18 ธันวาคม วันแรงงานย้ายถิ่นฐานสากล

Date:

19 ธันวาคม 2565 

เมื่อวันที่ 18 ธันวาคมที่ผ่านมา เครือข่ายแรงงานภาคเหนือ จัดกิจกรรม “แรงงาน = คน : เราทุกคนที่ย้ายถิ่นไม่ใช่คนอื่น” ณ ลานประตูท่าแพ จังหวัดเชียงใหม่ ตั้งแต่เวลา 17.40 – 20.00 น. เนื่องในวันแรงงานย้ายถิ่นฐานสากล


ภายในงานมีการแสดงจากภาคีเครือข่าย อาทิ การแสดงเต้นรำเปิดงานโดยเยาวชนลูกหลานแรงงาน ลำพูน , การแสดงเต้นโดย มูลนิธิการศึกษาประกายแสง , การแสดงแร็ปจากแร็ปเปอร์กลุ่มชาติพันธ์ นำแสดงโดย Triple H , การแสดงแฟชั่นโชว์ เดินแบบที่เล่าประวัติศาสตร์คนทำงานผลัดถิ่นของประเทศไทย 


แสดง 18:11 น. การแสดงละคร ‘เราต้องการรัฐสวัสดิการ’ นำแสดงโดยแรงงานผลัดถิ่น นำเสนอภาพความลำบากของวิถีชีวิตแรงงานผลัดถิ่น และขาดสวัสดิการช่วยเหลือจากรัฐ ความยากลำบากในการทำงานและชีวิตที่ต้องเผชิญกับความไม่แน่นอน เวลาเจ็บป่วยไม่ได้รับการช่วยเหลือ เนื่องจาก ไม่มีประกันสังคม เจ็บป่วยก็ไม่ได้รับการเอาใจใส่อย่างที่ควรเป็น ค่าแรงการจ้างงานก็ไม่แน่นอน แรงงานหญิงรายได้น้อยกว่าแรงงานชาย ทั้งนายจ้างยังใช้ช่องว่างต่าง ๆ ในการเอาเปรียบแรงงานของตน จึงเรียกร้องถึงความต้องการรัฐสวัสดิการแรงงาน 


เวลา 18:55 น. วิดีโอ ‘แรงงานเคลื่อนย้ายไม่ใช่คนอื่น’ ที่เล่าถึงประวัติศาสตร์ของการเคลื่อนย้ายแรงงานผลัดถิ่นโดยย้อนอดีตถึงการเข้ามาของแรงงานผลัดถิ่นต่าง ๆ ไทยเริ่มตั้งแต่รัชสมัยที่พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวครองราชสมบัติ คือการเข้ามาของแรงงานชาวจีน และสาเหตุของการเคลื่อนย้ายประชากรแรงงาน และเสนอความต้องการของแรงงานที่ย้ายเข้ามาว่าการเข้ามาของแรงงานผลัดถิ่นนั้นเป็นเรื่อง “ปกติ” หากแต่การดูถูกแรงงานผลัดถิ่นโดยเฉพาะสามจังหวัดคือ ลาว พม่าและกัมพูชานั้นต่างหากคือความ “ผิดปกติ” ร่วมกันสร้างความเข้าใจใหม่ให้แก่สังคมเกี่ยวกับแรงงานผลัดถิ่น


โดยมี Talk show จากแรงงานต่างชาติ 3 คน ที่มาร่วมแบ่งปันความรู้ ประสบการณ์และความรู้สึกร่วมกันภายในงาน

Brahm Press ผู้อำนวยการมูลนิธิ Map Foundation กล่าวว่าภาวะโยกย้ายนั้นเป็นธรรมชาติของมนุษย์ เป็นสิ่งที่เราทำอย่างต่อเนื่องเป็นเวลาหลายปีโดยไม่มีหยุด ผู้คนนั้นอยากโยกย้ายเพื่ออยากหาอะไรต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นโอกาสใหม่ๆ หางานทำ หาประสบการณ์ หนึความยากจน และการกดขี่ภายในประเทศ หลายคนก็เคยถูกบังคับให้ต้องโยกย้าย แรงงานที่โยกย้ายเข้ามานั้นเป็นแรงงานที่เข้ามาเพื่อหางานเท่านั้นหรืออาจจะมีสาเหตุอื่นที่ทำให้เขาต้องโยกย้ายเข้ามา ปัญหาคือการโยกย้ายไม่ถูกยอมรับในประเทศไทยและมีนโยบายควบคุมไม่ให้แรงงานมีอิสรภาพ ดังนั้นแรงงานที่เข้ามาจะได้รับสิทธิ์ใดๆบ้างที่เป็นชั่วคราวหรือถาวร


Liz hilton แรงงานชาวต่างชาติชาวออสเตรเลีย กล่าวว่าตนถูกเรียกว่าฝรั่ง แต่จากในคลิปพอดูในเอกสารก็ถูกหาว่าเป็นต่างด้าว การย้ายถิ่นเป็นเรื่องธรรมชาติ เรานั้นถูกแบ่งแยกมาตั้งแต่เกิดทำให้เราได้รับการปฏิบัติที่ไม่เหมือนกัน จากกรณีที่รัฐไม่สนับสนุนให้รายได้แก่ผู้หญิงที่ทำงานบ้าน กรณีที่ผู้หญิงที่เข้ามาทำงานไม่ได้รับความปลอดภัยในการทำงาน หรือแม้แต่ผู้ลี้ภัยจากพม่าที่ไม่ได้รับการต้อนรับ ทั้งที่ไม่มีใครวางแผนที่จะทำอะไรไม่ดี ดังนั้นLizเสนอว่า การย้ายถิ่นไม่ใช่ปัญหาแต่เป็นการแก้ปัญหา เราเกิดมาเหมือนกันทำไมต้องมีการแบ่งแยกกัน ใครได้อะไรจากการแบ่งแยกนี้ หากวันหนึ่งทุกคนร่วมมือกันปฏิเสธความไม่ยุติธรรม การเลือกปฏิบัติ การแบ่งแยก เขาจะแพ้และเราจะชนะ คิดว่าการย้ายถิ่นเป็นเรื่องธรรมชาติ เรากำลังจะย้ายถึงจุดร่วมกันที่เราจะไม่แบ่งแยกว่าเป็นพวกไหน แต่เรามีแค่หนึ่งพวกที่เป็นพวกเรา    


nan saw yin แรงงานท้องถิ่นในเชียงใหม่ กล่าวว่าตนนั้นเป็นคนลางเคอ เหตุผลที่เข้ามาในไทยเพราะตนไม่มีงานทำ รายได้ไม่เพียงพอในการยังชีพ และได้เห็นว่าเชียงใหม่เป็นเมืองที่เจริญกว่า สภาพที่ดีกว่า มีงานให้ทำ มีรายได้ที่เพียงพอ เพื่อให้สภาพครอบครัวดีขึ้นจึงต้องเข้ามาทำงานที่เชียงใหม่และอยากให้ลูกได้โตมาในสังคมที่ดี แต่คนเชียงใหม่กลับมองว่าเราเป็นคนอื่น เราต้องการชีวิตที่ดี แต่ถูกมองว่าเป็นต่างด้าวที่เข้ามาแย่งงาน ตนได้ถูกเลือกปฏิบัติเพราะเป็นคนพม่า ถูกกีดกันเรื่องอาชีพ ลูกถูกมองว่าเป็นลูกของแรงงานย้ายถิ่น ถูกปิดกั้นเรื่องข่าวสาร สิ่งเหล่านี้ทำให้เราถูกแบ่งแยก สุดท้ายเราแค่อยากมีชีวิตเหมือนคนอื่นและมีคุณภาพชีวิตที่ดี


ภายในงานมีการจัดบูทให้ความรู้และกิจกรรม อาทิ บู๊ทแคมเปญลงชื่อสิทธิแก่ผู้ถูกกระทำจากความอยุติธรรม จาก Amnesty international thailand , บู๊ทกิจกรรมให้ความรู้เรื่องแม่ควรได้รับเงินเดือนจากการทำงานบ้าน และบู๊ทให้ความรู้จาก Map Foundation เรื่องการให้ความรู้สร้างเสริมสุขภาพเพื่อห่างไกลจากโรค 5 โรค


มีการอ่านแถลงการณ์เนื่องในวันย้ายถิ่นสากล จาก เครือข่ายแรงงานภาคเหนือ เนื้อหาว่า

‘วันที่ 18 ธันวาคม ของทุกปี ถือเป็นวัน “วันแรงงานข้ามชาติสากล” (International Migrants Day) เป็นวันที่องค์การสหประชาชาติได้จัดทำอนุสัญญาว่าด้วยการคุ้มครองแรงงานข้ามชาติและครอบครัว ค.ศ. 1990  เพื่อให้แรงงานข้ามชาติในประเทศต่างๆ ได้รับการคุ้มครองสิทธิทั้งสิทธิมนุษยชนและสิทธิเป็นแรงงาน ด้วยหลักการที่จะให้ทุกประเทศและทุกฝ่ายตระหนักถึงสิทธิของแรงงานข้ามชาติที่ต้องอพยพจากประเทศต้นทางไปทำงานยังประเทศปลายทางให้ได้รับการปฏิบัติที่เป็นธรรมจากรัฐบาลและทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง โดยไม่มีการเลือกปฏิบัติด้วยความแตกต่างเรื่องเชื้อชาติ ศาสนา สีผิว และเพศสภาพใด ๆ

การอพยพเคลื่อนย้ายของแรงงานจากประเทศหนึ่ง ไปยังอีกประเทศหนึ่ง เพื่อทำงานเป็นเรื่องปกติที่เกิดขึ้นมานาน ทั่วโลก โดยได้มีการแบ่งสาเหตุของการเคลื่อนย้ายแรงงานไว้ 4 สาเหตุหลักด้วยกัน คือ

1. หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 แรงงานจากประเทศที่เศรษฐกิจต่ำกว่า ด้อยพัฒนากว่า จะย้ายตัวเองไปทำงานในประเทศที่มีเศรษฐกิจดีกว่า

2. การเคลื่อนย้ายไปประเทศอื่น เพราะสงครามหรือความขัดแย้งภายในภายประเทศตัวเอง

3. การถูกย้ายไปเป็นแรงงานในประเทศเจ้าอาณานิคมซึ่งเกิดขึ้นในสมัยยุคล่าอาณานิคม


4. การอพยพเคลื่อนย้ายไปเป็นแรงงานในประเทศอื่น เพราะภัยธรรมชาติ หรือความขาดแคลนจากประเทศตนเอง และในช่วงปัจจุบันการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศ หรือ climate change ก็เป็นเงื่อนไขสำคัญที่ทำให้คนทั่วโลกต้องเคลื่อนย้ายออกจากถิ่นฐานของตัวเอง จากรายงานของ Oxfam ระบุว่า ทุกๆ ปีจะมีประชากรทั่วโลกว่า 20 ล้านคน ที่ต้องอพยพออกจากถิ่นฐานของตัวเอง เพราะปัญหา climate change ซึ่งคนกลุ่มนี้มีทั้งที่อยู่ในฐานะผู้ลี้ภัย และย้ายตัวเองไปตั้งรากฐานใช้ชีวิตทำงานในประเทศอื่น

ในประเทศไทย การย้ายถิ่นของแรงงานจากประเทศต่าง ๆ ที่เข้ามาทำงานในประเทศไทยมีมานาน โดยการใช้แรงงานข้ามชาติในลักษณะการ “ว่าจ้าง” ในยุคแรกเกิดขึ้นในรัชกาลที่ 3 ช่วงทศวรรษ 2370 ทุก ๆ จะมีแรงงานจากภาคใต้ของจีนเข้ามาทำงานในไทยราว 6,000 – 8,000 คน เข้ามาทำงานรับจ้างในประเทศไทย เพราะประเทศไทยมีความต้องการแรงงานสูง ทำให้มีคนจีนอพยพเข้ามาทำงานในไทยเพิ่มขึ้นทุกปี


หลังทศวรรษ 2500 ประเทศไทยเริ่มปรับตัวเองสู่การเป็นประเทศอุตสาหกรรม ความต้องการแรงงานจึงทวีจำนวนมากยิ่งขึ้น รัฐบาลไทยจึงเริ่มมีนโยบายอนุญาตให้จ้างแรงงานข้ามชาติจากประเทศเพื่อนบ้าน โดยเริ่มให้มีการจ้างแรงงานข้ามชาติจากประเทศพม่าในพื้นที่จังหวัดชายแดนไทย-พม่า หลังจากนั้นจึงได้เปิดให้มีการจ้างแรงงานข้ามชาติเพิ่มขึ้นเป็น 4 สัญชาติ คือ พม่า ลาว กัมพูชา และเวียดนาม ปัจจุบันมีตัวเลขการจ้างแรงงานข้ามชาติ 3 สัญชาติที่ถูกกฎหมายกว่า 2.5 ล้านคน โดยร้อยละ 80 ของแรงงานเหล่านี้เป็นแรงงานข้ามชาติจากพม่า ที่เหลืออีก 20 เปอร์เซ็นต์ คือ แรงงานจากกัมพูชา ลาว และเวียดนาม

ในโอกาสนี้ เครือข่ายแรงงานภาคเหนือ จึงได้มีข้อเสนอต่อรัฐบาล และหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้เกิดการแก้ไขปัญหาที่แรงงานข้ามชาติเผชิญอยู่ในปัจจุบัน ซึ่งนอกจากเรื่องการคุ้มครองทางกฎหมายที่มีอยู่แล้ว ยังต้องมุ่งเน้นให้เกิดการเคารพสิทธิมนุษยชนด้วย ดังนี้

1. รัฐบาลต้องรับรองอนุสัญญา ILO ฉบับที่ 87 ว่าด้วยเสรีภาพในการสมาคมและการคุ้มครองสิทธิในการรวมตัว ฉบับที่ 98 ว่าด้วยสิทธิในการรวมตัวและการเจรจาต่อรอง ฉบับที่ 189 ว่าด้วยงานที่มีคุณค่าสำหรับลูกจ้างทำงานบ้าน และอนุสัญญา ILO ฉบับที่ 190 ว่าด้วยการต่อต้านความรุนแรงและการล่วงละเมิดในโลกแห่งการทำงาน

2. รัฐบาลต้องกำหนดนโยบายการบริหารจัดการด้านแรงงานข้ามชาติอย่างเป็นระบบและเป็นแผนนโยบายระยะยาว 5 ปี หรือ 10 ปี โดยต้องกำหนดนโยบายที่เป็นไปตามหลักสิทธิมนุษยชน ไม่มีการเลือกปฏิบัติ มีความโปร่งใสและเป็นธรรม และการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วน

3. รัฐบาลต้องปรับปรุงระบบประกันสังคมโดยออกกฎกระทรวงกำหนดให้แรงงานทุกคน ทุกอาชีพเข้าสู่ระบบประกันสังคมอย่างเท่าเทียม ไม่เลือกปฏิบัติ

4. รัฐบาลต้องแก้ไขปัญหาการจ้างงานยืดหยุ่น เสี่ยง และไม่มั่นคง (precarious work) รวมถึงการจ้างงานบนแพลตฟอร์มที่บริษัทพยายามหลีกเลี่ยงความรับผิดชอบในฐานะนายจ้าง โดยรัฐต้องไม่ตีความแรงงานแพลตฟอร์มเป็นคนงานอิสระหรือแรงงานนอกระบบตามที่บริษัทพยายามกล่าวอ้าง เพื่อแก้ไขปัญหาการจัดการหมวดหมู่สถานะจ้างงานผิดประเภท (misclassification)

5. รัฐบาลต้องยกเลิกพ.ร.บ. ป้องกันและปราบปรามการค้าประเวณี  และให้แก้ไขปรับปรุงพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน 2541 ให้คุ้มครองคนทำงานทุกกลุ่มทุกอาชีพ อาทิ พนักงานบริการ คนงานทำงานบ้าน แรงงานนอกระบบ แรงงานในภาคเกษตรที่ไม่มีการจ้างงานกันตลอดทั้งปี’

สุดท้ายการแสดงวัฒนธรรม โดย บีม มูลนิธิประกายแสง ก่อนปิดกิจกรรม

ทีมข่าวที่ประกอบไปด้วยผู้คนหลากหลาย บ้างก็มาจากทะเล บ้างก็มาจากภูเขา แต่สุดท้ายก็ลงเอยที่ภาคเหนืออยู่ที่ Lanner นี่แหละ...

กองบรรณาธิการ
กองบรรณาธิการ
ทีมข่าวที่ประกอบไปด้วยผู้คนหลากหลาย บ้างก็มาจากทะเล บ้างก็มาจากภูเขา แต่สุดท้ายก็ลงเอยที่ภาคเหนืออยู่ที่ Lanner นี่แหละ...

More like this
Related

เมืองโต ทางเท้าหด ความสะดวกอยู่ที่ไหน เมื่อกฎหมายให้รถสำคัญกว่าคน 

เรื่อง: ปาลินี พันสว่าง การเดินเท้าเป็นวิถีชีวิตดั้งเดิมของมนุษย์ แต่ในปัจจุบันเมืองขยายตัวอย่างรวดเร็ว พื้นที่ทางเดินที่เคยกว้างขวางหลายแห่งถูกแทนที่ด้วยอาคารและถนน การเดินทางของผู้คนจึงหันไปพึ่งพารถยนต์หรือจักรยานยนต์เป็นหลัก ทำให้การวางแผนเมืองลดความสำคัญของทางเท้า ทั้งที่ในชีวิตประจำวัน ผู้คนยังต้องเดินบนทางเท้าอยู่ดี แม้...

เชียงใหม่รวมพลังเครือข่าย “เปิดโลกคนไร้บ้าน” ขับเคลื่อนระบบคุ้มครองคนไร้ที่อยู่อาศัยอย่างยั่งยืน

เมื่อวันที่ 20 ตุลาคม 2568 ที่ลานประตูท่าแพ อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ คณะทำงานคนไร้บ้านเมืองเชียงใหม่ ร่วมกับหน่วยงานภาครัฐและภาคีเครือข่าย...

ไร้ความคืบหน้า ประชาชนลุ่มน้ำกก-สาย-รวก-โขง ร้องรัฐเร่งแก้ปัญหามลพิษเหมืองเมียนมา

21 ตุลาคม 2568 สืบสกุล กิจนุกร โพสต์เฟซบุ๊กเรียกร้องความคืบหน้าการแก้ไขปัญหาการปนเปื้อนสารโลหะหนักในแม่น้ำกก-สายรวก-โขงจากเหมืองแร่ในเมียนมา โดยระบุถึงนายกรัฐมนตรี อนุทิน ชาญวีรกุล...