คนเหนือเดือนตุลา: การรำลึกถึง “คนเดือนตุลา” และชาวไร่ชาวนาที่มักถูกหลงลืม

Date:

เรื่อง: สุรยุทธ รุ่งเรือง
ภาพ: ปรัชญา ไชยแก้ว



รศ.ดร.ขวัญชีวัน บัวแดง คณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ พูดถึงขบวนการชาวนาชาวไร่ภาคเหนือ ที่เป็นขบวนการที่เชื่อมกับนิสิตนักศึกษา ภาพรวมของขบวนการนักศึกษาเดือนตุลาฯ โดยมีประเด็นที่พูดถึงทั้งหมด 4 ประเด็นคือ คือ 1.การรำลึกถึงเหตุการณ์ 14 ตุลาคม พ.ศ. 2516 และ 6 ตุลาคม พ.ศ. 2519 ที่สมควรต้องนึกถึงขบวนการชาวนาชาวไร่ด้วย 2.ทำไมถึงต้องทำความเข้าใจในการต่อสู้ของขบวนการชาวนาชาวไร่ภาคเหนือ 3.การเชื่อมประสานการต่อสู้ของนิสิตนักศึกษากับชาวนา และ 4.ผลกระเทือนของขบวนการเคลื่อนไหว

ถ้าย้อนกลับไปในช่วงเหตุการณ์ 14 ตุลาคม พ.ศ.2516 ประเทศไทยในตอนนั้นยังนับว่าเป็นประเทศที่มีโครงสร้างหลักเป็นภาคชนบท กว่า 80% ของพลเมืองในประเทศประกอบอาชีพเกษตรกร แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังประสบพบเจอกับความยากลำบาก จากการถูกขูดรีดที่ดินทำกิน การเช่าพื้นที่ทำนา เป็นวัฏจักรที่ชาวนาชาวไร่ในยุคสมัยนั้นต้องเผชิญ จนเกิดการตื่นตัวขึ้นของชาวนาชาวไร่ เกิดเป็นการเคลื่อนไหวในช่วงปีพ.ศ.2516

ภายหลังชัยชนะของนิสิตนักศึกษาในเดือนตุลาคม การเคลื่อนไหวเรียกร้องของชาวนาชาวไร่ก็ทวีความเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ รวมถึงมีการแต่งตั้งตัวแทนชาวนาชาวไร่ในจังหวัดต่างๆ แต่ก็ยังไม่มีอำนาจหารือต่อรองกับรัฐบาลเพื่อแก้ไขปัญหาต่างๆ ได้อย่างเด็ดขาด จึงได้นำมาสู่การก่อตั้งองค์กรของชาวนาขึ้นอย่างเป็นทางการในวันที่ 6 ธันวาคม พ.ศ. 2517 โดยใช้ชื่อว่า “สหพันธ์ชาวนาชาวไร่แห่งประเทศไทย” โดยมี นายใช่ วังตะกู เป็นประธานสหพันธ์ในตอนนั้นเอง

“ชาวนาชาวไร่” คนเดือนตุลาอีกกลุ่มที่ไม่ถูกนับ


(ภาพ: บันทึก 6 ตุลา ผู้นำชาวนา 8 รายและนักศึกษา 1 ราย เดินทางมาพบกับผู้ชุมนุมที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ ภายหลังได้รับการปล่อยตัวจากการถูกกวาดล้างจับกุมในเดือนสิงหาคม 2518)

ประเด็นแรก ภาพรวมของการรำลึกเหตุการณ์ 14 ตุลาคม พ.ศ.2516 และ 6 ตุลาคม พ.ศ.2519 มีการงานรำลึกถึงเหตุการณ์นี้เป็นจำนวนมากและยิ่งใหญ่ขึ้นเนื่องคนรุ่นใหม่เองก็หันมาให้ความสนใจและเข้าร่วมมากขึ้น ซึ่งทำให้มีงานวิชาการจำนวนมากขึ้นตามมา จากการรวบรวมข้อมูลจากแหล่งข้อมูลเช่นหอจดหมายเหตุธรรมศาสตร์ หรือโครงการบันทึก 6 ตุลา นอกจากนั้นคนเดือนตุลา ที่ในปัจจุบันก็เป็นวัยปลดเกษียณ จึงมีเวลาให้มารำลึก รวมตัวจัดกิจกรรมต่างๆ มากขึ้น

การรำรึกขบวนการเคลื่อนไหว 14 ตุลา และ 6 ตุลา นำมาซึ่งการพูดถึงชื่อ “คนเดือนตุลา” ที่มักจะใช้เรียกถึงนิสิตนักศึกษาที่อยู่ในเหตุการณ์ ณ ช่วงเวลานั้น และกลายมาเป็นบุคคลสำคัญ มีตำแหน่งต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นนักวิชาการ รัฐมนตรี และรวมไปถึงรองนายกรัฐมนตรีในปัจจุบัน แต่ “คนเดือนตุลา” กลับไม่ได้ควบรวมชาวนาชาวไร่ในช่วงเวลาเดียวกันแต่อย่างใด และการพูดถึงเหตุการณ์เดือนตุลา ที่มักจะถูกพูดถึงในพื้นที่ของส่วนกลางหรือในกรุงเทพฯ และไม่ค่อยเป็นที่พูดถึงส่วนภูมิภาคอื่นๆ มากเท่าไรนัก

อย่างไรก็ตาม ตามคำพูดของ สมชาย หอมลออ ในการอภิปรายนำ 50 ปี 14 ตุลา เมื่อวันที่ 11 กันยายนที่ผ่านมาได้กล่าวไว้ว่า “ขบวนการ 14 ตุลา หรือที่เรียกกันว่า คนเดือนตุลา คงต้องหมายถึงกลุ่มคนหนุ่มสาว กรรมกร ชาวนา และประชาชนด้วย” รวมไปถึงการจัดงานรำลึกสหพันธ์ชาวนาชาวไร่ที่มีบ่อยครั้งขึ้นในปัจจุบันเนื่องจากความเชื่อมโยงกับการเคลื่อนไหวในปัจจุบันอย่างสหพันธ์เกษตรกรภาคเหนือ  

อุดมการณ์ “ที่ดินต้องอยู่กับผู้ถือคันไถ” ความสำคัญของการเคลื่อนไหวจากเกษตรกร

ในประเด็นถัดมา รศ.ดร.ขวัญชีวัน กล่าวถึงความสำคัญในการรำลึกถึงและความเข้าใจในขบวนการชาวนาชาวไร่ และการตั้งสหพันธ์ชาวนาชาวไร่ในในประเทศไทยในปี พ.ศ.2517 เนื่องจากเป็นขบวนการที่มีความแตกต่างจากขบวนการขบถต่างๆ ที่เกิดขึ้นในอดีต มีลักษณะของการเคลื่อนไหวที่มีระบบระเบียบและมีลักษณะการเรียกร้องในระดับโครงสร้างอย่างชัดเจน ด้วยอุดมการณ์ “ที่ดินต้องอยู่กับผู้ถือคันไถ” นำไปสู่แนวคิดการจัดตั้งโครงสร้างสมัยใหม่ในหลายระดับ ไม่ว่าจะเป็นสหพันธ์ระดับประเทศ ระดับภาค ไปจนถึงระดับตำบล ซึ่งถึงเป็นการวางโครงสร้างการเคลื่อนไหวแบบสมัยใหม่ครั้งแรกๆ ในประวัติศาสตร์ รวมถึงการเรียกร้องให้รัฐออกกฏหมายเรื่องค่าเช่านา ซึ่งในช่วงนั้นเป็นประเด็นที่ใหญ่มาก 

“เฉพาะเชียงใหม่ในปีพ.ศ.2513 พื้นที่นาที่ให้เช่าเป็น 35% ของพื้นที่ทำนาทั้งหมด หมายถึงว่า 1 ใน 3 ของพื้นที่เป็นของเจ้าที่ดิน แล้วสัดส่วนชาวนาเช่ามีเกือบ 40%”

ชาวนาชาวไร่ที่เข้าร่วมเป็นสมาชิกสหพันธ์ชาวนาชาวไร่ภาคเหนือมีจำนวนมากกว่าหนึ่งแสนครอบครัว ส่วนใหญ่อยู่ในเขตจังหวัดเชียงใหม่ ลำพูน ลำปาง เชียงราย (รวมพะเยา) และแม่ฮองสอน ประเด็นปัญหาที่สำคัญคือ ปัญหาค่าเช่านา ที่นาในภาคเหนือมีขนาดเล็กและกระจุกตัวอยู่ในมือเจ้าหน้าที่ดินส่วนน้อยซึ่งเป็นเชื้อสายเจ้าเมือง และนายทุน โดยตัวเลขในปี พ.ศ.2513 เฉพาะจังหวัดเชียงใหม่ พื้นที่นาที่ให้เช่ามีขนาดร้อยละ 35.1 ของพื้นที่เกษตรทั้งหมด สัดส่วนของชาวนาเช่าบางส่วนร้อยละ 39.4 ของชาวนาทั้งหมด นอกจากนี้ยังมีปัญหาการแย่งยึดที่ดินสารธารณะปัญที่ดินทำกิน ปัญหาการกดราคากรณีใบยาสูบ และเหมืองแร่

โครงงานชาวนา การผนึกกำลังเคลื่อนไหวของคนสองกลุ่ม

ศูนย์กลางนักศึกษาภาคเหนือ เป็นการทำงานร่วมกันกับสถาบันต่างๆ อย่างวิทยาลัยครู มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ซึ่งทำงานอย่างใกล้ชิด เมื่อมีคนเข้ามาทำงานขึ้นก็กลายเป็นการตั้งโครงงานชาวนา ผู้ปฏิบัติงานเหล่านี้ทำหน้าที่ช่วยดูแลชาวนาที่เข้ามาเรียกร้องความไม่เป็นธรรม หลังจากนักศึกษาได้เข้าไปช่วยเหลือก็ไม่สามารถออกมาได้เนื่องจากปัญหาของชาวนามีเยอะมาก เมื่อปลายปี พ.ศ.2518 มีการเรียกร้องให้แบ่งข้าวตามพระราชบัญญัติ แต่สิ่งที่เกิดขึ้นคือกลุ่มเจ้าที่ดินนั้นไม่แบ่ง หลังจากนั้นก็เกิดการเผชิญหน้าและการลอบสังหารเหล่าผู้นำสหพันธ์ชาวนาชาวไร่

นอกจากนั้น การทำงานร่วมกันของนิสิตนักศึกษาและชาวไร่ชาวนาในรูปแบบของ “โครงงานชาวนา” ยังมีการจัดอบรม จัดค่าย รวมไปถึงการเสวนาที่มีการเชิญวิทยากรเข้ามาบรรยายให้ความรู้ต่างๆ ซึ่งการทำงานร่วมกันนี้เป็นการทำงานเต็มเวลาที่นิสิตนักศึกษามักถูกเรียกว่า “นักศึกษาที่ตื่นตัว” มาร่วมเคลื่อนไหวไปพร้อมกับชาวไร่ชาวนา ซึ่งจะประกอบไปด้วยนักศึกษาที่ทำงานเต็มเวลากับชาวนา คลุกคลีกับปัญหาด้วยการอยู่กินกับชาวไร่ชาวนา กลุ่มที่ไม่ได้ทำงานเต็มเวลา แต่จะเข้ามาทำงานช่วงที่มีการเคลื่อนไหวใหญ่ และกลุ่มที่จะเตรียมค่ายในหมู่บ้านให้นักศึกษามีโอกาสได้เข้าไปเรียนรู้ชนบททุกสุดสัปดาห์

การเชื่อมประสาน แรงสะเทือน และความทรงจำของขบวนการชาวไร่ชาวนา

ในประเด็นที่สาม รศ.ดร.ขวัญชีวัน กล่าวว่าเมื่อชาวไร่ชาวนาและสามัญชนทั้งหลายไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของคนเดือนตุลา เรื่องการลอบสังหารผู้นำสหพันธ์ชาวนาชาวไร่ 30 กว่าคนก็ไม่มีการรื้อฟื้นหรือรำลึกใดๆ อีกทั้งยังไม่มีการสอบสวน ซึ่งผู้นำสหพันธ์ชาวนาชาวไร่คือกลุ่มที่ท้าทายอำนาจ และเรียกร้องความเป็นธรรมให้แก่ชาวนา หากไม่มีการพูดถึงเรื่องราวเหล่านี้ ก็จะไม่มีความยุติธรรมแก่พวกเขา

ความรุนแรงในตอนนั้น เป็นผลมาจากการเคลื่อนไหวของชาวนา ที่ทำให้รัฐบาลต้องยอมปรับปรุงนโยบายหลายข้อ เช่นการตราพระราชบัญญัติการเช่านา พ.ศ.2517 การจัดตั้งองค์การตลาดเพื่อเกษตรกร และการตั้งสำนักงานปฏิรูปที่ดิน ใน พ.ศ.2518 เพื่อหาทางตั้งโครงการปฏิรูปที่ดินแก้ปัญหาชาวนา หรือนโยบายของรัฐบาล ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช ในพ.ศ.2518 ที่ผันเงินไปสู่ชนบทเพื่อสร้างการจ้างงาน แต่ปรากฏว่าในระยะต่อมา มาตรการเหล่านี้ก็กลายเป็นเพียงมาตรการในการผ่อนปัญหา ไม่มีมาตรการใดที่จะสามารถแก้ปัญหาให้กับชาวนาได้อย่างแท้จริง การเคลื่อนไหวและตื่นตัวของชาวนา ได้สร้างความวิตกต่อชนชั้นนำอนุรักษนิยมและผู้นำระดับท้องถิ่น นำไปสู่การตอบโต้ที่มาในรูปแบบของการจับกุมและการตั้งขบวนการลอบสังหารผู้นำชาวนา ทำให้สถานการณ์ทวีความรุนแรงมากขึ้น

สุดท้าย รศ.ดร.ขวัญชีวัน การรวบรวมความทรงจำผู้ปฏิบัติงานโครงงานชาวนา ได้รวบรวมความสัมพันธ์ระหว่างนักศึกษากับขบวนการชาวนาชาวไร่ไว้ในหนังสือเรื่อง “ให้เรื่องเล่าของเราเป็นตำนาน” เพื่อรำลึกถึงและอยากให้เห็นความสำคัญทางวิชาการ

“นอกจากเรื่องการแบ่งข้าวในช่วงต้นปี 2518 แล้ว อีกเรื่องก็จะเป็นการเผชิญหน้าและการลอบสังหาร ซึ่งเมื่อเรารู้สึกว่าเขาไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของคนเดือนตุลาหรือได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์เดือนตุลา การลอบสังหารผู้นำสหพันธ์ชาวนาชาวไร่ 30 กว่าคนก็ไม่มีการรื้อฟื้น ไม่มีอนุเสาวรีย์ให้พวกเขา ไม่มีการรำลึก เพราะฉะนั้นถ้าเราไม่พูดถึงเรื่องพวกนี้ มันก็จะไม่ได้รับความสนใจมากมาย เป็นข่าวแล้วก็จบไป ทั้งๆ ที่เรารู้กันว่ามีการลอบสังหาร แต่ความยุติธรรมจะอยู่ตรงไหน? จะทำยังไงที่จะให้ความเป็นธรรมกับผู้ที่ตายและครอบครัวที่ยังอยู่?”

การบรรยายครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งของเสวนาในวาระครบรอบ 50 ปี ขบวนการ 14 ตุลาคม 2516 “ย้อนรำลึกประวัติศาสตร์การต่อสู้กึ่งศตวรรษ เดือนตุลา และการเมืองเรื่องของความทรงจำ” ร่วมบรรยายโดย ดิน บัวแดง อาจารย์ภาควิชาประวัติศาสตร์ คณะมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่, ศ.ดร.ธเนศวร์ เจริญเมือง คณะรัฐศาสตร์และรัฐประศาสนศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่, รศ.ดร.ขวัญชีวัน บัวแดง คณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่, จีรวรรณ โสดาวัฒน์ อดีตกลุ่มมังกรน้อย ลูกหลานชาวนาที่เคลื่อนไหวในนามสหพันธ์ชาวนาชาวไร่ภาคเหนือ ดำเนินรายการโดย ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร มาลินี คุ้มสุภา และอาจารย์ ดร วันพัฒน์ ยังมีวิทยา คณะรัฐศาสตร์และรัฐประศาสนศาสตร์ มหาวิทยลัยเชียงใหม่

บัณฑิตการพัฒนาระหว่างประเทศช่างฝันที่อยากทำงานเขียน เฝ้าหาโอกาสที่จะสื่อสารส่งผ่านความต้องการที่จะเปลี่ยนแปลงความเป็นไปของสังคมในทางที่ดีขึ้น

สุรยุทธ รุ่งเรือง
สุรยุทธ รุ่งเรือง
บัณฑิตการพัฒนาระหว่างประเทศช่างฝันที่อยากทำงานเขียน เฝ้าหาโอกาสที่จะสื่อสารส่งผ่านความต้องการที่จะเปลี่ยนแปลงความเป็นไปของสังคมในทางที่ดีขึ้น

More like this
Related

เชียงใหม่รวมพลังเครือข่าย “เปิดโลกคนไร้บ้าน” ขับเคลื่อนระบบคุ้มครองคนไร้ที่อยู่อาศัยอย่างยั่งยืน

เมื่อวันที่ 20 ตุลาคม 2568 ที่ลานประตูท่าแพ อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ คณะทำงานคนไร้บ้านเมืองเชียงใหม่ ร่วมกับหน่วยงานภาครัฐและภาคีเครือข่าย...

ไร้ความคืบหน้า ประชาชนลุ่มน้ำกก-สาย-รวก-โขง ร้องรัฐเร่งแก้ปัญหามลพิษเหมืองเมียนมา

21 ตุลาคม 2568 สืบสกุล กิจนุกร โพสต์เฟซบุ๊กเรียกร้องความคืบหน้าการแก้ไขปัญหาการปนเปื้อนสารโลหะหนักในแม่น้ำกก-สายรวก-โขงจากเหมืองแร่ในเมียนมา โดยระบุถึงนายกรัฐมนตรี อนุทิน ชาญวีรกุล...

สภาฯ ผ่านฉลุยร่าง ‘พ.ร.บ.อากาศสะอาด’ 309 เสียง เตรียมส่งต่อวุฒิสภา กมธ.ชี้เป็น ‘อาวุธใหม่’ ทวงคืนอากาศบริสุทธิ์ให้คนไทย

21 ตุลาคม 2568 ที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรมีมติ ‘เห็นชอบ’ ร่างพระราชบัญญัติบริหารจัดการเพื่ออากาศสะอาด พ.ศ. ... ในวาระที่...

เจียงใหม่กำลังจะ “โฮะ” แหมรอบ!

กับ Chiang Mai HO Zix เทศกาลดนตรีตี้รวมศิลปินออริจินัลเชียงใหม่ไว้นักที่สุดกว่า 40 วง 4...