“คนไร้บ้าน” ภาระสังคมหรือกลุ่มเสี่ยงถูกละเมิด? ย้อนดูชีวิตริมคูเมืองเชียงใหม่หลังเหตุสะเทือนขวัญ

Date:

เรื่อง: จตุพร สุสวดโม้

“ต้องการจะทำความสะอาดบ้านเมือง”

เหตุผลของชายวัย 20 ปีที่ก่อเหตุฆาตกรรมคนไร้บ้าน แม้จะไม่ได้รู้จักกับผู้ตายมาก่อน จากข่าวการฆาตกรรมคนไร้บ้าน เหตุเกิดบริเวณ หน้าหอพักแห่งหนึ่ง ถนนเวียงแก้ว ต.ศรีภูมิ อ.เมืองเชียงใหม่ ที่เกิดเหตุพบศพนายสมาน อายุ 60 ปี สภาพถูกแทงที่ลำคอ 1 แผลเมื่อวันที่ 31 สิงหาคม 2566 ที่ผ่านมา

ชีวิตผู้คนที่ตัดสินใจหันหลังให้กับทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิต หลายคนมาอาศัยอยู่ใต้ต้นไม้ ตามริมถนน บริเวณรอบกำแพงเมือง จังหวัดเชียงใหม่ เพื่อใช้เป็นที่อยู่อาศัย ที่เรียกคนกลุ่มนี้ว่า “คนไร้บ้าน” หรือ Homeless ชีวิตของพวกเขาเป็นภาระสังคมนั้นจริงหรือไม่? หรือเป็นกลุ่มเปราะบางที่สุ่มเสี่ยงถูกละเมิดสิทธิ?

“แม้จะมีคนแวะเวียนมาพูดคุยบ้างเกี่ยวกับข่าวคนไร้บ้านถูกแทงลำคอเสียชีวิต ส่วนตัวไม่ได้สนใจอันตรายอะไรหรอกเพราะชินแล้ว ถ้าไม่อยู่ที่นี่ก็ไม่รู้จะไปอยู่ที่ไหน” เหตุผลของชายผมยาวหนวดเครารุงรังที่อาศัยอยู่บริเวณข่วงประตูท่าแพ จังหวัดเชียงใหม่ แม้จะรู้ดีว่าอยู่บนความไม่ปลอดภัยแต่ชีวิตที่ไร้ที่อยู่อาศัยจึงเลือกที่เสี่ยง

พื้นที่โล่งมีเพียงมุมเล็กๆ ให้หลบซ่อน บริเวณริมถนนในคูเมืองเชียงใหม่ที่เต็มไปด้วยนักท่องเที่ยว ทว่าเมื่อแสงสีในเมืองท่องเที่ยวยุติลง เสียงของพาหนะของผู้คนยังสันจรไปมาก็ดังชัดขึ้น 

ยามค่ำคืนหากเราสังเกตหรือให้ความสนใจสักนิด จะเห็นได้ว่ามีผู้คนเร่ร่อนพักอาศัยตามสถานที่ต่างๆ ตามผังเมือง 4 เหลี่ยมที่รายล้อมไปด้วยวัดชื่อดัง ริมถนน ริมฟุตบาท ซุกกำแพงที่เป็นพื้นที่หลับนอนจนถึงยามเช้าในบางวันที่แดดออก หรือในบางวันที่ฝนตก…..

กลุ่ม Food Not Bombs CNX กำลังนำอาหารที่ได้ร่วมกันประกอบอาหาร เพื่อมาแจกจ่ายแก่คนไร้บ้าน

ในบริเวณฟุตบาทนั้นมี “นายเลิศชัย (นามสมมติ) ชายที่มาจากพื้นที่ห่างไกลวัย 34 ปี จังหวัดแม่ฮ่องสอน กำลังเก็บสัมภาระใส่ในถุงสีรุ้งเพื่อเตรียมจะออกไปขอข้าวกินเพราะวันนี้ไม่มีคนเอาข้าวมาบริจาค เขาเป็นคนที่ไร้บ้านอาศัยอยู่บริเวณนี้มามากกว่า 3 ปี

“อยู่ที่นี่มา 3 ปีแล้ว ส่วนตัวไม่ได้ทำงาน อาศัยคนเอาข้าวมาบริจาค หากไม่มีใครบริจาคเลยบางวันก็ต้องอด หรือบางวันก็จำเป็นต้องเดินไปขอข้าวกินตามร้านอาหารให้พอประทังชีวิต” เป็นเหตุผลของคนไร้บ้านที่พยายามอธิบายสภาพความเป็นอยู่

“ไม่ใช่ว่าเราอยากมาขอคนอื่นกินหรอกนะ ก่อนหน้านี้เคยมีเปิดร้านอาหารเป็นของตัวเอง พอหลังรัฐประหารเศรษฐกิจก็ซบเซา มาหมดตัวช่วงไวรัสโควิด-19 ลูกค้าที่เคยมีก็ทยอยหายไป” หนึ่งเหตุผลของชายพื้นที่สูงหยิบยกมาอธิบาย

หลังจากร้านอาหารต้องปิดตัวลงและเป็นหนี้สินเป็นสินจึงเลือกหันหลังให้กับทุกสิ่งทุกอย่างกลายมาเป็นคนไร้บ้าน เมื่อ 3 ปีที่แล้วก็ผลัดเปลี่ยนที่นอนไปตามริมถนนรอบเมืองเชียงใหม่ แต่ช่วงหลังมาลงหลักปักฐานที่ข่วงประตูท่าแพเพราะความคุ้นชิน

เขาแจกแจงว่า แม้จะมีเวลาส่วนตัวในยามที่นักท่องเที่ยงทยอยกลับที่พัก ใช่ว่าจะเงียบสงบอย่างที่เรานอนในห้องส่วนตัว บางวันก็ได้ยินเสียงรถของผู้คนสัญจรไปมา และมีผู้คนเดินผ่านบ้างบางครั้งบางคราวและไม่รู้เลยว่าชีวิตตนจะมีอันตรายมาถึงเมื่อไหร่

สภาพความเป็นอยู่ของคนไร้บ้านที่ใช้รถเข็นและผ้าลายดอกไม้ปิดบังแสงไฟเพื่อเป็นใช้เป็นที่นอน

บ้านถูกยึด แม่ปลิดชีวิต พิษเศรษฐกิจ ฝันร้ายที่ไม่อยากมีชีวิตอยู่

เขาเล่าย้อนชีวิตวัยรุ่นที่กำลังสร้างตัวเอง แต่ถูกพรากคนสำคัญคนเดียวที่ยังหลงเหลืออยู่ในชีวิตไป ในวัย 28 ปี เหตุการณ์คราวนั้นทำให้ไม่มีบ้านหรือที่ซุกหัวนอน

“ก่อนหน้านี้เปิดร้านอาหาร พอจะมีกินมีใช้อยู่บ้างแต่ไม่ถึงกับร่ำรวยอะไร เพราะอยู่ในช่วงหลังรัฐประหารทำให้นักท่องเที่ยวนั้นลดลง” เขาอธิบายชีวิตของตนเองที่พยายามประคับประคองให้อยู่รอด

“ชีวิตที่เหมือนจะไปรอด แต่แม่กลับป่วยเป็นมะเร็ง จึงตัดสินใจเอาที่ดินผืนเดียวที่เหลืออยู่ไปจำนองเพื่อรักษาแม่ ส่วนดอกเบี้ยก็สูงจนจ่ายไม่ไหวจนบ้านต้องถูกยึด แม่เลือกฆ่าตัวตายเพราะไม่อยากเป็นภาระ” ชายหนุ่มเล่าย้อนชีวิตวัยรุ่นที่กำลังพยุงไปให้รอดแต่กลับพังทลายลง

3 ปี หลังจากแม่ตาย ก็เคราะห์ซ้ำกรรมซัด เพราะสถานการณ์ไวรัสโควิด 19 แพร่ระบาดร้านอาหารที่เป็นช่องเดียวในการทำมาหากินกลับไร้เงาลูกค้า

“ช่วงโควิดแพร่ระบาดใหม่ๆ คนเขาก็กลัวกันว่าจะติดโรคก็ไม่ค่อยมีใครออกจากบ้าน พอรัฐบาลประกาศล็อกดาวน์ลูกค้าประจำ นักท่องเที่ยวก็หายหมด เราก็ต้องกู้เงินนอกระบบมาจ่ายค่าเช่าร้าน” อดีตเจ้าของร้านอาหารที่ผันตัวมาเป็นคนไร้บ้านหยิบยกเหตุผลมาอธิบาย

ชีวิตของเขาคาดหวังให้สถานการณ์ต่างๆ ค่อยๆ ดีขึ้น แต่ทุกสิ่งทุกอย่างกลับดิ่งลงเหว เงินเยียวยาที่รอวันแล้ววันเล่าจากรัฐบาลก็ไร้วี่แวว สุดท้ายไปต่อไม่ไหวต้องกำเงินก้อนสุดท้ายที่พอมีอยู่เลือกตัดสินใจเดินทางมาเรื่อยๆ แต่ไม่รู้จะไปไหน สุดท้ายหมดตัวจน ต้องผันตัวมาใช้ชีวิตกินนอนตามถนนอย่างนี้…..

สถิติคนไร้บ้าน 2566 เชียงใหม่อยู่ในลำดับ 3 สัดส่วน 4.72 %

เว็บไซต์ penguin homeless เปิดผลการแจงนับคนไร้บ้านทั้งประเทศไทย เมื่อคืนวันที่ 23 พฤษภาคม 2566 จากความร่วมมือของ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ สถาบันเอเชียศึกษา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มูลนิธิพัฒนาที่อยู่อาศัย มูลนิธิกระจกเงา และมูลนิธิอิสรชน

พบข้อมูลที่น่าสนใจ เช่น พบคนไร้บ้านทั้งในพื้นที่สาธารณะ และศูนย์พักคนไร้บ้านแบบเปิดของภาคประชาสังคม จำนวน 2,499 คน ซึ่งจังหวัดเชียงใหม่อยู่ในลำดับ 3 ของประเทศ มีจำนวนคนไร้บ้าน 118 คน คิดเป็นสัดส่วน 4.72 %

คนไร้บ้านส่วนใหญ่อยู่ในช่วงวัยกลางคนมากกว่าช่วงวัยอื่นๆ โดยพบช่วงวัยกลางคนมากถึงร้อยละ 56.8 ซึ่งถือเป็นตัวเลขที่เกินครึ่งของจำนวนคนไร้บ้านที่พบทั้งหมด

ทำไมต้องเป็นเมืองเชียงใหม่ที่คนไร้บ้านมาใช้ชีวิต ?

รายงานสำรวจคนไร้บ้านจังหวัดเชียงใหม่พบว่า คนไร้บ้านจังหวัดเชียงใหม่จำนวน 21 คน มีพื้นเพเป็นคนในเขตภาคเหนือและภาคกลางตอนบนเพราะเมืองเชียงใหม่เป็นแหล่งท่องเที่ยว และเป็นพื้นที่ที่เติบโตทางเศรษฐกิจสูง จึงเป็นจุดหมายปลายทางทั้งผู้ที่แสวงหางานและผู้ต้องใช้ชีวิตนอกบ้าน อีกทั้งจังหวัดเชียงใหม่เอื้อต่อการดำรงชีวิตในพื้นที่สาธารณะ อาหารการกิน แหล่งรายได้  มีครบครันและหลากหลาย อาจจะสรุปได้ว่าเมืองเชียงใหม่เป็นเป้าหมายของการออกมาใช้ชีวิตนอกบ้านในพื้นที่สาธารณะ

อย่างไรก็ตามในการเข้าสู่สภาวะไร้บ้านของคนไร้บ้านแต่ละคนมีสาเหตุและเงื่อนไขแตกต่างกันไป คนไร้บ้านบางคนเคยอาศัยอยู่กับครอบครัวหรือญาติพี่น้องก่อนออกมาใช้ชีวิตนอกบ้าน บ้างรู้สึกว่าตัวเองไร้ความสามารถทางด้านอาชีพการเงิน หรือเป็นภาระของครอบครัวต้องการชีวิตอิสระจึงออกมาใช้ชีวิตในพื้นที่สาธารณะ….

อ้างอิง 


โดยผลงานชิ้นนี้เป็นส่วนหนึ่งของโครงการพัฒนานักสื่อสารทางสังคม (Journer) ภายใต้โครงการ Journalism that Builds Bridges (JBB) สะพานเชื่อมความสัมพันธ์ระหว่าง 5 สำนักข่าว คือ Prachatai, The Isaan Record, Lanner, Wartani และ Louder เพื่อร่วมผลิตเนื้อหาข้ามพื้นที่ และสื่อสารประเด็นข้ามพรมแดน สนับสนุนโดยสถานทูตของเนเธอร์แลนด์ ฟินแลนด์ และนิวซีแลนด์ รวมถึงยูเนสโกและโครงการร่วมที่นำโดย United Nations Development Programme (UNDP) ดูโครงการเพิ่มเติมได้ที่ https://journalismbridges.com

มาตรการลงทะเบียนซิมด้วย Liveness Detection ถูกตั้งคำถาม กระทบคนไร้สัญชาติ–แรงงานข้ามชาติ ‘ตี่ตาง’ ชี้จำกัดสิทธิสื่อสาร แก้ปัญหาไม่ตรงจุด

จากกรณีที่ สำนักงานคณะกรรมการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ เเละกิจการโทรคมนาคมเเห่งชาติ (กสทช.) ประกาศใช้เทคโนโลยี Liveness Detection เมื่อวันที่...

พ่อหมอกฤตไท ร้องหยุดดองร่าง พ.ร.บ.อากาศสะอาด ด้านสภาลมหายใจ เเถลงไม่ควรเอื้อนายทุน

หลังจากเมื่อวันที่ 21 กันยายน 2568 สภาผู้แทนราษฎรมีมติเห็นชอบร่าง พ.ร.บ.บริหารจัดการเพื่ออากาศสะอาดฯ ในวาระสามด้วยคะแนนเห็นด้วย 309 เสียง...

ให้คะแนนรัฐบาลอนุทิน ‘สอบตกยกแผง’ แก้ปัญหาน้ำกก–สายรวก–โขงปนเปื้อนโลหะหนัก จากเหมืองแร่ในรัฐฉาน

สืบสกุล กิจนุกร นักวิชาการด้านการพัฒนาระหว่างประเทศ มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง ประเมินการทำงานของรัฐบาลไทยในการรับมือปัญหามลพิษข้ามพรมแดนจากเหมืองแร่ในรัฐฉาน ประเทศเมียนมา ระบุว่า ‘สอบตกยกแผง’ พร้อมแจกแจงการประเมินเป็นรายบุคคลต่อผู้นำฝ่ายบริหารสามตำแหน่ง นายกฯ...

Lanner Joy: LOLA Gallery DRIP แรงบันดาลใจจากความฝันเล็กๆ สู่รากกาแฟห้วยตองก๊อที่เติบโตอย่างแข็งแรง

เรื่องและภาพ: สุทธิกานต์ วงศ์ไชย ยามบ่ายต้นเดือนพฤศจิกายนที่ลานกว้างของโครงการจริงใจมาร์เก็ต เชียงใหม่ เสียงแจ๊สลอยแผ่วเบาเคล้ากลิ่นกาแฟที่เพิ่งบดใหม่ เทศกาล Jazz Arabica กลับมาอีกครั้งในปี...