ทรงเจ้ ทรงซ้อคืออะไร ? ตามหาคำอธิบายจากนักวิจัยแนวสตรีศึกษาผู้หลงใหลในวัฒนธรรมแว้น สก๊อย

Date:

เรื่อง: ณัฐมน สะเภาคำ


หากใครได้อ่านบทความเรื่อง ‘ความปรารถนาของวัยรุ่นสก๊อยในยุคสมัยใหม่’ ผ่านตามาแล้วอาจจะมีคำถามถึงเนื้อหาภาคต่อของเส้นทางชีวิตวัยรุ่นสก๊อยจังหวัดนครสวรรค์ที่เป็นกลุ่มศึกษาหลักในงานวิจัยดังกล่าว วันนี้ผู้เขียนได้นำบทวิเคราะห์เกี่ยวกับ ‘ร่างกาย ความเป็นอัตวิสัย และการตอกกลับของวัยรุ่นสก๊อยในวงจรวัฒนธรรม’ โดยต้องการตีแผ่ให้เห็นถึงลักษณะการใช้ร่างกายเชิงสังคมที่ถือเป็นต้นทุนหนึ่งเดียวของวัยรุ่นสก๊อยมาใช้ในกระบวนการสร้างสรรค์ ปรับเปลี่ยน ปรับปรุงร่างกายธรรมชาติ ให้สามารถนำไปสู่การต่อต้าน ต่อรอง (body politic) โดยผนวกรวมเข้ากับการศึกษาวาทกรรม การกำหนดความคิด ความเชื่อต่าง ๆ ของวัยรุ่นสก๊อยซึ่งวิเคราะห์จากโครงสร้างทางสังคมชนบทที่มีอำนาจบางอย่างครอบงำซึ่งไม่เป็นสากลตรงตามจริตของชนชั้นกลาง โดยจะเผยให้เห็นถึงการตอบโต้อย่างเป็นอัตวิสัย(subjectivity) ของวัยรุ่นสก๊อย หรือการสร้างความหมายผ่านสัญญะบนร่างกายในช่วงวัยต่าง ๆ พร้อมกับสร้างตัวตนในพื้นที่วัฒนธรรมที่แตกต่างกันในแต่ละช่วงวัยกลายเป็นภาพตัวแทนที่สามารถนำไปสู่การต่อรอง ต่อนต้านกับกฎเกณฑ์ทางเพศในสังคมที่ล้าสมัย

การศึกษาถึงการประกอบสร้างร่างกายเป็นหนึ่งในรูปแบบของ ‘พื้นที่แห่งการต่อต้าน ขัดขืน’ ที่มักนำไปสู่ความเป็นอัตวิสัยของผู้หญิงเนื่องจากประสบการณ์ผัสสะที่ถูกกำกับด้วยโครงสร้างของจังหวะชีวิตประจำวันได้สร้างให้โลกของวัยรุ่นสก๊อยดำเนินไปได้ในแต่ละช่วงเวลา ในแต่ละวัน แต่ละเดือน แต่ละปี การเกิดขึ้นซ้ำ ๆ ของจังหวะเหล่านี้เองที่สร้างพื้นที่ของความเป็นปกติในชีวิตประจำวันต่อปฏิบัติการเชิงพื้นที่บนการรับรู้จากประสบการณ์ผัสสะ ประสบการณ์ผัสสะไม่ได้เป็นเรื่องของอวัยวะรับสัมผัสของร่างกายเท่านั้น แต่มีข้อเสนอที่ว่าประสบการณ์ผัสสะเป็นปรากฏการณ์ทางสังคมและการเมือง มิใช่เป็นเรื่องเฉพาะบุคคล แต่เป็นการเชื่อมต่อกันระหว่าง กาย จิต และสิ่งแวดล้อม ด้วยสังคมที่แตกต่างกัน วัฒนธรรมที่แตกต่างกันจึงเกิดการสร้างวิถีทางในการที่คนในสังคมนั้น ๆ ใช้ผัสสะเพื่อรับรู้ต่อโลกแตกต่างกันไป (บุษบงก์ วิเศษพลชัย, 2558) จากการเก็บข้อมูลเพื่อวิเคราะห์ร่างกายของวัยรุ่นสก๊อยทั้งจากภาพตัวแทนออนไลน์และพื้นที่จริงงานวิจัยได้ค้นพบจุดร่วมของการพยายามปรับเปลี่ยนหรือปรุงแต่งเรือนร่างให้ได้รับความสนใจจากผู้ชมโดยเฉพาะเพศตรงข้าม ผู้ศึกษาได้แบ่งรูปแบบเส้นทางชีวิตตามประสบการณ์ที่สั่งสมผ่านร่างกายของวัยรุ่นสก๊อยที่แตกต่างกันออกเป็นสามแบบ โดยทั้งหมดมีจุดร่วมคือมีแบบแผนพฤติกรรมและความปรารถนาที่จะสร้างร่างกายอันน่าพึงพอใจทางเพศตามคำนิยามของกรอบเพศสองขั้ว (Heterosexual) อย่างชัดเจน

เส้นทางเริ่มต้นของวัยรุ่นหญิงกึ่งเมืองกึ่งชนบทที่ได้ศึกษาคือ ‘วัยรุ่นสก๊อย’ คำนิยามจากการสัมภาษณ์และความเข้าใจของสังคมโดยทั่วไปจะหมายถึงเด็กหญิงวัยแรกรุ่นอายุ 13-18 ปี โดยส่วนมากจะมีร่างกายและใบหน้าเหมือนเด็ก ๆ ไว้ผมสั้นและผมหน้าม้า คาดหวังความรักแท้ ความรักสดใส อาจมีกลุ่มล่าแต้มร่วมด้วยตามประสบการณ์ทางเพศของแต่ละคนที่มากน้อยไม่เท่ากัน แต่จะคงไว้ซึ่งความสัมพันธ์ที่ฉาบฉวยตามวัย รัก ๆ เลิก ๆ เปลี่ยนคนคบบ่อยครั้ง ในแง่ของแนวคิดทางเศรษฐกิจจะเริ่มต้นอยากมีเงินใช้ฟุ่มเฟือย เพื่อนำไปบริโภคข้าวของเครื่องใช้ตามแฟชั่น เช่น เสื้อผ้า โทรศัพท์มือถือ เครื่องสำอาง ครีมผิวขาว ฯลฯ เพื่อสร้างสรรค์ร่างกายทางสังคมตามอุดมคติความผู้หญิงในโฆษณาหรือตามค่านิยมในวงจรวัฒนธรรมที่มีอิทธิพลต่อแนวคิดซึ่งมักจะยังไม่สมบูรณ์แบบโดยมีทั้งข้อจำกัดทั้งทางร่างกายที่ยังเติบโตไม่เต็มที่ หรือมีไม่ทุนเพียงพอในการลงทุนศัลยกรรมปรับเปลี่ยนร่างกาย ซึ่งส่วนใหญ่วัยรุ่นหญิงแถบชนบทมักไม่ได้มีผิวขาวโดยพันธุกรรมจะมีเพียงส่วนน้อยเท่านั้นที่จะผิวขาวผ่องตามธรรมชาติ ลักษณะนิสัยส่วนใหญ่จะมีความบริสุทธิ์ (innocence) ทำให้มีกิริยาท่าทางที่เปิดเผยมากเกินความเหมาะสมเนื่องจากยังไม่มีประสบการณ์เข้าสังคมมากเท่าสก๊อยกลุ่มอื่น ดังบทสัมภาษณ์นี้

“..สก๊อยสำหรับหนูคือ เด็กผู้หญิงอายุน้อย เขาต้องการมีตัวตน พยายามมีตัวตน จนโชว์ความเสร่อออกมา พยายามโต ชอบโชว์สกิลความเสร่อบางอย่าง เช่น อย่างเราจะแอ๊วผู้ชาย เราจะมีชั้นเชิงในการส่งสายตา กับคนที่เป็นสก๊อยเค้าจะออกอาการแบบเฮ้ยเธอ ชื่ออะไรอะ จู่โจมเลย เวลาเจอผู้ชายก็จะดี๊ด๊า มันเกินเหตุ ทาปากแดง ๆ ผมสั้น แต่งตัวเกินไป มันไม่ได้ดูดี..”[1] จากบทสัมภาษณ์เมื่อถามกรณีศึกษาทุก ๆ คนมักจะตอบว่าตัวเองเคยผ่านการเป็นสก๊อยมาก่อน เนื่องจากสภาพแวดล้อมที่พาไปและความโดดเดี่ยวจากการถูดทอดทิ้งหรือถูกมองว่าตนเองนั้นแปลกปะหลาด ไม่เข้ากับกลุ่มเพื่อนในโรงเรียน โดยวัยรุ่นกลุ่มนี้มักอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ครอบครัวมี

ปัญหา เช่น พ่อแม่หย่าร้าง แม่เป็นเมียน้อย เผชิญความรุนแรงในครอบครัว ฯลฯ ดังนั้น ช่วงเวลาเริ่มต้นของการเป็นวัยรุ่นสก๊อยคือการเข้าแก๊งและเข้าร่วมปฏิบัติการณ์ในกลุ่มวัฒนธรรมแว้น สก๊อยเพื่อต่อต้านค่านิยมของสังคมส่วนใหญ่ที่สร้างมาตรฐานมากดดัน แบ่งแยกให้เกิดความรู้สึกเป็นวัยรุ่นชายขอบ ซึ่งถือว่าวัยรุ่นสก๊อยในระยะเริ่มแรกนี้เป็นพัฒนาการตามช่วงวัยที่กำลังเติบโตเป็นวัยรุ่นที่มีฮอร์โมนพลุ่งพล่านอยากต่อต้าน ปะทะสังสรรค์กับความเป็นปกติที่คอยบังคับเบียดขับ (exclude) วัยรุ่นต้นทุนน้อยเหล่านี้ให้อยู่ปลายแถวของวัยรุ่นกลุ่มอื่น วัยรุ่นสก๊อยแรกเริ่มจึงมักจะมองหาวัฒนธรรมย่อยต่าง ๆ รอบตัวและบนสื่อสังคมออนไลน์ เพื่อปรับเปลี่ยนร่างกายให้เป็นไปตามมายาคติความเป็นหญิงสาวตามแฟชั่นในแต่ละยุคสมัย ผู้ศึกษาวิเคราะห์ว่า พวกเธอต้องการสร้างร่างกายทางสังคมที่แสดงออกถึงความเติบโตและมีวุฒิภาวะเพียงพอเพื่อเชื่อมโยงถึงความเป็นอิสระจากการควบคุมการตัดสินใจกระทำสิ่งต่าง ๆ ในชีวิตโดยเริ่มจากเนื้อตัวร่างกายของตนเอง เช่น เริ่มสักลาย, ดื่นเหล้า-สูบบุหรี่ และเข้าแก๊งเด็กแว้น เป็นต้น

เส้นทางชีวิตของวัยรุ่นหญิงประเภทที่สอง คือ ‘วัยรุ่นสก๊อยที่บรรลุนิติภาวะแล้ว’ อายุเฉลี่ยอยู่ที่ 18-25 ปี ซึ่งมีชื่อเรียกหลากหลายโดยจะยึดโยงกับความถนัดของแต่ละคนโดยยึดโยงกับปฏิบัติการณ์ภายใต้วัฒนธรรมแว้น สก๊อย เช่น เด็กซิ่ง, สายย่อ, สายเมา เป็นต้น ตัวอย่างคำนิยามจากกรณีศึกษาเล่าว่าผู้หญิงกลุ่มนี้จะเป็น ประเภทที่เป็นเด็กซิ่ง คือเป็นคนที่ชอบแต่งรถ ซิ่งรถมอเตอร์ไซค์หรือไปไหนมาไหนกับแฟนที่เป็นเด็กแว้น จากการศึกษาพบว่าวัยรุ่นสก๊อยช่วงนี้จะรวมกลุ่มกันในจำนวนที่น้อยลง หรืออาจจะเข้าแก๊งใหญ่ไปแล้วแต่หมดความสนใจต่อแนวทางในการรวมกลุ่มแบบเดิมที่มีโครงสร้างทางอำนาจภายในกลุ่มเข้มข้น โดยพวกเธอจะเปลี่ยนไปหมกมุ่นกับการหากิจกรรมบันเทิงเพื่อปลดปล่อยตัวตน ซึ่งแตกต่างจากเด็กแว้นชายที่มักจะอยู่ในแก๊งยาวนานกว่า ดังนั้น จึงมักพบเจอพวกเธอได้ตามงานบันเทิงรื่นเริง งานบุญ งานแข่งรถ และสถานบันเทิงอยู่เสมอ จากการสัมภาษณ์กรณีศึกษาวัยรุ่นสก๊อยรุ่นนี้พบว่า พวกเธอมักจะเลือกคบเพื่อนเฉพาะกลุ่มที่สนิทสนมมาแต่เดิมหรือเป็นเพื่อนที่ทำงาน โดยจะใช้ชีวิตปกติตามกิจวัตรประจำวันที่ไม่ซับซ้อนคือ ตื่น ทำงาน เที่ยว พักผ่อน โดยหาเวลารวมตัวกันไปเที่ยวตามสถานบันเทิงหรืองานแข่งรถมอเตอร์ไซค์เป็นประจำ ในส่วนของความสัมพันธ์เชิงชู้สาววัยรุ่นหญิงบางส่วนมักจะเริ่มมองหาความความสัมพันธ์ที่จริงจังกับใครสักคน ไปจนถึงวัยรุ่นประเภทที่ไม่ค่อยสมหวัง หรือมีทางเลือกเยอะเกินไป จนทำให้เกิดลักษณะความสัมพันธ์ที่ฉาบฉวย มีการล่าแต้มที่เข้มข้นขึ้นกว่าวัยรุ่นสก๊อยกลุ่มเด็ก เนื่องจากมีโอกาสได้พบเจอกลุ่มคนนอกเหนือจากกลุ่มวัฒนธรรม เช่น กลุ่มทหาร กลุ่มช่างต่างจังหวัด หรือแม้กระทั่งคนคุยจากต่างอำเภอมากขึ้น จนส่งผลให้ปรากฎลักษณะความสัมพันธ์ของการเป็นเมียน้อย เมียเก็บที่แพร่หลายเนื่องจากสถานะที่ลื่นไหลและเป็นอิสระจากการควบคุมของครอบครัวและสังคม

            ดังนั้น ร่างกายทางสังคมของวัยรุ่นสก๊อยกลุ่มนี้จึงเป็นต้นทุนที่ชัดเจนในการเข้าสู่การทำงานและการสะสมทุนเต็มรูปแบบ ทั้งการใช้ร่างกายโดยตรงเช่น งานเสิร์ฟ งานเชียร์เบียร์ โคโยตี้ รับรีวิวสินค้า หรือการใช้แรงงาน เช่น แม่ค้า เกษตรกร งานโรงแรม หรืองานแคชเชียร์ รวมถึงการหาความสัมพันธ์ที่มั่นคงจากคนรักซึ่งความแตกต่างของวัยรุ่นสก๊อยกลุ่มนี้กับกลุ่มแรกคือ พวกเธอมีประสบการณ์ที่สั่งสมมามากกว่าทำให้มีความเข้าใจในร่างกายทางสังคมของตัวเองเพื่อใช้ต่อยอดในทางอาชีพและการสะสมทุน โดยยังคงความความลื่นไหลของการใช้ผัสสะและร่างกายให้ปรับเปลี่ยนไปตามสถานที่และเวลาในการเลือกแต่งตัวหรือปฏิบัติตัวอย่างไรเพื่อให้ได้ผลประโยชน์หรือมีอำนาจต่อต้าน ขัดขืนกับอำนาจนำอย่างสร้างสรรค์และเป็นไปได้ เช่น การแยกตัวตนออกจากร่างกายให้เข้ากับบริบทต่าง ๆ เมื่อต้องทำงานหาเงิน เมื่อต้องอยู่กับเพื่อน หรืออยู่ในงานบันเทิงรื่นเริง โดยพวกเธอจะมีความชำนาญและรู้จักปฏิบัติตัวให้เข้ากันกับสถานที่และสถานการณ์ต่าง ๆ ได้ดีมากขึ้น พวกเรียนรู้ในการให้เหตุผลที่เป็นผู้ใหญ่มากขึ้นหรือให้ความเห็นแบบคนที่บรรลุนิติภาวะแล้ว ซึ่งเป็นตัวตนที่พัฒนาจากประสบการณ์ผ่านร่างกายจากการเริ่มต้นทำงานหาเงิน การจัดสรรชีวิตส่วนตัว ความรับผิดชอบ และการพบปะปฏิสัมพันธ์กับผู้ใหญ่ โดยลักษณะความสัมพันธ์จะเน้นไปที่การเอาตัวเองเป็นศูนย์กลางในสังคมที่เล็กลงคือการรักตัวเอง รักเพื่อนฝูง และครอบครัวที่มีผลประโยชน์ร่วมกันหรือผูกผันคบกันมาเป็นระยะเวลานาน วัยรุ่นหญิงกลุ่มนี้จะให้ความสำคัญกับกลุ่มเพื่อนและสังคมใกล้ชิดที่คบหากันมานานและต้องพึ่งพากันไม่มากก็น้อยผ่านปฏิบัติการณ์ทางวัฒนธรรมและรวมกลุ่มกันเพื่อสร้างประสบการณ์การปลดปล่อยตัวตนมาทดแทนความขมขื่น ความไม่ราบรื่นจากการใช้ชีวิต เช่น ความเครียดจากการทำงานและความรับผิดชอบทางการเงิน ทำให้ปฏิบัติการณ์การปลดปล่อยอย่างการสังสรรค์ตัวตนผ่านการบริโภคโอ้อวด หรือการมีไลฟ์สไตล์ฟุ่มเฟือยออกไปท่องเที่ยวสถานบันเทิงทุกคืน ฯลฯ จะต้องมีกลุ่มเพื่อนรวมอยู่ด้วยเป็นสิ่งสำคัญและไม่สามารถทำคนเดียวได้ อย่างไรก็ตาม ผู้ศึกษาพบข้อสังเกตว่า การใช้ร่างกายทางสังคมที่พัฒนาแล้วในพื้นที่ของการทำงานสะสมทุนเพื่อหมุดหมายในการสร้างตัว สร้างอนาคตเพื่อเติมเต็มความฝันแบบวัตถุนิยมเช่นนี้ ได้ลดทอนความปรารถนาอื่น ๆ ในชีวิตลงไป เช่น อาชีพในฝัน การเรียนต่ออุดมศึกษา ฯลฯ แต่พวกเธอได้แทนที่ด้วยความปรารถนาที่จับต้องได้ ความฝันของวัยรุ่นสก๊อยส่วนใหญ่จึงคล้ายกัน เช่นอยากสร้างบ้านของตัวเอง ผ่อนรถยนต์ ซื้อของแบรนด์เนม ปาร์ตี้ ออกเดินทางท่องเที่ยว ไปจนถึงทำศัลยกรรมอัพเกรดร่างกายตามสไตล์ของตัวเอง เป็นต้น

‘ทรงเจ้และทรงซ้อ’ เส้นทางชีวิตบั้นปลายของการเป็นสก๊อย อายุเฉลี่ยอยู่ที่ 25-35 ปี สก๊อยทรงซ้อมักจะมีความมั่นคงทางสถานภาพซึ่งหาแนวทางการใช้ชีวิต หรือการทำมาหากินให้กับตัวเองได้แล้ว ดังคำสัมภาษณ์นี้ “..ถ้าผมยาว ส่วนใหญ่จะเป็นทรงซ้อ ทรงเจ้ ความแตกต่างกันคือ พวกเจ้จะอายุไม่มาก พยายามโต แต่ซ้อคือโตแล้ว มีเงินซื้อของแบรนด์เนม ใส่ทอง หน้าตาสวย ๆ หน่อย ประมาณนั้น..” จะเห็นได้ว่าสก๊อยทรงเจ้และทรงซ้อแม้จะไม่ได้ประกอบอาชีพที่ต้องใช้แรงงานมากเท่าเดิมแล้ว แต่ยังต้องอาศัยร่างกายที่ปรับแต่งผ่านการศัลยกรรมใบหน้า หน้าอก และฉีดผิวขาวอันเป็นสัญลักษณ์ของการเติมเต็มตัวตนที่สมบูรณ์ภายใต้อุดมคติความสวยในวัฒนธรรมแว้น สก๊อย แม้สก๊อยทรงเจ้บางส่วนจะมีสถานะเมียน้อยแต่ก็มีอีกส่วนที่ทำงานค้าขายปกติและทำอาชีพเสริมโดยการรับงานโฆษณาสินค้าออนไลน์ และมีชีวิตรักกับแฟนหนุ่มเป็นปกติสุข ส่วนทรงซ้อจะมีร่างกายปรับแต่งแล้วเช่นเดียวกันแต่จะมีการใส่ทองบอกความร่ำรวยและมีลักษณะของความเป็นเมียหลวงที่ดูน่าเกรงขามพอ ๆ กับช่างยนต์ผู้เป็นสามีที่ส่วนใหญ่เป็นเจ้าของแก๊งหรือลูกชายเจ้าสัวทำธุรกิจห้างทอง ร้านขายอุปกรณ์การเกษตร รับเหมาก่อสร้าง ฯลฯ ที่มีฐานะมั่งคั่งจากมรดกครอบครัวและมักวัดความร่ำรวยกันผ่านวัตถุต่าง ๆ เช่น รถกระบะซิ่งตกแต่งเต็มคัน สร้อยทอง บ้านหลังใหญ่ นำมาเป็นสัญลักษณ์โอ้อวดกันในกลุ่มแก๊ง เช่นเดียวกับพวกชนชั้นกลางใหม่ที่ผู้ชายมักอวดรถหรู รถสปอร์ตและบ้านราคาหลายสิบล้านระหว่างกลุ่มเพื่อน

ดังนั้น ส่วนใหญ่วัยรุ่นสก๊อยทรงเจ้และทรงซ้อจึงเป็นเพียงคนกลุ่มน้อยที่หาตัวจับได้ยาก วัยรุ่นสก๊อยน้อยคนที่จะได้ขึ้นไปมีอำนาจทางการเงินอันส่งผลต่อการมีอิทธิพลภายในชุมชนได้ด้วยตัวเอง เช่น การรวมกลุ่มตั้งแก๊งในอาณาบริเวณหนึ่ง ๆ และมีอำนาจสั่งให้ใครเข้าออกในสถานบันเทิง อู่รถ หรือสถานที่รวมตัวกันของกลุ่มวัยรุ่นได้ นอกจากนี้ จากการศึกษาปัจจุบันยังปรากฎสก๊อยทรงซ้อประเภทที่ลงทุนทำธุรกิจด้วยตัวเองและสามารถหาเงินได้เป็นกอบเป็นกำอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะธุรกิจค้าขายออนไลน์ เช่าพระเครื่อง ร้านเสื้อผ้า ร้านอาหาร ทำให้สามารถลงทุนไปกับการทำศัลยกรรมมากขึ้น โดยสก๊อยทรงซ้อจะมีภาพลักษณ์ของความเป็นอิสระเสรี ออกทริปบ่อย ๆ เป็นเจ้าภาพงานบุญ ซึ่งเป็นที่ชื่นชมจากคนในวัฒนธรรมแว้น สก๊อยทั้งชายและหญิง มักจะมีบ้านที่กำลังสร้างหรือสร้างเสร็จใหม่ มีรถกระบะ รถเก๋งที่กำลังผ่อนอยู่ และมักออกตัวจัดปาร์ตี้ เลี้ยงเด็ก ๆ ในแก๊งตามงานต่าง ๆ ตามคำสัมภาษณ์ดังนี้

“..อย่างซ้อก้อยที่แกว่าหน้าเด็ก อายุเท่ากันอะ อันนี้ก็ทำ(ศัลยกรรม)มาเยอะนะ แต่เค้ามีครอบครัวไปแล้ว ลูกสองคน มีบ้านสองหลัง ส่วนซ้อบีมก็ขายพระเอาเงินไปให้แม่แกแลกได้บ้านหลังนี้แล้วต่อเติมให้หลังใหญ่ขึ้น จบ ทุกอย่างกลายเป็นของเค้า แต่สองคนนี้ไม่มีใครแต่งงานแบบทางการสักคนนะ เขาอยู่กินกันไปเรื่อย ๆ ..”[2]

นอกจากนี้ ความสัมพันธ์และชีวิตรักของวัยรุ่นสก๊อยทรงเจ้หรือทรงซ้อจะไม่ซับซ้อนนัก ความน่าสนใจอย่างหนึ่งที่ผู้ศึกษาค้นพบจากการลงพื้นที่ดังกล่าว คือทรงเจ้หรือทรงซ้อที่สะสมทุนได้มากมักจะมีความรักแบบสมหวังไปเลยหรือผิดหวังไปเลย ซึ่งความรักที่สมหวังสำหรับทรงเจ้ทรงซ้อจะวัดกันที่ ‘การแต่งงาน’ การแต่งงานของกลุ่มสก๊อยทรงซ้อที่ส่วนใหญ่มักจะคบกับผู้ชายรุ่นเดียวกันหรือแก่กว่าซึ่งจะต้องเอื้อประโยชน์ซึ่งกันและกันได้ เช่น ฝ่ายชายหาเงินมาลงทุนทำร้านค้าหรือใช้ฝีมือเปิดอู่แต่งรถขณะที่ฝ่ายหญิงก็ช่วยบริหารการเงิน เลี้ยงดูสมาชิกในครอบครัวหรือกลุ่มแก๊ง ทุกครั้งที่ผู้ศึกษาเดินเข้าไปสำรวจตามอู่รถและซุ้มแต่งรถในที่ต่าง ๆ มักจะได้พบกับหญิงสาวที่อุ้มลูกออกมาพูดคุย ขายของ ไปจนถึงตอบข้อความกับลูกค้าออนไลน์เพื่อขายอะไหล่หรือนัดแนะแต่งรถอย่างช่ำชอง ส่วนผู้ชายก็มีหน้าที่ลงแรงตกแต่ง ซ่อมแซมรถ และไปสังสรรค์กับเพื่อนบ้างตามโอกาส ดังนั้น สก๊อยทรงเจ้กับทรงซ้อจึงต้องการสถานะความสัมพันธ์ที่ชัดเจนมากกว่ากลุ่มอื่นเพราะต้องการแต่งงาน จดทะเบียนอย่างถูกต้องตามกฎหมาย อย่างไรก็ตาม ยังมีสก๊อยทรงเจ้อีกส่วนที่ยังไม่สมหวังหรือในบางกรณีจะเป็นฝ่ายส่งเสียเลี้ยงดูผู้ชายเสียเอง โดยกรณีศึกษาทรงเจ้สองคนนั้นมีลักษณะที่คล้ายกันคือ ผมยาว ผิวขาว และทำศัลยกรรมใบหน้า คนแรกเป็นเมียเก็บช่างที่อายุมากแล้วแต่มีชื่อเสียงในการซิ่งรถและมีอำนาจพอสมควรในพื้นที่วัฒนธรรม แต่เธอต้องการมีตัวตนในชีวิตฝ่ายชายมากเกินไปทำให้ไม่สมหวังกับความรัก อีกหนึ่งกรณีคือสก๊อยทรงเจ้ที่มีแฟนเป็นเด็กแว้นอายุน้อยกว่าหลายปี ฝ่ายหญิงทำงานข้าราชการครู และผู้ศึกษาได้มีโอกาสไปร่วมงานขึ้นบ้านใหม่ซึ่งเป็นผลจากการเก็บออมผ่อนรถ สร้างบ้านเพื่อเตรียมตัวเป็นเจ้าสาว อย่างไรก็ตาม ทางผู้ใหญ่ฝ่ายชายไม่ค่อยเห็นด้วยกับการแต่งงานของทั้งคู่เพราะพึ่งคบหากันได้ไม่นาน ผู้ใหญ่จึงออกอุบายพิสูจน์ความรักของทั้งคู่ โดยให้ผู้ชายไปบวชก่อนเป็นเวลาสามเดือน สิ่งที่น่าสนใจศึกษาต่อ คือ การบวชเพื่อพิสูจน์ความรักเป็นเรื่องที่ทำกันแพร่หลายในพื้นที่และส่วนใหญ่ผู้หญิงเองมักจะเป็นฝ่ายอดทนรอไม่ไหวและเลิกรากันไปเพื่อคบหาผู้ชายคนใหม่ที่ถูกใจกว่า

โดยสรุปแล้ว ร่างกายของวัยรุ่นสก๊อยทรงเจ้หรือทรงซ้อ เป็นร่างกายในอุดมคติที่พัฒนามาอย่างสบมบูรณ์ทั้งประสบการณ์ การสะสมทุน และทางเลือกในชีวิตที่มั่นคงเป็นรูปธรรมมากกว่าวัยรุ่นสก๊อยกลุ่มอื่น ๆ ดังนั้น ร่างกายของวัยรุ่นหญิงกึ่งเมืองกึ่งชนบทจึงเป็นวัตถุดิบก่อนการเกิดผลงานสร้างสรรค์ทางเรือนร่างของมนุษย์ ที่ยังสร้างไม่เสร็จเรียบร้อยแต่เป็นเพียงแค่หน่วยหรือจุลภาคที่ต้องถูกพัฒนาต่อให้สมบูรณ์ด้วยการปรับแต่งเพื่อให้ได้รับการยอมรับและสร้างโอกาสจากสภาวะเศรษฐกิจ การเมือง สังคม และวัฒนธรรมที่แพร่กระจายอำนาจภายใต้กรอบเกณฑ์ในแต่ละพื้นที่ (อุ่นใจ เจียมบูรณะกุล, 2547:3-4) ร่างกายของวัยรุ่นสก๊อยจึงเปรียบเมือนกับโครงร่างกายภาพ (body project) ที่อยู่ในภาวะของการกำลังกลายเป็นสิ่งอื่น ในที่นี้หมายถึงร่างในอุดมคติอย่างทรงเจ้หรือทรงซ้อ จึงเกิดความปรารถนาในการลงทุนปรับแต่งร่างกายไปในทิศทางเดียวกันซึ่งเป็นวิถีหนึ่งในการสร้างตัวตนของเจ้าของร่างกายที่ตระหนักถึงความสามารถในการควบคุม ใช้ประโยชน์จากร่างกายของตนให้สามารถจัดการบางอย่างได้ เช่น ขนาดและรูปลักษณ์ของร่างกาย การจัดการร่างกายอย่างเป็นระบบเช่นนี้จึงเป็นไปเพื่อทำให้ร่างกายสอดรับกับจินตาการและความต้องการที่ไม่ได้หลุดออกจากความคาดหวังทางสังคมและเป็นมากกว่าการแสดงออกถึงความเป็นปัจเจกบุคคลเสรีของตนเพียงอย่างเดียวแต่มีความสอดคล้องกลับประสบการณ์ชีวิตในพื้นที่ทางวัฒนธรรมของสังคมกึ่งเมืองกึ่งชนบทที่หล่อหลอมวัยรุ่นจำนวนมากให้ความปรารถนาถูกจำกัดเหลือเพียงการใช้ร่างกายและทุนเพื่อแลกมาซึ่งอำนาจที่หมายถึงความเท่าเทียม อิสรภาพและความสะดวกสบายในชีวิตเช่นเดียวกับคนชนชั้นอื่น ๆ ในสังคมนั่นเอง


อ้างอิงจาก :

ณัฐมน สะเภาคำ. (2564). การเมืองเรื่องร่างกายและการสร้างภาพตัวแทนวัยรุ่นสก๊อยออนไลน์. สังคมศาสตร์สาขาสตรีศึกษาและเพศภาวะ บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยเชียงใหม่, เชียงใหม่.

บุษบงก์ วิเศษพลชัย. (2558). อัปสรากลางไฟ: อัตวิสัย พื้นที่ และประสบการณ์ผัสสะ ในชีวิตประจำวันของผู้หญิงบาร์ชาวกัมพูชา. สังคมวิทยาและมานุษยวิทยามหาบัณฑิต มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์, กรุงเทพฯ.

อุ่นใจ เจียมบูรณะกุล. (2547) วาทกรรม ความสวย อัตลักษณ์วัฒนธรรมการบริโภค : กรณีศึกษานักศึกษาหญิงมหาวิทยาลัยเชียงใหม่. บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยเชียงใหม่.

[1] สัมภาษณ์แมงป่อง วันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2564

[2] สัมภาษณ์ไบรท์ วันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2564


เกี่ยวกับผู้เขียน  
ณัฐมน สะเภาคำ (ป๊อบปี้): นักวิจัยสตรีศึกษา และผู้ร่วมก่อตั้ง Young Pride Club กลุ่มเยาวชนผู้มีความหลากหลายทางเพศในเชียงใหม่

นักวิชาการอิสระสายสตรีนิยม และผู้ร่วมก่อตั้ง Sapphic Pride(QUEER FEMINIST COMMUNITY) จบปริญญาโทจากศูนย์สตรีศึกษาและเพศภาวะ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ปัจจุบันเป็นนักศึกษาปริญญาเอกสาขา Asian Language and Culture ที่ University of Wisconsin-Madison ประเทศสหรัฐอเมริกา

ณัฐมน สะเภาคำ
ณัฐมน สะเภาคำ
นักวิชาการอิสระสายสตรีนิยม และผู้ร่วมก่อตั้ง Sapphic Pride(QUEER FEMINIST COMMUNITY) จบปริญญาโทจากศูนย์สตรีศึกษาและเพศภาวะ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ปัจจุบันเป็นนักศึกษาปริญญาเอกสาขา Asian Language and Culture ที่ University of Wisconsin-Madison ประเทศสหรัฐอเมริกา

More like this
Related

บทเรียนจากหอยมินามาตะ ถึงปลาน้ำกก รัฐยืนยันปรุงสุก-กินได้ แต่ระยะยาวปลอดภัยแค่ไหน?

เรื่อง: สุพศิน สุทธิวรวิทย์ 12 กันยายน 2568  กรมประมงร่วมกับสำนักงานประมงอำเภอแม่อาย รายงานผลตรวจสัตว์น้ำจากแม่น้ำกก จังหวัดเชียงใหม่ โดยสุ่มเก็บตัวอย่างจากหลายจุดในพื้นที่อำเภอแม่อาย...

แรงงานภาคเหนือ ยื่นข้อเสนอถึงกระทรวงแรงงาน ‘Decent Work’ เรียกร้องยกระดับคุณภาพชีวิตแรงงาน

24 ตุลาคม 2568 ที่ศาลากลางจังหวัดเชียงใหม่ เครือข่ายแรงงานภาคเหนือเข้ายื่นหนังสือข้อเสนอ Decent Work หรือ งานที่มีคุณค่า...

สิ่งมีชีวิตที่เรียกว่า ‘เห็ด’ CAC ชวนร่วมกิจกรรมปิดท้าย ‘FUNGI IN YOUR HEADLIGHTS’

พบศิลปิน อานนท์ นงเยาว์ และ NooN Collectiveเสาร์ที่ 25 ตุลาคมนี้ ณ...

‘บ้านหนองเต่า’ รักษาป่า รักษาวิถีชีวิต ท่ามกลางปัญหาสิทธิที่ดิน

เรื่อง: รัญชิดา อาริกุล ‘บ้านหนองเต่า’ ตำบลแม่วิน อำเภอแม่วาง จังหวัดเชียงใหม่ เป็นหมู่บ้านเล็กๆ ของชาวกะเหรี่ยง หรือ...