ประวัติศาสตร์

แม่แจ่มที่เพิ่งสร้าง: การเผยตัวของชุมชนแม่แจ่มในฐานะชุมชนทางวัฒนธรรม

บทนำ มรดกทางการเมืองหลังสงครามเย็น นอกจากแม่แจ่มจะเป็นพื้นที่สีชมพูในการจัดการของรัฐไทยต่อขบวนการพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทยแล้ว ยังเป็นพื้นที่ที่รัฐไทยเข้ามามีอำนาจในการจัดการทรัพยากรในแม่แจ่มด้วย ไม่ว่าจะเป็นโครงการพัฒนาลุ่มน้ำแม่แจ่ม การส่งเสริมการปลูกพืชเศรษฐกิจโดยโครงการของรัฐ การขยายระบบสาธารณูปโภคและเปิดโอกาสให้ระบอบทุนเข้ามามีบทบาทในการจัดการทรัพยากรด้วย ในห้วงเวลาใกล้เคียงกันคือราวปลายทศวรรษ 2530 ภายใต้บริบทวาระครบรอบเชียงใหม่ 700 ปี ภาคประชาสังคมในเชียงใหม่จึงหยิบยืมชุดความคิดเรื่องภูมิปัญญาท้องถิ่นมาผสานกับกระแสโลกาภิวัตน์หลังวิกฤตเศรษฐกิจ 2540 หรือเป็นที่รู้จักกันในเครือข่ายสืบสานล้านนา จนกระทั่งก่อตั้งโฮงเฮียนสืบสานภูมิปัญญาล้านนาขึ้น ภายใต้กิจกรรมภูมิปัญญาล้านนาของเครือข่ายโฮงเฮียนสืบสานภูมิปัญญาล้านนา กลุ่มนักพัฒนาเอกชนที่สนใจด้านภูมิปัญญาจัดกิจกรรม ผ่านการนำเอาชุดข้อมูล ความรู้ และพ่อครูแม่ครู จากแม่แจ่มเข้าไปเป็นวิทยากร แม้จะกิจกรรมทั้งหมดจะไม่ได้มีพ่อครูแม่ครูจากแม่แจ่มเพียงพื้นที่เดียว แต่ปฏิบัติการนี้ก็ถือได้ว่าเป็นการเผยตัวของแม่แจ่มในฐานะพื้นที่ทางวัฒนธรรม โดยเฉพาะการทำให้เห็นภาพแม่แจ่มในทางสุนทรียะล้านนาตะวันตก...

ครบ 7 ปี ‘ชัยภูมิ ป่าแส’ ถูกทหารวิสามัญฆาตกรรม ความยุติธรรมยังไม่คืบ

เช้าวันที่ 17 มี.ค. 2560 เจ้าหน้าที่ทหารประจำด่านตรวจบ้านรินหลวง ต.เมืองนะ อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ ได้ทำการตรวจค้นรถยนต์ของ ชัยภูมิ ป่าแส หรือ จะอุ๊ เยาวชนนักกิจกรรมชาวลาหู่จากกลุ่ม ‘รักษ์ลาหู่’ ที่ขับรถยนต์เดินทางพร้อมเพื่อนอีกหนึ่งคนผ่านด่านตรวจดังกล่าว ก่อนที่ ชัยภูมิ จะถูกเจ้าหน้าที่ใช้อาวุธปืนยิงจนเสียชีวิต โดยเจ้าหน้าที่อ้างว่าชัยภูมิพยายามขัดขืนและทำร้ายเจ้าหน้าที่ด้วยอาวุธมีดและระเบิดขว้างสังหาร จึงจำเป็นต้องใช้อาวุธปืนยิงตอบโต้จนชัยภูมิเพื่อป้องกันตนเอง นอกจากนี้เจ้าหน้าที่ยังกล่าวหาว่าพบยาบ้าเป็นจำนวน 2,800 เม็ด...

ปัญหาของการไปไม่ทะลุกรอบอาณานิคม

ปาฐกถาในหัวข้อ “ล้านนาทะลุกรอบอาณานิคม” โดย รองศาสตราจารย์ ดร. วราภรณ์ เรืองศรี ภาควิชาประวัติศาสตร์ คณะมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของงานเวทีวิชาการ Lanna Symposium: Lanna Decolonized “ล้านนาทะลุกรอบอาณานิคม” ในวันที่ 4 มีนาคม 2567 ณ ห้องประชุมชั้น 2 ตึก...

รำลึก “บุญสนอง บุณโยทยาน” นักสังคมนิยมคนล้านนา เหยื่อทมิฬขวาพิฆาตซ้าย ตอนที่ 2 : พรรคและอุดมการณ์สังคมนิยมของบุญสนอง

ว่าด้วยอุดมการณ์นั้น แม้บุญสนองจะทราบดีและเคยระบุไว้ในงานเขียนทางวิชาการของเขาด้วยว่าอุดมการณ์สังคมนิยมยังเป็นสิ่งที่ไม่สู้แพร่หลายนักในสังคมไทย หากแต่ตัวบุญสนองนั้นไม่เคยปกปิดความเป็นนักสังคมนิยมของตัวเองเลย ดังจะเห็นได้จากการตั้งชื่อพรรคการเมืองที่แสดงอุดมการณ์อย่างตรงไปตรงมาว่า “พรรคสังคมนิยมแห่งประเทศไทย” ข้อเขียนและบทสัมภาษณ์ต่าง ๆ ของบุญสนองเต็มไปด้วยศัพท์แสงฝ่ายซ้ายต่าง ๆ เช่น การกดขี่ขูดรีด ชนชั้น กึ่งเมืองขึ้นกึ่งศักดินา ฯลฯ ตามประสานักวิชาการฝ่ายซ้าย ว่าด้วยเรื่องศัพท์แสงนี้ กล่าวกันว่าคำศัพท์ทางสังคมวิทยาว่า “ความแปลกแยก” ซึ่งแปลมาจาก alienation และเป็นคำสำคัญที่นิยมใช้ในงานวิชาการฝ่ายซ้ายปัจจุบันนั้น ก็คือบุญสนองนี่เองที่เป็นผู้ใช้จนเป็นที่นิยมขึ้นมา บุญสนองพยายามแก้ไขความเข้าใจผิดของสังคมไทยต่ออุดมการณ์สังคมนิยมอยู่บ่อยครั้งตามบทสัมภาษณ์ต่าง ๆ ว่าสังคมนิยมเป็นหนทางที่จะก่อให้เกิดประชาธิปไตยทั้งในทางการเมืองและในทางเศรษฐกิจ...

รำลึก “บุญสนอง บุณโยทยาน” นักสังคมนิยมคนล้านนา เหยื่อทมิฬขวาพิฆาตซ้าย

ช่วงต้นเดือนนี้ที่ผ่านมาเป็นช่วงเวลาที่กระแสความตึงเครียดและความรุนแรงทางการเมืองเริ่มปรากฏให้เห็นในสังคมไทยอีกระลอกหลังจากที่กลุ่มหัวรุนแรงฝ่ายขวาบุกเข้าทำร้ายมวลชนฝ่ายก้าวหน้าระหว่างการทำกิจกรรมของกลุ่มทะลุวังบริเวณสยามสแควร์ และยังโพสต์ข้อความข่มขู่จะทำร้ายจนถึงขั้นจะเอาชีวิตนักเคลื่อนไหวฝ่ายก้าวหน้า โดยที่เจ้าหน้าที่บ้านเมืองไม่ได้พยายามจะป้องกันหรือจับกุมผู้ใช้ความรุนแรงแม้สักคน แต่กลับไล่จับกุมนักเคลื่อนไหวผู้เป็นฝ่ายถูกกระทำแทน พร้อม ๆ กันนี้ กลุ่มมวลชนฝ่ายขวากลุ่มอื่น ๆ ก็พยายามโหมกระแสคลั่งไคล้เทิดทูนตัวบุคคลให้กระพือขึ้นมาอีกครั้ง บรรยากาศเช่นนี้ชวนให้นึกถึงกระแส “ขวาพิฆาตซ้าย” หรือกระแสความรุนแรงโดยฝ่ายขวาที่เกิดขึ้นในช่วงปี 2519 จนนำไปสู่เหตุการณ์ 6 ตุลา 2519 ซึ่งเป็นการสังหารหมู่ทางการเมืองที่น่าสลดใจที่สุดครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์ไทย ในระหว่างช่วงไหลเชี่ยวของกระแสนี้ ฝ่ายขวาใช้ปฏิบัติการจิตวิทยาสร้างกระแสความเกลียดกลัวฝ่ายซ้ายและกระแส “ปกป้องสถาบัน” ผ่านกลไกการสื่อสารต่าง ๆ...