‘ชาติพันธุ์ปลดแอก’ ปฏิบัติการชำระประวัติศาสตร์-มายาคติกดทับชาติพันธุ์ ทั่วเชียงใหม่

Date:

ภาพ: คณะก่อการล้านนาใหม่ – NEO LANNA

9 สิงหาคม 2566 เนื่องในวันชนเผ่าพื้นเมืองสากล กลุ่มชาติพันธุ์ปลดแอก ได้มีการชูป้ายเรียกร้อง “รื้อประวัติศาสตร์ชาติพันธุ์ จากชาวเขาสู่ชนเผ่าพื้นเมือง” “ปลดปล่อยชาติพันธุ์ จากอคติทางสังคม” “ผลักดันกฎหมายคุ้มครองชาติพันธุ์” บริเวณพิพิธภัณฑ์เรียนรู้ราษฎรบนพื้นที่สูง หน้ามหาวิทยาลัยเชียงใหม่ อนุสาวรีย์สามกษัตริย์ และ กลางสี่แยกรินคำ เรียกร้อง 3 ข้อเรียกร้องส่งเสริมศักยภาพคุ้มครองสิทธิชาติพันธุ์ ปลดแอกมรดกสงครามเย็น และผู้มีส่วนเกี่ยวข้องต้องรับผิดชอบการกระทำต่อกลุ่มชาติพันธุ์ เพจ คณะก่อการล้านนาใหม่ – NEO LANNA ได้รายงานว่า

“กลุ่มชาติพันธุ์ปลดแอก” Action

ชูป้ายเรียกร้องหน้าพิพิธภัณฑ์เรียนรู้ราษฎรบนพื้นที่สูง

1.กฎหมายเพื่อส่งเสริมศักยภาพ และคุ้มครองสิทธิกลุ่มชาติพันธุ์ ถือเป็นนโยบายขั้นแรกที่ทุกภาพส่วนต้องร่วมผลักดันให้เป็นไปตามเจตนารมณ์ของกลุ่มชาติพันธุ์และชนเผ่าพื้นเมืองในประเทศไทยโดยเร่งด่วน

2.ต้องปลดแอกมรดกสงครามเย็นออกจากนโยบายและกฎหมายทั้งหมด อาทิ พระราชบัญญัติอุทยานแห่งชาติ พระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า นโยบายคณะกรรมการป่าไม้แห่งชาติ รวมถึงพระราชบัญญัติสัญชาติ

3.รัฐไทยและทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง จะต้องรับผิดชอบต่อทุกการกระทำ การผลิตซ้ำมายาคติเชิงลบ ทุกการกดขี่ ทุกโศกนาฏกรรมที่เกิดขึ้นกับกลุ่มชาติพันธุ์ อย่างน้อยคือการขอโทษกลุ่มชาติพันธุ์ด้วยความจริงใจ และการร่วมผลักดันให้เกิดปฏิบัติการตามข้อ 1 และ 2

เพื่อชำระทุกประวัติศาสตร์ และหยุดการส่งต่อภาพมายาคติและการโฆษณาชวนเชื่อจอมปลอมที่กดทับกับกลุ่มชาติพันธุ์ทุกภาคส่วนของสังคมมีส่วนต้องรับผิดชอบในการสร้างความเข้าใจที่ผิดต่อพวกเรา และหลังจากนี้พวกเราจะเดินหน้าเคลื่อนไหวและสื่อสารภาพใหม่ของชาติพันธุ์ เพื่อถอดรื้อ ทำลาย มายาคติทั้งหมด ทวงคืนความเป็นคนให้ชาติพันธุ์และชนเผ่าพื้นเมืองในชาตินี้

ทั้งนี้ มูลนิธิพัฒนาภาคเหนือ เผยเนื้อหาที่ย้อนตั้งแต่ 15 ปีก่อน(พ.ศ.2550) ในการประชุมสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติ สมัยประชุมที่ 62 ณ สำนักงานใหญ่สหประชาชาติในนครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา ปฏิญญาสหประชาชาติว่าด้วยสิทธิชนเผ่าพื้นเมืองได้กำเนิดขึ้นแต่ด้วยสถานการณ์ทางการเมืองไทยหลังจากปี 2550 ลากยาวไปจนถึงการออก พระราชบัญญัติอุทยานแห่งชาติ พระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า และพระราชบัญญัติป่าชุมชน จาก ยุคสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ภายใต้เงาของรัฐบาลเผด็จการ คสช. ทำให้ปฏิญญาสหประชาชาติว่าด้วยสิทธิชนเผ่าพื้นเมือง อาจจะไม่เพียงพอต่อการปกป้อง และคุ้มครองสิทธิของกลุ่มชาติพันธุ์ในประเทศไทย มีเนื้อหาดังนี้

ย้อนไปเมื่อ 15 ปีที่แล้ว ในการประชุมสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติ สมัยประชุมที่ 62 ณ สำนักงานใหญ่สหประชาชาติในนครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา ปฏิญญาสหประชาชาติว่าด้วยสิทธิชนเผ่าพื้นเมือง (United Nations Declaration on the Rights of Indigenous Peoples) ได้กำเนิดขึ้น เพื่อเป็นมาตรฐานในการปฏิบัติต่อปวงชนท้องถิ่นดั้งเดิม และเป็นเครื่องมือสำคัญในการกำจัดการละเมิดสิทธิมนุษยชน ตลอดจนขจัดการเลือกปฏิบัติต่อปวงชนท้องถิ่นดั้งเดิมกว่า 370 ล้านคนทั่วโลก

ประเทศไทยในปี 2553 คณะรัฐมนตรีได้มีมติที่เป็นหมุดหมายสำคัญในการรับรองสิทธิของกลุ่มชาติพันธุ์ 2 ฉบับ ได้แก่ มติคณะรัฐมนตรี วันที่ 2 มิ.ย. 2553 ว่าด้วยการฟื้นฟูวิถีชีวิตชาวเล และมติคณะรัฐมนตรี วันที่ 3 ส.ค. 2553 ว่าด้วยแนวนโยบายและหลักปฏิบัติในการฟื้นฟูวิถีชีวิตชาวกะเหรี่ยง เนื่องจากเป็นสองกลุ่มชาติพันธุ์ที่เปราะบางและเสี่ยงต่อการถูกคุกคามจากทั้งหน่วยงานรัฐและเอกชนอย่างมาก โดยมติคณะรัฐมนตรีนั้นได้แบ่งการแก้ไขปัญหาออกเป็น 2 ระยะ ได้แก่ระยะสั้นและระยะยาว ครอบคลุมทั้งด้านอัตลักษณ์และวัฒนธรรมของกลุ่มชาติพันธุ์ การจัดการทรัพยากร สิทธิในสัญชาติ การสืบทอดมรดกทางวัฒนธรรม และการศึกษา

หนึ่งปีต่อมา ชุมชนกะเหรี่ยงบ้านบางกลอย-ใจแผ่นดิน อ.แก่งกระจาน จ.เพชรบุรี ถูกเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติแก่งกระจานสนธิกำลังเข้าทำลายพืชผลอาสินและสิ่งปลูกสร้าง ปรากฏภาพบ้านเรือนและยุ้งข้าวที่ถูกเผาร่วมร้อยหลัง 3 ปีหลังจากนั้นแกนนำคนสำคัญอย่าง ‘บิลลี่’ พอละจี รักจงเจริญ ถูกบังคับให้สูญหาย

7 ปีหลังมีมติคณะรัฐมนตรี ‘ชัยภูมิ ป่าแส’ เยาวชนชาวลาหู่ผู้ไร้สัญชาติใน อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ ถูกวิสามัญฆาตกรรมโดยเจ้าหน้าที่ทหาร ยังไม่นับว่าหลังการรัฐประหารของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ในปี 2557 สถานการณ์การละเมิดสิทธิกลุ่มชาติพันธุ์โดยรัฐไทยยังรุนแรงขึ้นอย่างต่อเนื่อง อาทิ กรณีการรื้อ ‘บาฆัด’ หรือ บ้านของกลุ่มชาติพันธุ์ชาวเลอูรักลาโว้ย ในหมู่เกาะพีพี จ.กระบี่ กรณีพิพากษาจำคุก ‘วันเสาร์ ภุงาม’ ชาวกะเหรี่ยงบ้านท่าเสลา จ.เพชรบุรี ในข้อหาบุกรุกอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน การจับกุมชาวกะเหรี่ยงบางกลอยที่ลุกขึ้นมาต่อสู้เพื่อสิทธิในที่ดินทำกินอีกครั้ง รวมถึงความพยายามในการไล่รื้อชุมชนกลุ่มชาติพันธุ์ม้ง ม่อนแจ่ม จ.เชียงใหม่ เร็ว ๆ นี้

นอกจากนั้นยังปรากฏว่ากลุ่มชาติพันธุ์ต้องเผชิญกับการไม่มีส่วนร่วมในทางกฎหมายและนโยบาย กล่าวคือ กฎหมายเกี่ยวกับการจัดการป่า ได้แก่ พระราชบัญญัติอุทยานแห่งชาติ พระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า และพระราชบัญญัติป่าชุมชน ผ่านมาในปี 2562 ในยุคสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ท่ามกลางเสียงคัดค้านของกลุ่มชาติพันธุ์ในป่าที่ไม่มีใครรับฟัง โครงการพัฒนาขนาดใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นเหมืองแร่ถ่านหินอมก๋อย จ.เชียงใหม่ โครงการเพิ่มปริมาณน้ำต้นทุนให้เขื่อนภูมิพล และการสัมปทานเหมืองหิน จ.สตูล กำลังทับลงไปในที่อยู่อาศัยและพื้นที่ทำกินของกลุ่มชาติพันธุ์อย่างง่ายดายจากความพยายามในการผลักดันของหน่วยงานรัฐ ควบคู่รัฐบาลประยุทธ์ จันทร์โอชา

สิ่งเหล่านี้เป็นภาพสะท้อนว่า แนวทางทั้งจากปฏิญญาสหประชาชาติฯ และมติคณะรัฐมนตรีอาจไม่เพียงพออีกแล้วเมื่อเทียบกับ ‘ภัยคุกคาม’ ของกลุ่มชาติพันธุ์ พร้อมๆ กับอคติที่สังคมยังคงมองว่ากลุ่มชาติพันธุ์เป็นอื่น จึงเกิดเป็นความพยายามของหลายภาคส่วนที่จะผลักดันมาตรการทางกฎหมาย เพื่อให้การรับรองสิทธิของกลุ่มชาติพันธุ์เกิดขึ้นจริง

พื้นที่สื่อสาร สังคมประชาธิปไตย ชีวิตใหม่ที่ดีกว่า

ทีมข่าวที่ประกอบไปด้วยผู้คนหลากหลาย บ้างก็มาจากทะเล บ้างก็มาจากภูเขา แต่สุดท้ายก็ลงเอยที่ภาคเหนืออยู่ที่ Lanner นี่แหละ...

Lanner Editor
Lanner Editor
ทีมข่าวที่ประกอบไปด้วยผู้คนหลากหลาย บ้างก็มาจากทะเล บ้างก็มาจากภูเขา แต่สุดท้ายก็ลงเอยที่ภาคเหนืออยู่ที่ Lanner นี่แหละ...

More like this
Related

เชียงใหม่รวมพลังเครือข่าย “เปิดโลกคนไร้บ้าน” ขับเคลื่อนระบบคุ้มครองคนไร้ที่อยู่อาศัยอย่างยั่งยืน

เมื่อวันที่ 20 ตุลาคม 2568 ที่ลานประตูท่าแพ อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ คณะทำงานคนไร้บ้านเมืองเชียงใหม่ ร่วมกับหน่วยงานภาครัฐและภาคีเครือข่าย...

ไร้ความคืบหน้า ประชาชนลุ่มน้ำกก-สาย-รวก-โขง ร้องรัฐเร่งแก้ปัญหามลพิษเหมืองเมียนมา

21 ตุลาคม 2568 สืบสกุล กิจนุกร โพสต์เฟซบุ๊กเรียกร้องความคืบหน้าการแก้ไขปัญหาการปนเปื้อนสารโลหะหนักในแม่น้ำกก-สายรวก-โขงจากเหมืองแร่ในเมียนมา โดยระบุถึงนายกรัฐมนตรี อนุทิน ชาญวีรกุล...

สภาฯ ผ่านฉลุยร่าง ‘พ.ร.บ.อากาศสะอาด’ 309 เสียง เตรียมส่งต่อวุฒิสภา กมธ.ชี้เป็น ‘อาวุธใหม่’ ทวงคืนอากาศบริสุทธิ์ให้คนไทย

21 ตุลาคม 2568 ที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรมีมติ ‘เห็นชอบ’ ร่างพระราชบัญญัติบริหารจัดการเพื่ออากาศสะอาด พ.ศ. ... ในวาระที่...

เจียงใหม่กำลังจะ “โฮะ” แหมรอบ!

กับ Chiang Mai HO Zix เทศกาลดนตรีตี้รวมศิลปินออริจินัลเชียงใหม่ไว้นักที่สุดกว่า 40 วง 4...