัสดิการเพื่อผู้พิทักษ์ป่า