ปัญหาของการไปไม่ทะลุกรอบอาณานิคม

Date:

ปาฐกถาในหัวข้อ “ล้านนาทะลุกรอบอาณานิคม” โดย รองศาสตราจารย์ ดร. วราภรณ์ เรืองศรี ภาควิชาประวัติศาสตร์ คณะมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของงานเวทีวิชาการ Lanna Symposium: Lanna Decolonized “ล้านนาทะลุกรอบอาณานิคม” ในวันที่ 4 มีนาคม 2567 ณ ห้องประชุมชั้น 2 ตึก 3 (ภาควิชาสังคมวิทยาฯ) คณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่

โจทย์คือล้านนาทะลุกรอบกรอบอาณานิคม เราเลยไปคิดต่อว่า “แล้วปัญหาของการที่เรายังไปไม่ทะลุกรอบอาณานิคม มันเป็นเพราะอะไรกันแน่?” มันไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่เรายังวนเวียน คุยกันเรื่องพวกนี้อยู่…

สิ่งที่เปลี่ยนไป คือ เราเห็นความเปลี่ยนแปลงทางความคิด และการตื่นตัวของคนรุ่นใหม่ที่หันมาสนใจและเข้ามาทำงานเชิงวิชาการที่เข้มข้นขึ้น ซึ่งปัจจุบันอาจจะแปลงสารออกไปในรูปแบบของงานศิลปะ งานวรรณกรรม งานเขียน งานสื่อสารมวลชน และงานวิชาการ

เราตั้งโจทย์ไว้ว่า “ปัญหาของการไปไม่ทะลุกรอบอาณานิคม” โดยเริ่มจากคำถามที่ว่า “เราวิพากษ์ความรู้ อำนาจ และความสัมพันธ์แบบอาณานิคมมากพอหรือยัง” และ “งานศึกษาเกี่ยวล้านนาและสยามในช่วงเปลี่ยนผ่านไปสู่สมัยใหม่ จะสามารถสลัดข้อถกเถียงหรือความรู้เกี่ยวกับอาณานิคมได้ไหม”

ถ้าเราย้อนกลับไป ตั้งแต่ความคิดเรื่องสังคมไทยอยู่ในสภาวะกึ่งเมืองขึ้นกึ่งศักดินา เราจะนึกถึงชื่ออุดม ศรีสุวรรณ ขึ้นมา เราได้ยินคำว่ากึ่งอาณานิคมในแวดวงวิชาการไทยศึกษา เราก็จะนึกถึงชื่อของอาจารย์ธงชัย วินิจจะกุลขึ้นมา อาจารย์ธงชัย เคยเสนอไว้ว่า ท่าทีของสยามในบริบทอาณานิคม คือ การถูกคุมคามจากมหาอำนาจ แต่กลุ่มชนชั้นนำก็ได้ประโยชน์หรือพึ่งพิงจากมหาอำนาจด้วย โดยสัมพันธ์กับการจัดการพื้นที่ที่มีลักษณะคลุมเครือ อย่างกรณีของล้านนา ซึ่งประเด็นเรื่องกึ่งอาณานิคมนั้น มันจะเชื่อมต่อกับประเด็นอาณานิคมอำพราง รวมถึงอาณานิคมภายใน

อย่างไรก็ตาม อาจารย์ไชยันต์ รัชชกูล ไม่ได้เห็นด้วยที่จะใช้คำว่าอาณานิคมภายใน เพราะความสัมพันธ์ของสยามกับล้านนา มันแทบจะเป็นคนอื่นของกันและกัน ไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งและไม่ได้เป็นอะไรกัน เลยจะใช้คำว่าอาณานิคมภายในไม่ได้

ประเด็นนี้ทำให้เห็นว่า “เรายังถกเถียงเรื่องสถานะ อำนาจ และลักษณะของอาณานิคมกันอยู่” ซึ่งจะทำราวกับว่าไม่มีข้อถกเถียงเหล่านี้เกิดขึ้นอยู่ไม่ได้

ข้อสังเกตประการถัดมา ถ้าข้อถกเถียงยังอยู่ เราจะเข้าใจหรือจัดวางตำแหน่งแห่งที่ของมันอย่างไรในประวัติศาสตร์และโลกวิชาการ เพราะที่ผ่านมาส่วนใหญ่เรามักศึกษาจากบทบาทของคนชั้นนำ มากกว่าการตรวจสอบว่าอำนาจแบบอาณานิคม มันไปกระทำการเปลี่ยนแปลงโลกทัศน์ วิธีคิด และการใช้ชีวิตของผู้คนอย่างไรบ้าง เรายังขาดการศึกษาทำนองนี้ เพราะฉะนั้นการทะลุกรอบอาณานิคม เราก็ต้องคิดให้ทะลุประมาณหนึ่ง แต่ไม่จำเป็นถึงขั้นต้องได้ข้อสรุป

ถ้าเรากลับมามอง อาจจะตั้งข้อสงสัยว่าเราอยู่ในบริบทยุคหลังอาณานิคม ที่สยามสามารถผนวกล้านนาได้สำเร็จ แล้วจะศึกษาอะไรในช่วงหลังยุคดังกล่าว แต่ในโลกประวัติศาสตร์ สังคมศาสตร์ และมนุษยศาสตร์ เราไม่ได้หยุด งานประวัติศาสตร์ไม่ได้กักขังตัวเองไว้อยู่กับกองเอกสาร จารึก วัตถุ หรือแม้กระทั่งเวลาทางประวัติศาสตร์ เราจะเห็นการส่งต่อความคิด ความทรงจำ และความสัมพันธ์ในด้านต่าง ๆ ที่ยังเห็นร่องรอยของอาณานิคมอยู่ในชีวิตประจำวัน ในช่วงหลังอาณานิคมนี้ต่างหากที่ทำให้เราย้อนกลับไปศึกษาและทำความเข้าใจ ถึงลักษณะของอำนาจอาณานิคมที่ฝังรากอยู่ในสังคม 

ปัญหาของการไปไม่ทะลุกรอบอาณานิคม  โดยมุมมองจากคนที่สังเกตการณ์เกี่ยวกับงานศึกษาประวัติศาสตร์ล้านนาที่ผ่านมา แบ่งออกเป็น 3 ประเด็นย่อย ดังนี้

1.ลักษณะความสัมพันธ์ที่ล้านนาปรากฎในงานเขียนประวัติศาสตร์ มันไม่สามารถแยกออกจากแนวคิดเรื่องอาณานิคมอำพราง รวมถึงอาณานิคมภายใน เพราะกระบวนการที่สยามปรับเปลี่ยนไปเป็นรัฐสมัยใหม่ โดยก่อร่าง สร้างความเป็นล้านนา มันไม่ได้แยกออกจากความเป็นสยามตั้งแต่ต้น เพราะฉะนั้น ประวัติศาสตร์ชาติหรือประวัติศาสตร์ราชาชาตินิยม มันจึงกลายเป็นกรอบที่เข้ามาครอบงำการศึกษาประวัติศาสตร์ล้านนา สิ่งที่ล้านนาสนใจ ไม่ว่าจะเป็นมิติทางเศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรม มันจึงไปไม่พ้นประวัติศาสตร์แบบหลวง เพราะยังคงติดเพดานว่าสัมพันธ์กับชนชั้นนำทางสังคม

2.การเขียนประวัติศาสตร์สามัญชนโดยติดกับดักจากแนวคิดมุมมองของชนชั้นนำ โดยเปรียบเทียบกับคนกลุ่มอื่นว่ามีความเจริญด้อยกว่า เป็นการเพิกเฉยและบิดเบือนทางประวัติศาสตร์ ซึ่งไม่สามารถนำไปสู่การสนทนากับแนวคิดอื่น ๆ ที่เกิดขึ้นใหม่ ถ้าเราอยากจะทะลุเพดาน มันไม่ใช่แค่เรื่องประวัติศาสตร์อย่างเดียว 

3.ทุกวันนี้ความสัมพันธ์ของเราและกลุ่มอื่น ๆ ยังมีร่องรอยความคิดแบบอาณานิคมฝังตัวกันอยู่อย่างลึกซึ้ง อย่างเขตเศรษฐกิจของเมือง จะเป็นเขตที่ขับไล่ชุมชนคนไร้บ้านหรือชุมชนแออัดในย่านเมืองออกเป็นกลุ่มแรก ๆ คนเหล่านี้ไม่ได้อยู่จินตนาการของเมืองที่อยู่ร่วมกัน และเชียงใหม่ก็เป็นแบบนั้น

เราวิพากษ์คนอื่นโดยหาคู่ขัดแย้ง มันง่ายที่จะพูดถึง แต่เราวิพากษ์ตัวเองน้อยเกินไป เพราะไม่ใช่ว่างานศึกษาของเราไม่มีข้อจำกัดหรือมีปัญหา ยังมีสิ่งที่เราจะต้องไปต่อหรือข้ามให้พ้นเพื่อทะลุกรอบอาณานิคม

เราวิพากษ์ความรู้ อำนาจ และความสัมพันธ์แบบอาณานิคมมากพอหรือยัง?

พื้นที่สื่อสาร สังคมประชาธิปไตย ชีวิตใหม่ที่ดีกว่า

ทีมข่าวที่ประกอบไปด้วยผู้คนหลากหลาย บ้างก็มาจากทะเล บ้างก็มาจากภูเขา แต่สุดท้ายก็ลงเอยที่ภาคเหนืออยู่ที่ Lanner นี่แหละ...

Lanner Editor
Lanner Editor
ทีมข่าวที่ประกอบไปด้วยผู้คนหลากหลาย บ้างก็มาจากทะเล บ้างก็มาจากภูเขา แต่สุดท้ายก็ลงเอยที่ภาคเหนืออยู่ที่ Lanner นี่แหละ...

มาตรการลงทะเบียนซิมด้วย Liveness Detection ถูกตั้งคำถาม กระทบคนไร้สัญชาติ–แรงงานข้ามชาติ ‘ตี่ตาง’ ชี้จำกัดสิทธิสื่อสาร แก้ปัญหาไม่ตรงจุด

จากกรณีที่ สำนักงานคณะกรรมการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ เเละกิจการโทรคมนาคมเเห่งชาติ (กสทช.) ประกาศใช้เทคโนโลยี Liveness Detection เมื่อวันที่...

พ่อหมอกฤตไท ร้องหยุดดองร่าง พ.ร.บ.อากาศสะอาด ด้านสภาลมหายใจ เเถลงไม่ควรเอื้อนายทุน

หลังจากเมื่อวันที่ 21 กันยายน 2568 สภาผู้แทนราษฎรมีมติเห็นชอบร่าง พ.ร.บ.บริหารจัดการเพื่ออากาศสะอาดฯ ในวาระสามด้วยคะแนนเห็นด้วย 309 เสียง...

ให้คะแนนรัฐบาลอนุทิน ‘สอบตกยกแผง’ แก้ปัญหาน้ำกก–สายรวก–โขงปนเปื้อนโลหะหนัก จากเหมืองแร่ในรัฐฉาน

สืบสกุล กิจนุกร นักวิชาการด้านการพัฒนาระหว่างประเทศ มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง ประเมินการทำงานของรัฐบาลไทยในการรับมือปัญหามลพิษข้ามพรมแดนจากเหมืองแร่ในรัฐฉาน ประเทศเมียนมา ระบุว่า ‘สอบตกยกแผง’ พร้อมแจกแจงการประเมินเป็นรายบุคคลต่อผู้นำฝ่ายบริหารสามตำแหน่ง นายกฯ...

Lanner Joy: LOLA Gallery DRIP แรงบันดาลใจจากความฝันเล็กๆ สู่รากกาแฟห้วยตองก๊อที่เติบโตอย่างแข็งแรง

เรื่องและภาพ: สุทธิกานต์ วงศ์ไชย ยามบ่ายต้นเดือนพฤศจิกายนที่ลานกว้างของโครงการจริงใจมาร์เก็ต เชียงใหม่ เสียงแจ๊สลอยแผ่วเบาเคล้ากลิ่นกาแฟที่เพิ่งบดใหม่ เทศกาล Jazz Arabica กลับมาอีกครั้งในปี...