28 เมษายน 2566 เวลา 13.00-16.30 น. โครงการจัดตั้งมูลนิธิสร้างสรรค์อนาคตเยาวชน จัดเวที “เวที รณรงค์ผลักดันนโยบายและกฎหมายที่คํานึงถึงเสียและสิทธิของผู้หญิง เด็กชนเผ่าพื้นเมือง รวมทั้งชนเผ่าพื้นเมืองที่มีความหลากหลายทางเพศ” สนับสนุนโดย Foundation for a Just Society ณ โรงแรม Kantary Hills Hotel จ.เชียงใหม่ โดยเป้าหมายของเวทีในครั้งนี้เป็นการสร้างพื้นที่สื่อสารสาธารณะในการรณรงค์ผลักดันนโยบายและกฎหมายกับพรรคการเมือง ชุมชน และสังคมไทย ที่คํานึงการมีส่วนร่วมของผู้หญิง เด็กและเยาวชนชนเผ่าพื้นเมืองที่มีความหลากหลายทางเพศ ทั้งในมิติสิทธิชนเผ่าพื้น เมือง ที่ครอบคลุมสิทธิชุมชน สิทธิที่ดินและสิทธิในการเข้าถึงทรัพยากรธรรมชาติ ซึ่งได้รับผลกระทบจากการจํากัดและการละเมิดโดยกฎหมายและนโยบายของภาครัฐ การดําเนินโครงการพัฒนา ขนาดใหญ่ รวมถึงการดําเนินงานของภาคธุรกิจ และการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
โดยมีตัวแทนเยาวชนชนเผ่าพื้นเมืองจากทั้ง 5 ชุมชนร่วมนําเสนองานวิจัย และข้อเสนอเชิงนโยบาย ได้แก่ ภัครทรินทร์ จรุงสาครเยาวชน นักวิจัยชุมชนแม่ทิยาเพอ จังหวัดแม่ฮ่องสอน, มะเมียะเส่ง สิริวลัย เยาวชนชนเผ่าพื้นเมืองที่มีความหลากหลายทางเพศ เยาวชนนักวิจัย ชุมชนแม่สามแลบ จังหวัดแม่ฮ่องสอน, ดาวรุ่ง เวียงวิชชา เยาวชนนักวิจัย ชุมชนแม่อมกิ จังหวัดตาก, ดํารงณ์ ราตรีคีรีรักษ์ เยาวชนนักวิจัย ชุมชนแม่ปางทอง จังหวัดตาก และ อนุทัย ซารังแฮ เยาวชนนักวิจัย ชุมชนหนองคริซุใน จังหวัดเชียงใหม่
รวมไปถึงเยาวชน ชนเผ่าพื้นเมือง นักปกป้องสิทธิฯ ที่ทํางานเรื่องความเป็นธรรมทางเพศ ที่มาร่วมนําเสนอสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในช่วงที่ผ่านมา ได้แก่ มะเมียะ เส่งสิริวลัย เยาวชนชนเผ่าพื้นเมืองที่มีความหลากหลายทางเพศ, ศิริวรรณ พรอินทร์ Asian Girl Aaward 2020 สาขา Human Right, ยศธูป ทองดี เยาวชนชนเผ่าพื้นเมืองนักป้องสิทธิมนุษยชนและครูโรงเรียนมัธยม
โดยมีพรรคการเมืองที่ตอบรับเข้าร่วมเสวนาได้แก่ เลาฟั้ง บัณฑิตเทอดสกุล ผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล, นาดา ไ ชยจิตต์ ผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเสมอภาค, สุริยา แสงแก้วฝั้น ผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคสามัญชน, วิภาพรรณ วงษ์ สว่าง ผู้สมัคร ส.ส. พรรคไทยสร้างไทย เชียงใหม่ เขต 3
ดําเนินรายการโดยมัจฉา พรอินทร์ ผู้อํานวยการและผู้ก่อตั้งโครงการจัดตั้ง มูลนิธิสร้างสรรค์อนาคตเยาวชน และให้ความเห็นเชิงวิชาการ โดยมลิวัลย์ เสนาวงษ์ อาจารย์ภาควิชาสตรีศึกษา คณสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
เสียงจากเยาวชน ชนเผ่าพื้นเมือง นักปกป้องสิทธิ ต่อสถานการณ์ปัญหาที่เกิดขึ้น
มะเมียะ เส่งสิริวลัย เยาวชนชนเผ่าพื้นเมืองที่มีความหลากหลายทางเพศ ชี้ให้เห็นถึงปัญหาการละเมิดสิทธิมนุษยชนและการถูกเลือกปฏิบัติที่ชุมชนแม่สามแลบ จังหวัดแม่ฮ่องสอน ที่เป็นชุมชนที่มีกรอบแนวคิดชายเป็นใหญ่ ควบคุมความคิดความเชื่อของผู้หญิงในชุมชน รวมไปถึงยังมีการใช้ความรุนแรงแม้ว่าในหลายครอบครัวจะมีผู้หญิงเป็นผู้ดูแลก็ตาม นอกจากนี้ยังมีวิธีปฏิบัติต่อผู้ที่มีความหลากหลายทางเพศขัดหลักสิทธิมนุษยชน โดยจะมีการบังคับให้แต่งงานเพื่อเปลี่ยนรสนิยมทางเพศด้วย โดยปัญหาเหล่านี้มีมาอย่างยาวนาน และยิ่งเด่นชัดขึ้นในช่วงการแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่ประชากรมากกว่าครึ่งถูกจำกัดสิทธิการเข้าถึงสวัสดิการของรัฐจากความเป็นบุคคลไร้สัญชาติ
ภัครทรินทร์ จรุงสาครเยาวชน เผยปัญหาในชุมชนทิยาเพอ จังหวัดแม่ฮ่องสอน จากการมาเยือนของเหมืองแร่ในอดีตที่ส่งผลถึงปัจจุบัน การปลูกพืชไร่หมุนเวียนไม่สามารถทำได้เป็นผลมาจากสารปนเปื้อนที่ปนอยู่กับน้ำ การเข้าไม่ถึงสวัสดิการต่างๆเช่นการศึกษาของผู้หญิง ปัญหาเรื่องสิทธิในที่อยู่อาศัยที่คนในชุมชนถูกจำกัดการเข้าถึงทรัพยากรในพื้นที่ที่ถูกดูแลมาหลายชั่วอายุคน ซึ่งคนในพื้นที่ไม่มีโอกาสได้เข้าไปแสดงความคิดเห็นหรือร่วมออกแบบนโยบายใดๆ อีกทั้งยังจะมีการประกาศให้พื้นที่นี้เป็นพื้นที่อุทยาน นอกจากนี้ชุมชนทิยาเพอยังถูกมองว่าเป็นสาเหตุของปัญหาฝุ่นควัน ทั้งที่ไม่มีการเผาใดๆในชุมชน
ดาวรุ่ง เวียงวิชชา กล่าวถึงผลกระทบที่ชุมชนแม่อมกิ จังหวัดตากได้รับจากการประกาศพื้นที่อุทยานแห่งชาติ มีคนในชุมชนมากมายถูกดำเนินคดีภายในพื้นที่ทำกิน สร้างความหวาดกลัวในการเข้าถึงทรัพยากรในพื่นที่และประกอบอาชีพเกษตรกร นอกจากนี้ยังทำให้พื้นที่ทำกินเหลือน้อยลง ส่งผลให้เกษตรกรในพื้นที่หันมาปลูกพืชเชิงเดี่ยว ที่ส่งผลต่อทั้งสภาพเศษรฐกิจและทรัพยากรของคนในพื้นที่ โดยโครงการต่างๆ ที่ภาครัฐนำเข้ามาได้ส่งผลเสียงต่างๆมากมายในชุมชน ไม่ว่าจะเป็นสุขภาพหรือวิถีชีวิตของคนในชุมชน
ดํารงณ์ ราตรีคีรีรักษ์ พูดถึงปัญหาการเข้าถึงไฟฟ้าของชุมชนแม่ปางทอง จังหวัดตาก ที่ถูกทับถมด้วยปัญหาจากการที่พื้นที่ชุมชนถูกประกาศเป็นเขตอุทยาน ทำให้พื้นที่ทำกินของคนในชุมชนลดลง บีบบังคับให้เกษตรกรในพื้นที่ต้องหันมาปลูกพืชเชิงเดี่ยว ส่งผลเสียต่อทรัพยากรทั้งในชุมชนและชุมชนใกล้เคียง นอกจากนี้ยังมีปัญหาทางสภาพอากาศที่ผิดปกติ ฝนไม่ตกตามฤดูกาล ส่งผลเสียต่อผลผลิตทางการเกษตร รวมถึงยังทำให้เกษตรในชุมชนไม่สามารถใช้วิธีการเผาในกระบวนการเพาะปลูกในวันที่รัฐกำหนดได้อีกด้วย
อนุทัย ซารังแฮ พูดถึงปัญหาในชุมชนหนองคริซุใน จังหวัดเชียงใหม่ เป็นชุมชนที่ประกอบอาชีพเกษตรกรรมพืชหมุนเวียนเป็นส่วนใหญ่ แต่จากการประกาศเขตอุทยานเมื่อปี 2537 ทำให้เกษตรกรในพื้นที่หันมาปลูกพืชเชิงเดี่ยวกันมากขึ้น ตนมองว่ามีความเกี่ยวโยงกับนายทุนเพราะเป็นเกษตรกรรมแบบพันธะสัญญา ส่งผลให้เกษตรกรไม่สามารถควบคุมราคาผลผลิตของตัวเองได้ ผนวกกับการปลูกสตรอว์เบอร์รี่เป็นการปลูกพืชที่ใช้ต้นทุนสูง ทำให้เกษตรกรในพื้นที่ต้องมีหนี้สินจากการที่ต้นทุนสูงกว่าผลประกอบการ ซึ่งส่งผลกระทบหนักโดยเฉพาะกับผู้หญิงในชุมชนที่มีภาระต้องดูแลครอบครัว นอกจากนี้ยังมีปัญหาจากเหมืองในพื้นที่ตั้งแต่ปี 2501 ซึ่งยังดำเนินอยู่ถึงปัจจุบัน โดยรัฐไม่เคยมาตรวจสอบผลกระทบใดๆ
ข้อเสนอแนะเชิงนโยบายจากผู้หญิง เด็กและเยาวชนที่มีความหลากหลายทางเพศ ในชุมชน ชนเผ่าพื้นเมือง
จากการดําเนินงานด้านการพัฒนาสิทธิมนุษยชนของผู้หญิง เด็ก และเยาวชนในชุมชน ชนเผ่าพื้นเมืองที่มีความหลากหลายทางเพศ พบว่าสภาพปัญหาในระดับชุมชนมีความซับซ้อน ทั้ง มิติความเป็นชาติพันธุ์/ชนเผ่าพื้นมือง ที่เผชิญกับข้อท้าทายและสภาพปัญหาการถูกริดรอนสิทธิ ชุมชน สิทธิที่ดินและสิทธิในการเข้าถึงทรัพยากร โดยกฎหมายและนโยบายของภาครัฐ การได้รับผลกระทบจากโครงการพัฒนาขนาดใหญ่และการดําเนินงานของภาคธุรกิจ เช่น เหมืองแร่ โครงการผันน้ํา เขื่อนฯลฯ รวมทั้งการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (Climate Change) ในกรณีของผู้หญิง เด็กและเยาวชนที่มีความหลากหลายทางเพศ นอกจากจะเผชิญกับสภาพปัญหาที่กล่าวมา แล้ว ยังเผชิญกับสภาพปัญหาที่ซับซ้อนกว่า ด้วยมิติความเหลื่อมล้ำและอคติทางเพศ อันมีรากฐาน มาจากวัฒนธรรมชายเป็นใหญ่ ทําให้ขาดการมีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหา ดังนั้นการพัฒนาการมี ส่วนร่วมเพื่อให้เสียงและความต้องการของผู้หญิง เด็กและเยาวชนชนเผ่าพื้นเมืองที่มีความหลาก หลายทางเพศนี้เอง นอกจากจะนําไปสู่การแก้ไขปัญหาเชิงโครงสร้างเพื่อนําไปสู่การพัฒนาสิทธิ ชนเผ่าพื้นเมืองและความเป็นธรรมทางเพศแล้ว ซึ่งเป็นรากฐานที่สําคัญคัญในการบรรลุเป้าหมาย การพัฒนาอย่างยั่งยืน โดยเฉพาะ SDG Goal 1 การขจัดความยากจน, SDG Goal 2 การขจัดความหิวโหย, SDG Goal 3 การมีสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดี, SDG Goal 4 การศึกษาที่เท่าเทียม และ SDG Goal 5 ความเท่าเทียมและเป็นธรรมทางเพศ
ข้อเสนอแนะเชิงนโยบายหรือกฎหมาย จากงานวิจัยเชิงปฏิบัติการอย่างมีส่วนร่วมโดยใช้แนวคิดสตรีนิยม เรื่องการพัฒนาสิทธิในเข้าถึงทรัพยากรธรรมชาติของผู้หญิงชนเผ่าพื้นเมือง โดย องค์กรสร้างสรรค์อนาคตเยาวชน และแกนนํานักวิจัยเยาวชนชนเผ่าพื้นเมือง 5 ชุมชนชนเผ่า พื้นเมือง ได้แก่ ชุมชนบ้านแม่สามแลบ และชุมชนบ้านทิยาเพอ อําเภอสบเมย จังหวัดแม่ฮ่องสอน ชุมชนบ้านแม่อมกิ และชุมชนบ้านปางทอง อําเภอท่าสองยาง จังหวัดตาก และชุมชน บ้านหนองค ริซูใน อําเภอสะเมิง จังหวัดเชียงใหม่ ดังต่อไปนี้
1.ยอมรับตัวตน/อัตลักษณ์ การมีอยู่ของชนเผ่าพื้นเมืองในสังคมไทยและปฏิบัติตามปฏิญญาสากล ว่าด้วยสิทธิชนเผ่าพื้นเมือง UNDRIP
2.ยกเลิกกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับดิน ป่าไม้ และอุทยานทั้งหมดที่ละเมิดสิทธิชนเผ่าพื้นเมือง
3.ยกเลิกโครงการพัฒนาขนาดใหญ่ที่จะส่งผลให้เกิดการละเมิดสิทธิชนเผ่าพื้นเมือง เช่น โครงการ ผันน้ํายวมที่รัฐหรือเอกชน ร่วมกันผลักดันให้เกิดในพื้นที่ของชนเผ่าพื้นเมือง เพราะนอกจากจะกําหนดและผลักดันโดยไม่มีส่วนร่วมของชุมชนชนเผ่าพื้นเมือง ยังส่งผลกระทบ ต่อสภาพสิ่งแวดล้อม ระบบนิเวศและวีถีชนเผ่าพื้นเมือง
4.ยกเลิกเขื่อนที่จะเกิดขึ้นในแม่น้ําสาละวินทั้งหมดเพราะขาดการมีส่วนของชุมชนชนเผ่าพื้นเมือง และมีผลกระทบต่อสภาพสิ่งแวดล้อม ระบบนิเวศและวีถีชนเผ่าพื้นเมือง นอกจากนี้ การสร้าง เขื่อนในแม่น้ําสาละวิน ยังเป็นการส่งเสริมให้เกิดการใช้ความรุนแรงโดยรัฐบาลเผด็จการพม่าที่ กระทําต่อชาติพันธุ์/ชนเผ่าพื้นเมือง
5.ฟื้นฟูและเยียวยาชุมชน ชนเผ่าพื้นเมืองที่ได้รับผลกระทบจากการทําเหมืองแร่ เช่น ชุมชนบ้านทิ ยาเพอ ยกเลิกเหมืองแร่ที่กําลังดําเนินธุรกิจอยู่ เช่น เหมืองแร่ใน อ.สะเมิง จ.เชียงใหม่ และยุติ โครงการที่จะทําและที่จะให้สัมปทานเหมืองในอนาคต เช่น กะเบอะดิน อ.อมก๋อย และที่อื่นๆ ในประเทศไทย
6.ยกเลิกมาตรการและนโยบายเรื่อง PM 2.5 ทั้งหมด และร่วมกันผลักดันให้เกิด พรบ.อากาศ สะอาดยืนยันหลักการการมีส่วนร่วมของชนเผ่าพื้นเมือง โดยเฉพาะผู้หญิง เด็กและเยาวชนชนเผ่า พื้นเมืองที่มีความหลากหลายทางเพศ เนื่องจากเผชิญกับความเหลื่อมล้ำ การถูกตีตราและเหมา รวม ทําให้เสี่ยงที่จะถูกเลือกปฏิบัติ ถูกบังคับใช้กฎหมายและนโยบายที่ไม่เป็นธรรม และให้ความ สําคัญกับประสบการณ์และภูมิปัญญาชนเผ่าพื้นเมืองในการใช้ไฟจัดการป่าที่ได้สั่งสมมาจาก บรรพบุรุษ ร่วมกับการใช้วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และความรู้ในทางสังคม เพื่อเอื้อให้เกิดการ แก้ไขปัญหา PM 2.5 อย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืน
7.การันตีการมีส่วนร่วมที่มีความหมายของผู้หญิง เด็ก และเยาวชนที่มีความหลากหลายทางเพศ ในการผลักดันเชิงกฎหมายและนโยบายที่เกี่ยวข้องกับวิถีชีวิตและการพัฒนาสิทธิมนุษยชนชนเผ่า พื้นเมืองในทุกระดับ โดยการให้ความสําคัญกับการมีตัวแทน การสนับสนุนและการตอบสนองต่อ เสียง ความต้องการ ตลอดจนข้อเสนอแนะเหล่านั้น
8.ปกป้อง คุ้มครอง ส่งเสริมและรื้อฟื้นการทําไร่หมุนเวียนซึ่งเป็นวิถีชีวิตชนเผ่าพื้นเมือง เพื่อให้มี ความมั่นคงทางด้านอาหาร อาชีพและรายได้ ตลอดจนการเก็บเมล็ดพันธุ์ดั้งเดิม รวมทั้งส่งเสริม โอกาส และทางเลือกในการเพาะปลูกที่หลากหลาย กระบวนการผลิตที่ปลอดภัยทั้งในแง่ของการ ผลิตและการบริโภค เพื่อไม่ให้ชนเผ่าพื้นเมือง ตกเป็นเหยื่อของเกษตรพันธะสัญญา หรือการปลูกพืชเชิงเดี่ยว ที่ต้องพึ่งพิงเมล็ดพันธุ์ที่ตัดต่อพันธุกรรม การใช้สารเคมีและยาปราบศัตรูพืช อย่างเข้มข้นจนตกค้างในดินและแหล่งน้ํา อันส่งผลกระทบต่อสุขภาพ ตลอดจนการไม่สามารถ กําหนดราคาผลผลิตทางการเกษตรที่ต้นทุนในการผลิตสูงกว่าอัตราการขายผลิตพันธุ์ทางการ เกษตรส่งให้ชนเผ่าพื้นเมืองเกิดภาวะหนี้สิน
9.พัฒนาระบบสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐานในชุมชนชนเผ่าพื้นเมือง อันได้แก่ น้ําประปาสะอาดที่ดื่ม ได้และปลอดภัย ถนน ไฟฟ้า และระบบอินเตอร์เน็ตที่ฟรี
10.ต้องมีมาตรการเร่งด่วนที่สุดที่ต้องมีส่วนร่วมกับผู้หญิงและเยาวชนที่มีความหลากหลายทางเพศ ในชุมชนบ้านแม่สามแลบที่ตอนนี้ขาดแคลนน้ําดื่ม น้ําใช้ เสี่ยงไฟป่าในหน้าแล้ง ไม่มีถิ่นที่อยู่อาศัย ที่ปลอดปลอดภัย เสี่ยงน้ําท่วม-ดินถล่มในหน้าฝนและในชุมชนมีสมาชิกที่ยังไม่มีสัญชาติและหรือ ไม่มีสถานะบุคคลมากกว่า 50% ที่ต้องพึ่งพิงทรัพยากรธรรมชาติจากป่าในเขตอุทยานที่มีกฎหมาย ควบคุม ปรับ จับกุม รวมทั้งได้รับผลกระทบจากสงครามเมื่อมีการสู้รบจากรัฐบาลเผด็จการพม่า กับชาติพันธุ์/ชนเผ่าพื้นเมืองมากกว่า 70 ปี
ข้อเสนอแนะเชิงนโยบายหรือกฎหมายที่ตอบสนองต่อสถานการณ์ความเหลื่อมล้ำทางเพศและทางสังคมที่ เกิดขึ้นกับผู้หญิง เด็กและชนเผ่าพื้นเมืองที่มีความหลากหลายทางเพศ ทั้งมิติทางสังคม และมิติการศึกษา ของชุมชนชนเผ่าพื้นเมือง
1.การศึกษาต้องฟรีและเป็นสวัสดิการจนถึงระดับปริญญาตรี
2.นโยบายเร่งด่วน: โรงเรียนที่มีนักเรียนชนเผ่าพื้นเมือง ต้องมีเงินสนับสนุนการศึกษาและหรือ ทุนการศึกษาสําหรับนักเรียนชนเผ่าพื้นเมือง ที่จะต้องครอบคลุมค่าเครื่องแบบ(ที่ยังไม่มีการยกเลิก) ค่าเดินทาง ค่ากิจกรรม ค่าเทอม/เงินบํารุงการศึกษาที่สถานศึกษาเรียกเก็บ
3.โรงเรียนในพื้นที่ชนเผ่าพื้นเมือง ต้องมีครูชนเผ่าพื้นเมือง มีการเรียนการสอนด้วยภาษาชนเผ่า พื้นเมือง และต้องส่งเสริมสิทธิและอัตลักษณ์ ตัวตนตลอดจนวัฒนธรรมชนเผ่าพื้นเมือง โดยต้องมีการปรับปรุงหลักสูตรและบูรณาการการเรียนการสอนให้สอดคล้องกับวิธีชีวิตชนเผ่าพื้นเมืองและ เท่าทันการเปลี่ยนแปลงโลกในยุคปัจจุบัน
4.ยกเลิกกฎเกณฑ์เงื่อนไขที่ละเมิดสิทธิมนุษยชนของเด็กนักเรียน นักเรียนชนเผ่าพื้นเมือง เด็กนักเรียนชนเผ่าพื้นเมืองที่มีความหลากหลายทางเพศ รวมทั้งที่ละเมิดสิทธิบนเนื้อตัวร่างกาย เช่น เครื่องแบบนักเรียน การบังคคับตัดผม ฯลฯ ทั้งหมดโดยการแก้ไขกฎกระทรวง เพื่อส่งเสริมให้เกิด การเปลี่ยนแปลงหลักสูตรและแก้ไขกฎระเบียบของโรงเรียนทั้งหมดให้สอดคล้องกับสิทธิเด็ก สิทธิชนเผ่าพื้นเมือง สิทธิหลากหลายทางเพศ ฯลฯ
5.รัฐต้องไม่ยุบโรงเรียนขนาดเล็ก และส่งเสริม กระจายอํานาจและทรัพยากรให้ทุกหมู่บ้านชนเผ่า พื้นเมืองมีโรงเรียน
ข้อเสนอต่อครอบครัว ชุมชนชนเผ่าพื้นเมือง และสังคมไทย
1. พัฒนากฎหมาย นโยบายที่ต้องปกป้องคุ้มครองและส่งเสริมให้ครอบครัว โรงเรียน ชุมชน และ สังคม มีความรู้ ความเข้าใจ เคารพและยอมรับสิทธิเด็ก สิทธิชนเผ่าพื้นเมื่อง สิทธิผู้หญิง และสิทธิ LGBTIQ
2. ผ้าอนามัยต้องฟรีและเป็นสวัสดิการทางสังคม
3. สมรสเท่าเทียม
4. สนับสนุนการเข้าถึงสิทธิการมีสัญชาติของผู้หญิง เด็กและคนที่มีความหลากหลายทางเพศ และ ผู้สูงอายุที่เป็นชนเผ่าพื้นเมือง
5. ความรุนแรงในความรักความสัมพันธ์และ/หรือความรุนแรงที่เกิดขึ้นในครอบครัว: กฎหมาย และนโยบายเรื่องความรุนแรงในความรักความสัมพันธ์ที่ไม่ปกป้องคุ้มครองผู้หญิงโ ดยเฉพาะผู้ หญิงที่ไร้สัญชาติและผู้หญิงที่มีความหลากหลายทางเพศ ต้องเปลี่ยนแปลง โดยคํานึงถึง 2.1)ความ ซับซ้อนของอัตลักษณ์ เช่น อายุ เพศ รสนิยมทางเพศ ระดับการศึกษา เชื้อชาติ ภาวะการไม่มี สัญชาติ ฯลฯ 2.2)ภาษา 3.3)กระบวนการยุติธรรมที่มีวิธีคิดแบบชายเป็นใหญ่ ทําให้กระบวนการ ไม่เป็นมิตร และปฏิเสธการเข้าถึงกระบวนการยุติธรรมของผู้หญิงที่มีอัตลักษณ์ทับซ้อน
6. สถานที่ให้บริการชนเผ่าพื้นเมือง โ ดยเฉพาะอย่างยิ่งของหน่วยงานภาครัฐต้องมีล่ามชนเผ่าพื้น เมือง
7. ยุติการบังคับแต่งงานเด็ก
8. ยุติการเกลียดชังและการละเมิดสิทธิผู้หญิงชนเผ่าพื้นเมืองที่มีความหลากหลายทางเพศโ ดย เฉพาะการบังคับแต่งงาน ที่เสมือนเป็นใบอนุญาตข่มขืน
9. ส่งเสริมและพัฒนาอย่างมีส่วนร่วม ให้มีนโยบายและกฎหมายที่เคารพ ปกป้อง คุ้มครองและส่ง เสริมสิทธิบุคคลที่มีความหลาก หลายทางเพศโดยคํานึงถึง Intersectionality/ความซับซ้อนกับมิติ และอัตลักษณ์ต่างๆ เช่น ความเป็นชาติพันธุ์/ชนเผ่าพื้นเมือง สถานะผู้ลี้ภัย การไร้สัญชาติ การไร้ ที่ดิน ประสบการณ์การตั้งครรภ์วัยรุ่น ประสบการณ์การยุติการตั้งครรภ์ แรงงานข้ามชาติ และผู้ พิการ ฯลฯ
4 พรรคการเมืองร่วมดันนโยบาย-กฎหมายที่เคารพสิทธิผู้หญิงและชนเผ่าพื้นเมืองที่มีความหลากหลายทางเพศ
นาดา ไชยจิตต์ ผู้สมัครส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเสมอภาค ดันนโยบายกฏหมายรับรองสิทธิชนเผ่าพื้นเมืองของพรรคเสมอภาค โดยยืนยันรูปแบบการทำงานว่ามีประชาชนเป็นศูนย์กลางผ่านพ.ร.บ.นิรโทษกรรมผู้ที่ถูกดำเนินคดีที่อาศัยพึ่งพาป่าควบคู่กับการรื้อกฏหมายป่าไม้ โดยเฉพาะการแก้ไขพ.ร.บ.ป่าชุมชนให้กลายเป็นกฏหมายกลางแทนพ.ร.บ.อุทยานต่างๆ นอกจากนี้ยังผลักดันการจัดตั้งคณะกรรมการที่ชนเผ่าพื้นเมืองมีส่วนร่วม เพื่อกำหนดทิศทางนโยบายเพื่อสนับสนุนการประกอบอาชีพเกษตรกรรมของตัวเอง
เลาฟั้ง บัณฑิตเทอดสกุล ผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล เสนอยกเครื่องกฏหมายป่าไม้ คืนที่ดินและสิทธิในการเข้าถึงทรัพยากรให้ประชาชน รักษาผืนป่าที่ยังมีอยู่ และเพิ่มพื้นที่ป่าโดยมีให้ประชาชนมีส่วนร่วม นอกจากนี้ยังเสนอให้ปลดล็อคการเปลี่ยนเจ้าของที่ดินผ่านการคืนสิทธิ์ให้ผู้อยู่อาศัย โดยเชื่อว่าไม่ใช่ทุกคนที่อยากเป็นเกษตรกร และคนที่อยากเป็นเกษตรกรทุกคนควรมีสิทธิ์เข้าถึงพื้นที่เพาะปลูก ในส่วนของกลุ่มชาติพันธุ์ เลาฟั้งดันพ.ร.บ.คุ้มครองวิถีชีวิตกลุ่มชาติพันธุ์ หรือการประกาศเขตคุ้มครองวัฒนธรรมพิเศษ ซึ่งจะส่งผลในการบังคับใช้ระเบียบในพื้นที่ รวมไปถึงการอัดฉีดงบประมาณในการพัฒนาด้านต่างๆได้ และยังเป็นการกระจายอำนาจสู่ชุมชน นอกจากนี้ยังเสนอการพัฒนาการศึกษาผ่านการพัฒนาคุณภาพชีวิตบุคลากรในพื้นที่และเทคโนโลยีการเรียนการสอน และนโยบายการปลดล็อคสัญญาติ
วิภาพรรณ วงษ์สว่าง ผู้สมัคร ส.ส. พรรคไทยสร้างไทย เชียงใหม่ เขต 3 เสนอจัดตั้งกองทุนพลังหญิง เพื่อพัฒนาศักยภาพผู้หญิง สนับสนุนให้ผู้หญิงมีพื้นที่ในมิติทางการเมืองมากขึ้น นอกจากนี้ยังมีนโยบายในประเด็นการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศ เสนอให้มีการเก็บภาษีคาร์บอนกับอุตสาหกรรมต่างๆที่ผลิตมลพิษ รวมไปถึงการหารือกับประเทศเพื่อนบ้านเพื่อรับมือปัญหาฝุ่นข้ามพรมแดน
สุริยา แสงแก้วฝั้น ผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคสามัญชน มองว่าปัญหาที่เกิดขึ้นกับคนชาติพันธุ์ เป็นผลมาจากคำสั่งของคณะปฏิวัติเมื่อปี 2557 โดยเฉพาะคำสั่งที่ 64 และ 66/2557 และนโยบายทวงคืนผืนป่า ตนและพรรคจึงเสนอการยกเลิกคำสั่งดังกล่าว รวมไปถึงการนิรโทษกรรมคดีความทั้งหมดในช่วง 8 ปีที่ผ่านมาที่เกิดขึ้นจากการฟ้องของกรมอุทยานป่าไม้ภายใน 4 ปี โดยตนและพรรคเสนอผลักดันประเด็นนี้เป็นวาระเร่งด่วนสำหรับทุกพรรคการเมืองที่อยู่ข้างประชาชน นอกจากนี้ยังมีนโยบายส่งเสริมสิทธิและโอกาสแก่คนชาติพันธุ์ คนพลัดถิ่น คนไร้รัฐ ในการใช้เสียงเลือกตั้งและการรับรองสถานะบุคคล
โดยสามารถรับชมไลฟ์สดได้ที่ https://www.facebook.com/lanner2022/videos/241588818395507 และ https://www.facebook.com/lanner2022/videos/782518719800644
รู้จักโครงการจัดตั้งมูลนิธิสร้างสรรค์อนาคตเยาวชน
สำหรับโครงการจัดตั้งมูลนิธิสร้างสรรค์อนาคตเยาวชน เป็นองค์กรพัฒนาเอกชนที่ดําเนินงาน ด้านการพัฒนาสิทธิผู้หญิง เด็กและเยาวชนที่มีความหลากหลายทางเพศในชุมชนเผ่าพื้นเมือง มีพื้นที่ทํางานอยู่ในแนวชายแดนไทย – พม่า จังหวัดแม่ฮ่องสอน จังหวัดตากและจังหวัดเชียงใหม่ มี การขับเคลื่อนงานรณรงค์ร่วมกับเครือข่ายทั้งในระดับชุมชน ประเทศ และนานาชาติ ได้ร่วมกับ ชนชนเผ่าพื้นเมืองเครือข่าย จาก 5 ชุมชน ได้แก่ ชุมชนบ้านแม่สามแลบ และชุมชนบ้านทิยาเพอ อ.สบเมย จ.แม่ฮ่องสอน ชุมชนบ้านแม่อมกิ และชุมชนบ้านปางทอง อ.ท่าสองยาง จ.ตาก และ ชุมชน บ้านหนองคริซูใน อ.สะเมิง จ.เชียงใหม่ ซึ่งร่วมกันทําวิจัยเชิงปฏิบัติการโดยใช้แนวคิดเฟมิ นิสต์ เรื่อง การพัฒนาสิทธิในการเข้าถึงทรัพยากรธรรมชาติของผู้หญิงชนเผ่าพื้นเมือง
สามารถติดตามความเคลื่อนไหวได้ที่ https://www.facebook.com/saydpthailand
ทีมข่าวที่ประกอบไปด้วยผู้คนหลากหลาย บ้างก็มาจากทะเล บ้างก็มาจากภูเขา แต่สุดท้ายก็ลงเอยที่ภาคเหนืออยู่ที่ Lanner นี่แหละ...