บันทึกการเดินทางของกรมฯ ดำรง ที่ลำน้ำปิง

Date:

เรื่อง: สมหมาย ควายธนู

สมเด็จฯ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ มีโอกาสเดินทางมามณฑลพายัพ ใน พ.ศ. 2464 ได้อธิบายเรื่องราวการเดินทางในช่วงขากลับกรุงเทพฯ ว่าล่องเรือตามลำน้ำปิงจากเชียงใหม่ ผ่านลำพูน ตาก กำแพงเพชร ไปจนถึงปากน้ำโพ ตีพิมพ์เป็นหนังสือ อธิบายระยะทางล่องลำน้ำพิง ตั้งแต่เมืองเชียงใหม่ถึงปากน้ำโพธิ์ รวมระยะเวลาการเดินทางเป็นเวลาเกือบ 1 เดือน ตั้งแต่วันที่ 11 กุมภาพันธ์ – 8 มีนาคม พ.ศ. 2464 (นับตามปฏิทินแบบที่มีเดือนเมษายนเป็นเดือนแรกของปี) ซึ่งเรื่องราวในแต่ละวัน ทั้งทัศนะต่อผู้คน สภาพทางภูมิศาสตร์ และหลักฐานประวัติศาสตร์ศิลปะ – โบราณคดี เผยให้เห็นนัยทางการเมืองอย่างน่าสนใจ

เหตุในการตีพิมพ์

หนังสืออธิบายระยะทางล่องลำน้ำพิง ตั้งแต่เมืองเชียงใหม่ถึงปากน้ำโพธิ์ กรมศิลปากร พิมพ์เมื่อ พ.ศ. 2562 (ภาพเก่าในช่วง พ.ศ. 2464 ที่นำมาใช้มาจากหนังสือเล่มนี้)

หน้าคำนำของหนังสือ อธิบายระยะทางล่องลำน้ำพิง ตั้งแต่เมืองเชียงใหม่ถึงปากน้ำโพธิ์ ฉบับพิมพ์ครั้งแรก เขียนขึ้นใน พ.ศ. 2470  กรมฯ ดำรง เล่าไว้ว่าตั้งใจจะตีพิมพ์เป็นของถวายเจ้านายหลายพระองค์ ในการประพาสมณฑลพายัพ ซึ่งคาดการณ์ว่าคงจะมีผู้อื่นถวายของต่างๆ ที่เป็นปัจจัยในการเดินทางอยู่แล้ว แต่ทว่าขาดหนังสืออธิบายระยะทาง

กรมฯ ดำรง จึงเล่าต่อว่า สำหรับเส้นทางที่เป็นการเดินทางทางน้ำ ตนเองเคยทำต้นฉบับไว้ ในช่วงเวลาเดินทางไปมณฑลพายัพ เมื่อ พ.ศ. 2464 ได้ล่องเรือตามลำน้ำปิงเพื่อจะตรวจเมืองโบราณ ซึ่งสิ่งนี้อยู่ในความสนใจของเจ้าดารารัศมี จึงได้จดเป็นบันทึกรายวันและคัดไปถวาย หากแต่มีต้นฉบับที่เป็นพิมพ์ดีดค้างอยู่ ทั้งยังไม่เคยมีการตีพิมพ์ จึงได้จัดการส่งโรงพิมพ์ของพระโสภณอักษรกิจตีพิมพ์ในเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2470 

สิ่งหนึ่งที่แวดล้อมอยู่ในความสนใจของกรมฯดำรง ช่วงเวลาก่อนหน้าการตีพิมพ์บันทึกชิ้นนี้เพียง 1 เดือน กรมฯ ดำรงเคยแสดงปาฐกถาเรื่อง ลักษณะการปกครองประเทศสยามแต่โบราณ ที่สามัคยาจารย์สมาคม เมื่อวันที่ 8 ตุลาคม พ.ศ. 2470 ว่าเป็นประสบการณ์ที่ได้จากการรับราชการในกระทรวงมหาดไทย ซึ่งสิ่งที่พูดในวันนั้น เป็นแม่บทสำคัญในการใช้ประวัติศาสตร์และโบราณคดีเป็นรากฐานในการอธิบายการปกครองในอดีตที่มีกษัตริย์เป็นศูนย์กลางนั่นเอง

นักเดินทางผู้ศิวิไลซ์

ขณะเดียวกัน ผู้เขียนมีโอกาสได้อ่านบันทึกการเดินทางนี้ สลับกับอ่านผลงานหลายชิ้นของธงชัย วินิจจะกูล ทำให้เข้าใจว่า การจัดการอำนาจในการผนวกรวมดินแดนของสยามเพื่อสร้างความเป็นรัฐชาติสมัยใหม่ พร้อมกับการต่อรองกับชาติตะวันตก

รัชกาลที่ 5 และชนชั้นนำสยาม เองตระหนักรู้ว่าพวกตนขาดความรู้เรื่องพื้นที่และผู้คนที่อยู่ภายใต้การปกครอง จึงจัดการเรียนการสอนเรื่องวิชาภูมิศาสตร์สมัยใหม่ รวมถึงมอบหมายงานให้เจ้านาย และข้าราชการที่ไว้วางใจไปปกครองพื้นที่ต่างๆ ในดินแดนของประเทศสยาม 

กรมฯ ดำรงกับเจ้านายฝ่ายเหนือ คราวเดินทางมามณฑลพายัพ พ.ศ. 2464

พร้อมกันนั้นเมื่อต้องปรับรับในรสนิยมแบบตะวันตก เพื่อให้ตนเองทันสมัยขึ้นมา ชนชั้นนำสยามจึงได้เปลี่ยนแปลงทัศนคติต่อการเดินทางจากความน่ากลัวและเพื่อภารกิจทางการงาน เป็นเพื่อความรู้และการพักคลาย คล้ายกับความปรารถนาในการออกจากความคุ้นชินเดิมๆ มาสัมผัสโลกใหม่

ซึ่งนักเดินทางชาวตะวันตก หรือเจ้าอาณานิคม ต่างก็บันทึกเรื่องราวต่อสิ่งที่พบเห็นทั้งสิ่งของผู้คน ทรัพยากร ในดินแดนอาณานิคม และสถานที่ต่างแดนซึ่งได้เดินทางไปเยี่ยมเยือน ชนชั้นนำสยามจึงได้ไขว่คว้าอิทธิพลนี้ของนักเดินทางผู้ล่าอาณานิคมมาเป็นของตน ผ่านการเขียนรายงาน บันทึกการเดินทาง และประสบการณ์สิ่งที่พบเห็น ตีพิมพ์ในวารสารที่นิยมกันในเหล่าชนชั้นนำและชาวต่างชาติในเวลานั้น

หากมองผ่านสถานการณ์ดังกล่าว การสำรวจเมืองโบราณตามลำน้ำปิงของ กรมฯ ดำรง จึงเป็นแผนการที่มีรอยต่อมาจากการปฏิรูปการปกครองเหนือหัวเมืองมารวมที่กรุงเทพฯ หรือที่รับรู้กันว่าเป็นการรวมศูนย์อำนาจในนามของมณฑลเทศาภิบาล และความพยายามในการสร้างความศิวิไลซ์นั้นเอง

พื้นที่เมืองและการจัดระเบียบความทรงจำ

อย่างไรก็ตาม บทบาทหน้าที่ของกรมฯ ดำรง ซึ่งเคยเป็นผู้จัดการเรียนการปรับปรุงวิชาภูมิศาสตร์สมัยใหม่ให้แก่ชนชั้นนำ และเคยเป็นเสนาบดีกระทรวงมหาดไทย ในการปฏิรูปการปกครองหัวเมืองโดยตรง คงจะเห็นความสนใจใคร่รู้ในบันทึกชิ้นนี้ที่บอกเล่าเรื่องพื้นที่เมืองในอดีต

จากการที่กรมฯ ดำรงได้ตรวจสอบลำน้ำ คูคลอง ป้อมค่าย และศิลปกรรมในสภาพความเป็นเมืองของอดีตที่เป็นศูนย์กลางของความเจริญ (เก่ากว่า ไกลพ้นไปจากปัจจุบันด้วยคำว่า โบราณ/ดึกดำบรรพ์) ที่ทับซ้อนกับเมืองหรือบ้านหรือตำบล

เพื่อกำหนดขอบเขตหรือหน่วยความเป็นพื้นที่ที่สัมพันธ์กับเรื่องราวต่างๆ ของกษัตริย์ ที่มีอำนาจจากศูนย์กลางการปกครองอยู่ในอาณาจักรลพบุรี สุโขทัย อยุธยา ธนบุรี รัตนโกสินทร์ ที่อิงกับจารึกพ่อขุนรามคำแหง ตำนานพระนางจามเทวี และพงศาวดารต่างๆ เพื่อเชื่อมอำนาจในการปกครองและจัดสรรทรัพยากร พร้อมกับการจัดระเบียบความทรงจำที่มีต่ออดีต เพื่อยึดโยงเข้ากับกรุงเทพฯ เพื่อสร้างสำนึกในความเป็นไทยที่มีกษัตริย์เป็นศูนย์กลางของเรื่อง (เรื่องเล่าและข้อสันนิษฐานหลายๆ เรื่องของกรมฯ ดำรงยังทำงานอยู่ในสถานที่ทางประวัติศาสตร์หรือโบราณสถาน จนกลายเป็นชุดความรู้ที่ฝังอยู่ในความทรงจำของผู้คนถึงปัจจุบัน)

จะเห็นได้จากกรณีกรมฯ ดำรงเดินทางไปสำรวจศิลปกรรมบนดอยข่อยเขาแก้วและวัดพระนารายณ์ เมืองตาก ดังนี้

“… น่าสันนิษฐานว่าเดิมเห็นจะมีพระเจดีย์คู่สร้างไว้แต่ครั้งสมเด็จพระนเรศวรกับสมเด็จพระเอกาทศรถเมื่อได้เมืองเชียงใหม่ ชะรอยจะชำรุดทรุดโทรม สมเด็จพระนารายณ์ทรงบูรณะ ต่อนั้นไปอีกแห่ง มีพระเจดีย์ใหญ่ฐานสี่เหลี่ยมองค์ แต่พระเจดีย์พังเสียแล้ว น่าเดาว่าเดิมเป็นของสมเด็จพระชัยราชาธิราช สร้างครั้งได้เมืองเชียงใหม่ จึงเลยเป็นเยี่ยงอย่างสร้างกันในรัชกาลหลังต่อมา มีครบทุกรัชกาลที่ได้เมืองเชียงใหม่กลับมาเป็นของไทย” (หน้า 46)

การขึ้นไปดูวัดจำนวน 2 วัดบนดอยเล็กของกรมฯ ดำรง ได้สันนิษฐานจากศิลปกรรมว่าเป็นฝีมือช่างกรุงเก่า ที่เกิดจากความตั้งใจของกษัตริย์หลายองค์ในสมัยอยุธยา และพระเจ้ากรุงธนบุรีก็ได้มาที่นี่ก่อนไปตีเมืองเชียงใหม่ ซึ่งจะแสดงอำนาจทางการเมืองเหนือเชียงใหม่ในสถานะที่เป็นดินแดนภายใต้อำนาจการปกครองของสยามด้วย

ชาวบ้าน/ชาวป่า/คนผมแดง

นอกเหนือจากการสำรวจเมืองโบราณแล้ว อีกสิ่งหนึ่งที่กรมฯ ดำรง ได้บันทึกมุมมองที่มีต่อผู้คนที่แตกต่างจากตนในสายตาแบบชนชั้นนำกรุงเทพฯ ผ่านพฤติกรรมบางอย่างของชาวบ้านที่อยู่ภายใต้การปกครอง เช่น ชายฉกรรจ์ในบ้านแม่กาที่รับจ้างถ่อเรือล่องแก่ง เมื่อพาเรือข้ามแก่งได้เรียบร้อย จะเดินทางกลับบ้านทางบก และทิ้งไม้ถ่อเรือไว้จนเกลื่อนสองข้างทาง

คนผมแดง บ้านแม่ลาด กำแพงเพชร

พร้อมกับอธิบายเรื่องของผู้คนที่เป็นชายขอบของอำนาจรัฐที่มีความเป็นอื่น โดยที่ว่าแตกต่างล้าหลัง เพราะไม่ได้นับถือพุทธศาสนา  จากกรณีวัดแก่งสร้อยเป็นวัดอยู่บนภูเขา กรมฯ ดำรงเห็นว่ามีฝีมือประณีต แต่อยู่ในทำเลไม่เหมาะแก่การเป็นบ้านและเมือง จึงพยายามหาเหตุผลในการมีอยู่ของวัดแห่งนี้ โดยอ้างอิงจากพงศาวดารว่า ในสมัยพระนารายณ์ได้สั่งให้กองทัพมากวาดต้อนผู้คนกลุ่มละว้า ซึ่งกรมฯ ดำรงว่าเป็นกลุ่มลาวเดิม ในบ้านแก่งสร้อย  “เดิมคงมีพวกละว้าอาศัยอยู่ในหมู่ภูเขาแถวนี้มาก แต่ก็เป็นบ้านป่าทั้งนั้น พวกละว้าจะสร้างวัดเหล่านี้ก็ดูพ้นวิสัย” (หน้า 28)

รวมถึงได้อธิบายลักษณะของคนที่มีผิวพรรณหรือลักษณะร่างกายแตกต่าง ซึ่งเป็นความรู้เกี่ยวกับชีววิทยาและมานุษยวิทยากายภาพที่นิยมบันทึกกันมาก ในเหล่านักล่าอาณานิคมในเรื่องความแปลกและผิดปกติ จะเห็นได้จากกรณีคนผมแดง ที่เมืองกำแพงเพชร

ถึงที่พักร้อนบ้านแม่ลาด เทศาพาคนผมแดง ซึ่งเรียกกันว่าพวกหัวแดงมาพบ คน (มาถึงเมืองขาณุทีไรได้เคยเรียกหัวแดงมาดูทุกคราว) คราวนี้ได้ถามนางคำผู้เป็นมารดาถึงพงศาวดารพวกหัวแดง ชี้แจงได้ทราบความว่าบิดามารดาว่า ปู่ทวดชื่อขุนไชย มาแต่เมืองเพ็ชบูรณ เป็นคนหัวแดงเดิมคนเดียว ขุนไชยมาได้ภรรยาที่บ้านแสนตอ มีลูกหัวแดงตามบิดาทั้งนั้น(หน้า 85)

ทิ้งท้าย

อย่างไรก็ตาม บันทึกการเดินทางล่องเรือตามลำน้ำปิงของกรมฯ ดำรงในครั้งนี้ได้เผยให้เห็นมุมมอง และส่วนสำคัญในการจัดการความทรงจำในพื้นที่เมืองที่สัมพันธ์กับอำนาจในการปกครองของสยามที่มาจากการสร้างความเป็นรัฐชาติสมัยใหม่

รวมถึงได้ฉายภาพสะท้อนของผู้คนที่อยู่ระนาบสายตาของกรมฯ ดำรง ในระหว่างเดินทาง ซึ่งในบทความชิ้นนี้ได้ยกมาเป็นเพียงบางส่วนเท่านั้น ยังมีประเด็นอื่นๆ ทั้งเป็นเรื่องราวทางประวัติศาสตร์และโบราณคดีที่สามารถนำมาวิเคราะห์ และให้รายละเอียดในพื้นที่ลำน้ำปิงก่อนการสร้างเขื่อนภูมิพลได้อีกมาก

แต่ที่สำคัญกว่านั้น ในเมื่อรู้ว่าอดีตใกล้ตัวถูกรวมศูนย์อำนาจ ก็ยิ่งต้องหาหนทางในการกระจายอำนาจ เพื่อจะได้จัดสรรทรัพยากรที่เป็นของพวกเราเอง

ภาพ : ลำน้ำปิงถ่ายจากสะพานบริเวณใกล้กับกลุ่มวัดบนที่ราบของเมืองฮอด จังหวัดเชียงใหม่ เมื่อเดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2567 ในหนังสืออธิบายระยะทางล่องลำน้ำพิง ตั้งแต่เมืองเชียงใหม่ถึงปากน้ำโพธิ์ ของกรมฯ ดำรง เล่าว่า “เมืองฮอด เดี๋ยวนี้ตั้งอยู่ได้ด้วยเป็นตลาดรับสินค้าเมืองเชียงใหม่ และเมืองตากมาขายแก่พวกชาวดอน” 

เอกสารที่ใช้ค้นคว้า

  • หนังสืออธิบายระยะทางล่องลำน้ำพิง ตั้งแต่เมืองเชียงใหม่ถึงปากน้ำโพธิ์  ที่เขียนโดยสมเด็จฯ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ (ในที่นี้ใช้ฉบับตีพิมพ์ครั้งที่ 6 เมื่อ พ.ศ. 2562 สำนักวรรณกรรมและประวัติศาสตร์ กรมศิลปากร ในการสำรวจและตรวจทานอีกครั้งโดย นายชัยสิทธิ์ ปะนันวงค์ )
  • หนังสือ คนไทย/คนอื่น : ว่าด้วยคนอื่นของความเป็นไทย ของธงชัย วินิจจะกูล (สำนักพิมพ์ฟ้าเดียวกัน จัดพิมพ์เมื่อ พ.ศ. 2560) หน้า 9, 13 – 21, 25 – 29 และ 83 – 88 
  • หนังสือ กำเนิดสยามจากแผนที่ : ประวัติศาสตร์ภูมิกายาของชาติ ของธงชัย วินิจจะกูล (สำนักพิมพ์คบไฟ จัดพิมพ์เมื่อ พ.ศ. 2556) หน้า 67 – 71
  • หนังสือ ลักษณะการปกครองประเทศสยามแต่โบราณ สร้างตลาดสำหรับเมือง สร้างเมือง พระนิพนธ์ของสมเด็จฯ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ (พิมพ์เป็นอนุสรณ์ในงานพระราชทานเพลิงศพ นายดาว บุปผเวส เมื่อ พ.ศ. 2511) หน้า 1 – 3
สมหมาย ควายธนู
สมหมาย ควายธนู
เต้นหน้าร้านชำ

มาตรการลงทะเบียนซิมด้วย Liveness Detection ถูกตั้งคำถาม กระทบคนไร้สัญชาติ–แรงงานข้ามชาติ ‘ตี่ตาง’ ชี้จำกัดสิทธิสื่อสาร แก้ปัญหาไม่ตรงจุด

จากกรณีที่ สำนักงานคณะกรรมการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ เเละกิจการโทรคมนาคมเเห่งชาติ (กสทช.) ประกาศใช้เทคโนโลยี Liveness Detection เมื่อวันที่...

พ่อหมอกฤตไท ร้องหยุดดองร่าง พ.ร.บ.อากาศสะอาด ด้านสภาลมหายใจ เเถลงไม่ควรเอื้อนายทุน

หลังจากเมื่อวันที่ 21 กันยายน 2568 สภาผู้แทนราษฎรมีมติเห็นชอบร่าง พ.ร.บ.บริหารจัดการเพื่ออากาศสะอาดฯ ในวาระสามด้วยคะแนนเห็นด้วย 309 เสียง...

ให้คะแนนรัฐบาลอนุทิน ‘สอบตกยกแผง’ แก้ปัญหาน้ำกก–สายรวก–โขงปนเปื้อนโลหะหนัก จากเหมืองแร่ในรัฐฉาน

สืบสกุล กิจนุกร นักวิชาการด้านการพัฒนาระหว่างประเทศ มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง ประเมินการทำงานของรัฐบาลไทยในการรับมือปัญหามลพิษข้ามพรมแดนจากเหมืองแร่ในรัฐฉาน ประเทศเมียนมา ระบุว่า ‘สอบตกยกแผง’ พร้อมแจกแจงการประเมินเป็นรายบุคคลต่อผู้นำฝ่ายบริหารสามตำแหน่ง นายกฯ...

Lanner Joy: LOLA Gallery DRIP แรงบันดาลใจจากความฝันเล็กๆ สู่รากกาแฟห้วยตองก๊อที่เติบโตอย่างแข็งแรง

เรื่องและภาพ: สุทธิกานต์ วงศ์ไชย ยามบ่ายต้นเดือนพฤศจิกายนที่ลานกว้างของโครงการจริงใจมาร์เก็ต เชียงใหม่ เสียงแจ๊สลอยแผ่วเบาเคล้ากลิ่นกาแฟที่เพิ่งบดใหม่ เทศกาล Jazz Arabica กลับมาอีกครั้งในปี...