Lampang city : เมื่ออยู่ในยุคเปลี่ยนผ่าน อนาคตจึงต้องมีการเปลี่ยนแปลง

Date:

เรื่อง: พินิจ ทองคำ

การสื่อสารผ่านโลกออนไลน์กลายเป็นปัจจัยสำคัญของการเชื่อมต่อภายในสังคม ไม่ว่าจะอยู่ในที่ใดสามารถสื่อสารกันได้อย่างรวดเร็ว มีข้อมูลทางสติถิที่บ่งชี้ว่าคนไทยใช้โซเชียลมีเดียผ่าน Facebook มากเป็นอับดับหนึ่ง มีผู้ใช้ทั้งสิ้น 48.10 ล้านคน อิทธิพลของการสื่อสารจึงถูกเปลี่ยนแปลงไปจากการพบปะในชีวิตจริงสู่การย่อโลกไว้ในแพลตฟอร์มหนึ่งที่ทำให้การสร้างความสัมพันธ์รวดเร็วขึ้น รู้จักกันได้มากขึ้น ก่อให้เกิดประโยชน์หลากหลาย เช่น การติดต่อค้าขายที่หมุนเวียนระบบเศรษฐกิจ การรับฟังความคิดเห็นท่ามกลางประเด็นที่หลากหลาย การสะท้อนความเห็นต่อการพัฒนาเมือง รวมไปทั้งการผลักดันประเด็นทางสังคมหรือแม้แต่การวิพากษ์วิจารณ์ทางการเมือง

“ Lampang City ” เป็นกลุ่มการสื่อสารที่อยู่ในพื้นที่แพลตฟอร์มของ Facebook ปัจจุบันมีสมาชิกภายในกลุ่มมากถึง 308,465 บัญชี เป็นกลุ่มบนแพลตฟอร์ม Facebook ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดของจังหวัดลำปาง สมาชิกส่วนใหญ่เป็นประชาชนจังหวัดลำปาง เนื้อหาภายในกลุ่มสื่อสารเรื่องราวที่เกิดขึ้นแต่ละพื้นที่ของจังหวัดลำปาง ส่วนใหญ่เป็นเรื่องเกี่ยวข้องกับการโฆษณาประชาสัมพันธ์, การซื้อขายสิ่งของต่าง ๆ ในพื้นที่, การร้องเรียนเรื่องราวสาธารณะ หรือการวิพากษ์วิจารณ์ประเด็นสาธารณะที่เกิดขึ้นในพื้นที่ รวมทั้งเป็นพื้นที่เพื่อการสื่อสารงานกิจกรรมที่เกิดขึ้นของภาคเอกชนและหน่วยงานราชการ

เครือข่ายผู้ใช้กว่า 3 แสนบัญชี ทำให้มีการตั้งคำถามถึงวันนี้และอนาคตของ Lampang city จะเป็นอย่างไร de Lampang  จึงเชิญ คุณเกรียงเดช สุทธภักติ ผู้ก่อตั้งและหนึ่งในแอดมินกลุ่มมาร่วมพูดคุยด้วยกัน

คุณเกรียงเดช สุทธภักติ

นิยามความหมายของกลุ่ม Lampang city นั้น คุณเกรียงเดช อธิบายไว้อย่างน่าสนใจว่า “นิยามจริง ๆ เริ่มจากกลุ่มคนไม่กี่คนที่คิดว่าคนในจังหวัดลำปางนั้น มีคนสองจำพวก พวกแรกที่มีจำนวนมาก คือ เรียนมากแต่ไม่มีโอกาสได้เป็นผู้นำ ส่วนพวกที่สอง เป็นผู้นำแต่เรียนไม่มาก จึงมีการจัดตั้งกลุ่มที่เปิดโอกาสให้ประชาชนได้พูดคุยกันในเรื่องทั่วไป ต่อมาเมื่อจำนวนสมาชิกภายในกลุ่มเพิ่มขึ้น นิยามของกลุ่มจึงกลายเป็นปากเสียงของคนลำปาง ทำตัวเป็นกล้องวงจรปิดที่ไม่มีเสียง นำเสนอความเป็นลำปางให้มากที่สุด” 

เมื่อสอบถามถึงเรื่องมิติการเปลี่ยนแปลงจังหวัดลำปางผ่านการใช้กลุ่ม Lampang city นั้น มีการอธิบายเพิ่มเติมไว้ว่า “หน่วยงานราชการในยุคราชการนิยม มองกลุ่ม Lampang city เป็นกลุ่มอุปสรรค ไม่ควรเข้าใกล้ ไม่ควรไปสื่อสารในกลุ่ม แต่ช่วงสองปีที่ผ่านมา ข้าราชการรุ่นใหม่มีการปรับเปลี่ยนการทำงาน การสะท้อนความคิดเห็นของประชาชน จึงเกิดการรับรู้ของหน่วยงานราชการที่เพิ่มมากขึ้น”

“ความต้องการของคนลำปางไม่ถูกนำเสนอไปยังผู้มีอำนาจ การพัฒนาเมืองมาจากการอุปโลกน์ของคนไม่กี่คน ไม่ใยดีต่อความคิดเห็นของประชาชน ทั้งที่ผ่านมามีการจัดทำโพลรับฟังความคิดเห็นภายในกลุ่ม ความต้องการหลักของคนลำปาง คือ มีงานทำ มีรายได้ กลับมาทำงานที่บ้าน แต่สิ่งที่เกิดขึ้นกลับสวนทางกัน ผู้มีอำนาจกลับพยายามอนุรักษ์ทุกอย่างไว้ให้เหมือนเดิม” คุณเกรียงเดช กล่าว

กลยุทธ์การสื่อสารเป็นสิ่งสำคัญของการดำรงอยู่ของกลุ่ม การบริหารจัดการย่อมมีกลยุทธ์ที่ต้องบาลานซ์ระหว่างความขัดแย้ง ความรู้สึก ความแตกต่าง และความหมายหลาก กลุ่ม Lampang city ย่อมมีกลยุทธ์ที่น่าสนใจ ในขณะเดียวกันเมื่อการที่แพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียมีพลวัตของการเปลี่ยนแปลงนับว่ามีจุดที่น่ากังวลไม่น้อย

“สมาชิกกลุ่มจำนวนกว่า 100,000 คน คือ คนลำปางที่อยู่อาศัยนอกจังหวัด ต้องการติดตามว่าแต่ละวันลำปางเป็นอย่างไร กลยุทธ์สำคัญของการดำเนินงานต้องทราบว่าสมาชิกต้องการและรับรู้เรื่องอะไรบ้าง ต้องมีวิธีการนำเสนอด้วยความสร้างสรรค์ที่มีส่วนร่วมจากหลาย ๆ คน อาจมีความขัดแย้ง แต่ต้องเป็นความขัดแย้งที่ถกเถียงและอยู่ร่วมกันได้” 

คุณเกรียงเดชอธิบายเพิ่มเติมว่า “แอดมินมีการวิจัยและวิเคราะหฺ์เชิงลึก พบว่า กลุ่มคนอายุ 24 – 35 ปี เป็นกลุ่มที่มีสมาชิกมากที่สุด ในขณะเดียวกัน กลุ่มคนอายุ 18 – 24 ปี กลับเป็นกลุ่มอายุที่ขาดหายไป อนาคตของ Lampang city มีความน่ากังวล เพราะ กลุ่มคนรุ่นดังกล่าวต้องเป็นกลุ่มที่ต้องเติบโตมาทดแทนรุ่นปัจจุบัน ซึ่งปัจจุบันมีแพลตฟอร์มอื่นที่คนกลุ่มนี้ให้ความสนใจ”

ที่ผ่านมา Lampang city มักมีคำถามจากประชาชนอยู่เสมอถึงการสื่อสารประเด็นทางสังคมหรือประเด็นทางการเมือง หลายครั้งที่แอดมิดบางคนเลือกที่จะปิดกั้นการโพสต์ข้อความที่สื่อนัยยะในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับ เรื่องดังกล่าว หรือปิดกั้นสมาชิกกลุ่ม แต่เมื่อสังคมเกิดการเปลี่ยนแปลง ประชาชนกลายเป็นผู้ที่ตื่นรู้และเกิดสำนึกการมีส่วนร่วมของประชาชน การเปลี่ยนแปลงภายในกลุ่มจึงเกิดขึ้น

คุณเกรียงเดช มีความเห็นว่า “การสื่อสารประเด็นทางสังคมและประเด็นทางการเมืองเป็นเรื่องที่ควรทำเป็นอย่างยิ่ง อนาคตของระบบการเมืองต้องอาศัยกระบวนการมีส่วนร่วมจากประชาชนผ่านโซเชียลมีเดีย แม้แต่การบริหารของผู้มีอำนาจ ต้องมีปฏิสัมพันธ์กับประชาชน เช่น การสอบถามว่างบประมาณขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นจะนำไปใช้ในโครงการใด เป็นต้น สถานการณ์ตอนนี้เป็นโอกาสของประชาชนที่มีอำนาจสำหรับการจัดการพื้นที่ ลำปางเป็นเมืองที่น่าน้อยใจ มีเพียงกลุ่มคนไม่กี่คนที่อำนาจการตัดสินใจ, คิดแทน, หวาดกลัวกับสิ่งที่ตัวเองควบคุมไม่ได้”

การเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นแล้ว อนาคตของ Lampang city เป็นอย่างไร มิอาจมีผู้ใดล่วงรู้อนาคต เสียงของประชาชนเป็นเสียงสวรรค์ที่ดังที่สุด อนาคตของลำปาง คนลำปางต้องกำหนดเอง อนาคตของกลุ่มด้วยเช่นกัน

“เตรียมการวางแผนอนาคตไว้ว่าอยากให้กลุ่มมีชีวิต ปัจจุบันกลุ่มกลายเป็นเครื่องจักรที่ควบคุมด้วยแอดมิน การเลือกตั้งแอดมินกลุ่มจากสมาชิกที่ผ่านการเสนอชื่อเพื่อเลือกตั้งเป็นเรื่องที่หวังไว้ กลุ่มต้องกลายเป็นเครื่องมือหนึ่งในการบริหารราชการแผ่นดิน ให้ประชาชนสะท้อนความต้องการของตัวเอง ผู้มีอำนาจจะทำเรื่องอะไรต้องถามประชาชนก่อน ให้กลุ่มและประชาชนอยู่เหนือผู้มีอำนาจทั้งหลาย”

ท้ายที่สุด ทุกสังคมย่อมเกิดพลวัตของการเปลี่ยนแปลง แม้แต่เทคโนโลยีการสื่อสารที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน อาจจะเป็นสิ่งที่ล้าหลังในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า สอดคล้องกับการพัฒนาเมือง หากขาดกระบวนการมีส่วนร่วมจากประชาชน ผู้มีอำนาจไม่ฟังเสียงของประชาชน การเจริญเติบโตของเมืองย่อมเป็นไปด้วยความสะเปะสะปะ ไร้ทิศทาง ไร้ยุทธศาสตร์ ไม่ว่าจะมีทรัพยากรที่สมบูรณ์มากเพียงใด ความล้มเหลวย่อมเกิดขึ้นและส่งให้เมืองแห่งนั้นเป็นยักษ์หลับอย่างสมบูรณ์สำหรับลำปางในห้วงเวลานี้ ความหวังครั้งใหม่กำลังริเริ่มปักฐาน “Lampang city” จึงมีความสำคัญอย่างยิ่งในฐานะของเครื่องมือของยุคเปลี่ยนผ่านที่จะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลง


คอลัมน์ de Lampang เรื่องราวที่ลำปาง ผ่านมุมมองของนักสงสัยอิสระโดย พินิจ ทองคำ ชวนพุ่งตรงกับประเด็นอย่างตรงไปตรงมา ค้นคว้าค้นหาอย่างสนุกสนาน นำเสนอข้อมูลด้วยความกล้าหาญ วันนี้จึงขอชวนทุกคนเป็นนักสงสัยไปด้วยกัน พร้อมกับการเจริญเติบโตของลำปางและรัฐไทย

ห้วงเวลาเปลี่ยนผ่านจากบทบาทการเป็นนักกิจกรรมทางการเมืองสู่การเป็นผู้ค้นคว้าพัฒนาการของเมือง ชวนตั้งคำถามจากเรื่องราวปกติที่พบเจอ สู่การค้นหาคำตอบของสิ่งนั้น พร้อมกับการค้นพบใหม่ของเรื่องราวที่หลายคนยังไม่เคยรับรู้ บทบาท “นักชวนสงสัย” ฝั่งรากมาตั้งแต่เยาว์วัย เมื่อเจริญเติบโตขึ้นความเป็นนักชวนสงสัย จึงได้ขยายกลายเป็น “นักค้นหาเรื่องราว” ที่พร้อมจะท้าทายทุกเรื่องด้วยความจริง

พินิจ ทองคำ
พินิจ ทองคำ
ห้วงเวลาเปลี่ยนผ่านจากบทบาทการเป็นนักกิจกรรมทางการเมืองสู่การเป็นผู้ค้นคว้าพัฒนาการของเมือง ชวนตั้งคำถามจากเรื่องราวปกติที่พบเจอ สู่การค้นหาคำตอบของสิ่งนั้น พร้อมกับการค้นพบใหม่ของเรื่องราวที่หลายคนยังไม่เคยรับรู้ บทบาท “นักชวนสงสัย” ฝั่งรากมาตั้งแต่เยาว์วัย เมื่อเจริญเติบโตขึ้นความเป็นนักชวนสงสัย จึงได้ขยายกลายเป็น “นักค้นหาเรื่องราว” ที่พร้อมจะท้าทายทุกเรื่องด้วยความจริง

10 ปีไม่เป็นผล ‘กลุ่มรักษ์บ้านแหง’ ต้องสู้ต่อ หลังศาลปกครองสูงสุด ‘ยกย้อน’ คำพิพากษาศาลปกครองชั้นต้น กรณีชาวบ้าน 386 คน ยื่นฟ้องเพิกถอนประทานบัตรเหมืองแร่ลิกไนต์

27 พฤศจิกายน 2568 ศาลปกครองเชียงใหม่ อ่านผลคำพิพากษาศาลปกครองสูงสุด กรณีชาวบ้านในพื้นที่ตำบลบ้านแหง อำเภองาว จังหวัดลำปาง หรือ...

ภาพไวรัลรถไฟบรรทุกรถกู้ภัยจากเชียงใหม่ไปหาดใหญ่ ถูกสร้างด้วย AI ย้อนรอยต้นฉบับจากคลิปปี 64

เมื่อวันที่ 24 พฤศจิกายน 2568 เวลา 19.30 บัญชีผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อ พระราม เดินดง...

ล้านนาเนี่ยน: พี่เป้ ไรเดอร์

“เราขับแกร็บ เราอยู่บนถนน เราเลี่ยงไม่ได้ จะเลี่ยงก็ต้องเลือกรับงานไม่ไปทางที่รถติด เพราะค่ารอบระบบก็ไม่ได้เพิ่มให้เรา ตอนนี้ค่ารอบเริ่มต้นที่ 19 บาท” “มันทำให้เราเสียเวลากับค่ารอบที่มันถูก จากปกติถ้ารถไม่ติด...

สิทธิวิจารณ์ท้องถิ่นอยู่ตรงไหน? เมื่ออบต.ศรีถ้อย แจ้งหมิ่นฯ ชาวบ้านพญากองดี หลังโพสต์ถนนพัง–ถูกเรียกค่าน้ำมัน 20,000 บาท

เมื่อวันที่ 23 พฤศจิกายน 2568 ผู้สื่อข่าวได้รับรายงานว่า มีกรณีชาวบ้านหมู่ 6 ตำบลศรีถ้อย อำเภอแม่สรวย...