ประวัติศาสตร์

ก๊อนเก๊าเล่าล้านนา: สัปป๊ะความเชื่อว่าด้วย ‘เรื่องผี’ กับบทบาทความเป็นชายและ ความเป็นหญิงในสังคมล้านนา

เรื่อง: นวลคำ ขะยอมแดง สุภาพชนคนเมือง “อันว่าผี มีอยู่ทุกเครือเขาและเส้นหญ้า จะหาแผ่นดินว่างผี สักฝ่ามือก็หามีไม่” คำกล่าวโบราณข้างต้นของบรรพชนชาวล้านนาที่ยกมาอ้างนี้ สะท้อนถึงความอุดมสมบูรณ์ของ “ผี” ที่มีอยู่ในผืนแผ่นดินถิ่นล้านนาแถบนี้อย่างมากมาย ผีในสังคมล้านนาหรือว่าสังคมทั่วไปจึงมีฐานะเป็นทั้งความเชื่อ วิถีศรัทธา ความน่ากลัว ตลอดสิ่งที่ควรค่าแก่การบูชาที่แทรกซึมอยู่ในทุกวิถีการดำรงชีวิตของคนล้านนาที่มี  ความเกี่ยวพันกับสิ่งที่เรียกว่า “ผี” ตั้งแต่เกิดไปจนตาย แม้มีการเผยแพร่ศาสนาหรือลัทธิต่าง ๆ มาสู่ดินแดนล้านนาจึงได้มีการผสมผสานกับรากฐานความเชื่อดั้งเดิมและสามารถรับศาสนาความเชื่อใหม่ที่เผยแพร่เข้ามาสู่สังคมแห่งนี้ ล้านนาจึงเป็นอาณาบริเวณในการหลอมรวมความเชื่อของศาสนาต่าง ๆ เข้าด้วยกันซึ่งส่งผลให้วิถีชีวิตของผู้คนในดินแดนแถบนี้มาอย่างยาวนาน “ผี” ถูกประกอบสร้างความหมายและความสัมพันธ์ที่เป็นไปในในลักษณะที่ประนีประนอมกับพุทธศาสนา...

ยามบ้านเมืองเกิดปัญหา “ตนบุญ” จึงบังเกิด : ขบวนการทางศาสนาในสังคมล้านนา

เรียบเรียง: ณัฏฐวรรธน์ คล้ายสมมุติ ภาพจาก https://forums.chiangraifocus.com/?topic=1161.20#gsc.tab=0.  เนื้อหาจากการบรรยายพิเศษระดับปริญญาตรี คณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร เรื่องสะท้อนย้อนคิด “ประเด็นปัญหา” ในการศึกษาประวัติศาสตร์ล้านนา ในหัวข้อ “ขบวนการทางศาสนาในล้านนา” บรรยายโดย ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร. พิสิษฏ์ นาสี คณะศึกษาศาสตร์มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เมื่อวันที่ 25 กรกฎาคม 2567 ทำไมต้องสนใจศาสนา? พิสิษฏ์ นาสี ตั้งประเด็นว่าในการบรรยายในครั้งนี้ว่า “ศาสนาคืออะไร”...

เมื่อจารีตแบบเดิมไปไม่ได้กับการเมือง ผู้คนจึงข้ามแดน: สะท้อนย้อนคิดประเด็นปัญหาเรื่อง “ลื้อข้ามแดน”

เรียบเรียง: ณัฏฐวรรธน์ คล้ายสมมุติ เนื้อหาจากการบรรยายพิเศษระดับปริญญาตรี คณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร เรื่องสะท้อนย้อนคิด “ประเด็นปัญหา” ในการศึกษาประวัติศาสตร์ล้านนา ในหัวข้อ “ลื้อข้ามแดน” บรรยายโดย รศ.ดร.วสันต์ ปัญญาแก้ว อาจารย์ประจำภาควิชาสังคมวิทยาและมานุษยวิทยา คณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เมื่อวันที่ 19 กรกฎาคม 2567 ใครคือชาวลื้อ?  วสันต์ ตั้งประเด็นการบรรยายครั้งนี้ด้วยคำถามที่ว่า “ล้านนาคืออะไร” หากตอบในความหมายแคบ ล้านนาคือพื้นที่ที่อยู่ใน...

ก๊อนเก๊าเล่าล้านนา: อำลาด้วยอาลัย ศิลปินนักร้องเพลงไตย ผู้ขับเคลื่อนการเมืองวัฒนธรรมผู้ยิ่งใหญ่นาม “จายสายมาว”

เรื่อง: นวลคำ ขะยอมแดง สุภาพชนคนเมือง “จายสายมาว” ชื่อเสียงเรียงนามนี้คงเป็นที่คุ้นหูหรืออยู่ในความทรงจำของผองคนชนไทใหญ่ในฐานะศิลปินเพลงที่ได้รับความนิยมมากที่สุด “จาย” หรือ “ชาย”นั้น เป็นคำนำหน้านามเรียกชื่อของ “พ่อชายคนไตย” เฉกเช่นเดียวกับคนว่า “นาง” ซึ่งเป็นคำนำหน้านามเรียกชื่อของ “แม่ญิงคนไตย” ดังนั้น จายสายมาวจึงเป็นนามเรียกขานของผู้ชายที่มีชื่อว่า “สายมาว” อันเป็นนามที่สัมพันธ์กับ “ลุ่มน้ำมาว” อันเป็นแผ่นดินถิ่นเกิดของเขา ทั้งนี้ ผลงานเพลงของเขาไม่ต่ำกว่า 50 อัลบั้มของจายสายมาวนั้น ก็น่าจะเป็นสิ่งยืนยันถึงการได้รับความนิยมชมชอบที่แฟนเพลงมีต่อตัวเขาได้ดีซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นผลงานการสร้างสรรค์จากตัวของเขาเอง...

ก๊อนเก๊าเล่าล้านนา: นโยบายด้านภาษีที่ไม่ลงรอยกับวิถีชีวิตชาวนาสู่การต่อต้านของชาวนาและกบฏพญาผาบ

เรื่อง: นวลคำ ขะยอมแดง สุภาพชนคนเมือง การปฏิรูประบบราชการแผ่นดินจากดินแดนประเทศราชล้านนามาสู่การปกครองในรูปแบบมณฑลพายัพของรัฐบาลสยาม ดำเนินการผ่านการรวมศูนย์อำนาจและลดทอนอำนาจจากเหล่าบรรดาเจ้านายท้องถิ่นในล้านนาตามขนบของรัฐจารีตแบบดั้งเดิมเพื่อดำเนินการจัดการปกครองตามขนบของรัฐสมัยใหม่เข้ามาแทนที่ โดยมีการปรับเปลี่ยนนโยบายด้านภาษีในรูปแบบใหม่ซึ่งได้มีการปรับปรุงหลายวาระในเรื่องกฎเกณฑ์ ข้อบังคับและพระราชบัญญัติที่ประกาศออกมานับแต่ปี พ.ศ.2427  สิ่งเหล่านี้ได้ก่อให้เกิดผลกระทบโดยตรงต่อผู้คนทั่วไปในสังคมล้านนาโดยเฉพาะอย่างยิ่ง “ชาวนา” ที่ต้องมีการปรับตัวเพื่อแบกรับภาระในด้านภาษีที่มีมากเกินกว่ากำลัง สำหรับชนชั้นนำในสังคมล้านนานั้นก็ถือได้ว่ามีสถานะเป็นผู้กอบโกยผลประโยชน์จากแรงงานและและผลผลิตส่วนเกินในรูปของภาษีอากร นั่นจึงเป็นเงื่อนไขสำคัญด้านเศรษฐกิจที่มากำหนดทิศทางของประวัติศาสตร์ในมุมมองแบบซ้าย ๆ ให้ชนชั้นผู้ทำการผลิตอย่างเช่น พวกชาวนาและชนชั้นผู้ปกครองอย่างพวกเจ้านาย กลายมาเป็นเป็นปฏิปักษ์ต่อกันหลายพื้นที่โดยชาวนาได้มีปฏิกิริยาต่อต้านผ่านรูปแบบวิธีการต่าง ๆ ต่อนโยบายด้านภาษีที่ออกเป็นกฎหมายจากผู้ปกครองจากส่วนกลางและรัฐบาลสยามที่สร้างผลกระทบมาสู่สังคมท้องถิ่นล้านนาโดยสิ่งเหล่านี้มีส่วนสำคัญต่อการเปลี่ยนโครงสร้างการผลิตจากสังคมดั้งเดิมแบบชาวนาที่เน้นการผลิตเพื่อขายให้เปลี่ยนเข้าสู่ระบบการค้าและเงินตราผ่านเศรษฐกิจแบบทุนนิยมในช่วงเวลาต่อมา นโยบายด้านภาษีรูปแบบใหม่ที่มีผลบังคับใช้ในสังคมท้องถิ่นล้านนาเกิดขึ้นผ่านการเปลี่ยนการเก็บภาษีจากผลผลิตเป็นเก็บเป็นเงินที่ใช้ระบบผูกขาดและจัดเก็บโดยเจ้าภาษีนายอากรซึ่งการให้อำนาจผูกขาดแก่เจ้าภาษีนั้นได้มีผลทำให้ชาวนาต้องรับภาระหลายด้าน เช่น การหาตัวเงินมาเสียภาษีแล้วยังถูกเจ้าภาษีนายอากรขูดรีดต่ออย่างหนักอีกเพื่อชดเชยกับการที่ได้สูญเสียเงินค่าประมูลจำนวนมาก ขณะเดียวกันยังได้มีการเพิ่มประเภทภาษีและเพิ่มอัตราภาษีที่จัดเก็บมากขึ้นส่งผลให้เกิดปฏิกิริยาการต่อต้านจากเหล่าผู้คนในสังคมชาวนาที่ได้มีการต่อต้านขัดขวางด้วยรูปแบบวิธีการหลายอย่าง ตลอดจน มีการพูดคุยในเชิงที่ไม่พอใจดังปรากฏหลักฐานในคำกราบทูลของเจ้าบุรีรัตน์ว่า "ภาษีต้นพลูนั้น ราษฎรปลูกพลูยังไม่ทันเก็บใบได้...