ปาฐกถา “ทบทวน ถกเถียง ท้าทาย: นิติศาสตร์ในห้วงยามของความเปลี่ยนแปลง” โดย ดร. ธงชัย วินิจจะกูล

Date:

ภาพ: การประชุมวิชาการ คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่

เมื่อวันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2566 ได้มีปาฐกถาในหัวข้อ “ทบทวน ถกเถียง ท้าทาย: นิติศาสตร์ในห้วงยามของความเปลี่ยนแปลง” ณ โรงแรม Green Nimman Cmu Residence ในการประชุมวิชาการนิติสังคมศาสตร์ระดับชาติ ครั้งที่ 3 โดย ดร. ธงชัย วินิจจะกูล ศาสตราจารย์กิตติคุณประจำภาควิชาประวัติศาสตร์เอเชียตะวันออกเฉียงใต้และประวัติศาสตร์ไทย มหาวิทยาลัยวิสคอนซิน แมดิสัน 

ธงชัยกล่าวว่า ในสังคมปัจจุบันนั้นวิกฤติกระบวนการยุติธรรมและนิติศาสตร์ไทย ยังคงมีปัญหาและต้องถกเถียงกันอยู่ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของอภิสิทธิ์ชน เงิน อำนาจ ความเชื่อมั่นในมาตรฐานที่ลดถอยลง ซึ่งจากประเด็นเรื่องนี้ ทำให้เกิดความเข้าใจผิดอยู่ 3 ประการ ได้แก่

1. ปัญหานั้นไม่ได้อยู่ที่ตัวกฎหมายหรือตัวของผู้ใช้ แต่แท้จริงแล้วนั้นปัญหาอยู่ที่ระบบ เพราะตัวของกฎหมายนั้นจะดีหรือไม่ดีก็ตาม สุดท้ายตัวกฎหมายก็ยังมีการดำเนินไปตามระบบอยู่เสมอ ในกรณีของผู้ใช้ก็ยังมีส่วนในการผลักดันระบบไม่มาก ดังนั้นการจะกล่าวโทษตัวบทกฎหมายหรือผู้ใช้ก็ยังเป็นการจับคู่ที่ผิด

2. คนส่วนใหญ่คิดว่าระบบกฎหมายในประเทศไทยเป็นนิติรัฐหรือนิติธรรม (Rule of Law) แต่มันยังไม่มีความเป็นนิติรัฐที่สมบูรณ์

3. Rule of Law ของประเทศไทยนั้นถูกสถาปนามาตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 5 แล้ว แต่ก็ยังคงต้องมีการพัฒนาให้สมบูรณ์อยู่

ประเทศไทยคือ Rule of Law ?



Rule of Law คือ การแบ่งเส้นไม่ให้อำนาจรัฐมาละเมิดสิทธิของประชาชน แต่แท้จริงแล้วรัฐสมบูรณาญาสิทธิราชย์ของสยามนั้นคือ รัฐอภิสิทธิ์ชน หรือ Legal Prorogative State ซึ่งไม่ใช่ Rule of Law เพราะระบบกฎหมายไทยนั้นไม่ใช่ข้อเรียกร้องต่อรัฐจากประชาชน เพื่อที่จะปกป้องสิทธิของประชาชน แต่รัฐอภิสิทธิ์ชนนั้นคือ เทคโนโลยีในการปกครองของรัฐ โดยบอกว่าตนนั้นคือผู้คุ้มครองที่คอยเก็บภาษีเพื่อการคุ้มครองประเทศ

ซึ่งรัฐไทยนั้นเป็นเช่นนี้มาโดยไม่เกิดการเปลี่ยนแปลงใด ๆ จนทำให้เกิดการส่งต่อเทคโนโลยีการปกครองนี้ เพื่อให้เข้ากับยุคสมัยใหม่

นิติอปกติหรือนิติอธรรม (Rule by Legal Exceptions)

รัฐไทยนั้นไม่ใช่การปกครองของกฎหมายนิติรัฐหรือนิติธรรม (Rule of Law) แต่เป็นการปกครองด้วยนิติอปกติหรือนิติอธรรม (Rule by Legal Exceptions) โดยเป็นการปกครองแบบนิติรัฐที่ไม่ใช่ภาวะปกติหรือการปกครองที่ปกครองด้วยข้อยกเว้นทางกฎหมาย ซึ่งการปกครองนี้นั้นจะนำมาด้วย ‘สภาวะยกเว้นทางกฎหมาย (State of Exception)’ สภาวะนี้จะนำมาซึ่งการงดใช้กฎหมายตามปกติและการให้อำนาจแก่รัฐที่มากเป็นพิเศษ ทำให้รัฐสภาจะมีอำนาจมากที่สุดในสภาวะเช่นนี้ ซึ่งการถกเถียงในสภาวะนี้ ยังเป็นเรื่องใหญ่ในวงการนิติศาสตร์

สภาวะยกเว้นในประเทศไทย

สภาวะยกเว้นนี้จะเห็นได้ชัดเจนจากการยืดขยายของกองทัพในสภาวะปกติ โดยสามารถแยกออกได้เป็น 2 ประเด็น ได้แก่

1. มีการระบุข้อยกเว้นในกฎหมายปกติทุกระดับ ซึ่งสังเกตได้จากการให้อำนาจแก่เจ้าหน้าที่ของรัฐเหมือนสภาวะยกเว้น และกฎหมายธรรมดาหลายฉบับมีการงดเว้นให้ใช้

2. การขยายภารกิจเพื่อความมั่นคง ให้ครอบคลุมเกินหน้าที่ในสภาวะปกติ โดยเฉพาะในช่วงหลังสงครามเย็น เช่น การป่าไม้ การเกษตร ตลอดจนการท่องเที่ยว 

จากประเด็นเหล่านี้ทำให้เห็นได้อย่างชัดเจนว่า สภาวะเหล่านี้ได้ดำเนินอยู่ในสังคมจนทำให้เราคิดว่าเราอยู่ในภาวะปกติบนสภาวะที่มีข้อยกเว้นโดยรัฐ

ปัญหาความมั่นคงในประเทศไทย



ธงชัยเสนอว่า ความมั่นคงในประเทศไทยนั้นเป็นสิ่งที่เหลวไหล เพราะในช่วง 30 ปีหลังมานี้ ความหมายของความมั่นคงได้ถูกนิยามความหมายว่า ความมั่นคงต่อความเป็นไทยหรือความสงบและศีลธรรมอันดีของประชาชน ซึ่งความหมายในแต่ละบริบทจะมีแนวโน้มไปที่การตีความของผู้ที่มีอำนาจ 

ภัยต่อความมั่นคงนี้ก่อให้เกิดอภิสิทธิ์และอำนาจต่าง ๆ ที่เป็นผลประโยชน์ทางวัตถุ เช่น งบประมาณ การประกอบธุรกิจเก็บค่าเช่า การคอรัปชั่นต่าง ๆ ดังนั้นหากไม่ผลิตเหตุที่ส่งผลต่อความมั่นคง ก็ไม่มีเหตุผลที่สภาความมั่นคงจะมีอยู่ เพื่อเป็นเหตุรับรอง ‘สภาวะยกเว้นทางกฎหมาย’

ดังนั้นเห็นได้ชัดจากปัจจัยเหล่านี้ว่า อำนาจที่ล้นเหลือนั้นมาพร้อมกับสภาวะยกเว้นทางกฎหมาย ซึ่งส่งผลให้สภาวะยกเว้นและอำนาจของกองทัพกลายเป็นเรื่องปกติ และการใช้กฎหมายปกติเป็นข้อยกเว้นได้ 

ระบบกฎหมายและนิติศาสตร์ ต้องเปลี่ยนแปลง



ธงชัยได้ยกตัวอย่างจากการเรียนกฎหมายในอเมริกาว่า ในอเมริกานั้นวิชาชีพกฎหมายไม่ได้เป็นวิชาในระดับปริญญาตรี แต่จะเป็นการสอนในโรงเรียนกฎหมายเฉพาะ ผู้ที่มาเรียนส่วนมากจะเป็นนักศึกษาจากสาขาต่าง ๆ เช่น รัฐศาสตร์ สังคมวิทยา ประวัติศาสตร์ และวรรณคดี ซึ่งมีผู้ที่สนใจเป็นจำนวนมาก เพราะกฎหมายนั้นเป็นเรื่องของการตีความ ให้เหตุผล และหาหลักฐาน กฎหมายนั้นเป็นเรื่องของการตีความ แต่หลักการเรียนการสอนนิติศาสตร์ในประเทศไทยในปัจจุบันแทบไม่แตกต่างจากในอดีตเลย

ธงชัยเสนอว่า รากฐานของการศึกษานิติศาสตร์ไทยมาจากโรงเรียนกฎหมายแบบอาณานิคม โดยรัฐสมบูรณาญาสิทธิราชย์ ซึ่งไม่ได้เป็นแบบแผนที่มาจากยุโรป แต่เป็นการนำแผนมาจากโรงเรียนกฎหมายเมื่อสมัยรัชกาลที่ 5 ในประเทศอาณานิคม เพราะการมาของระบบราชการที่มุ่งหวังจะผลิตนักกฎหมายในเวลาอันรวดเร็ว โดยไม่มีการเรียนวิชาอื่น เช่น เศรษฐศาสตร์การเมือง การเมือง วรรณคดี เพื่อผลิตนักนักนิติศาสตร์ที่มีคุณสมบัติ 3 ประเด็น ได้แก่ 1. รู้ตัวบทกฎหมาย 2. รู้องค์ประกอบ 3. รู้บรรทัดฐาน 

ในช่วง 100 กว่าปีให้หลังจากโรงเรียนกฎหมายเกิดขึ้น การเรียนนิติศาสตร์ในมหาวิทยาลัยส่วนใหญ่ยังคงถูกครอบงำด้วยการเรียนเช่นนี้ แต่หลังจากนั้นก็เกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้น 2 ครั้วใหญ่ คือ 

1. การที่ปรีดี พนมยงค์ ได้พยายามที่จะเปลี่ยนแปลงระบบการเรียนกฎหมาย โดยการนำระบบจากฝรั่งเศสมาปรับใช้ แต่การเปลี่ยนแปลงก็จบลงในปี พศ.2492 เมื่อปรีดี พนมยงค์ได้ขับออกนอกประเทศ จากนั้นระบบเดิมได้ถูกนำมาใช้ โดยนำผู้พิพากษามาเป็นผู้สอน

2. การเปลี่ยนแปลงของคณะนิติศาสตร์ให้เป็นวิชาการมากขึ้น โดยการนำวิชาอื่นเพิ่มเข้ามาในหลักสูตร เช่น นิติปรัชญา และนำนักวิชาการมาเป็นผู้สอนแทนที่ผู้พิพากษา

เห็นได้ชัดว่า การศึกษานิติศาสตร์ไทยได้ถูกกำกับโดยวิชาชีพผู้พิพากษา ซึ่งเป็นมรดกจากระบบอาณานิคม ฉะนั้นการจะเปลี่ยนแปลงระบบนิติศาสตร์ในประเทศไทยต้องเริ่มจากการเปลี่ยนแปลงระบบการศึกษานิติศาสตร์

พื้นที่สื่อสาร สังคมประชาธิปไตย ชีวิตใหม่ที่ดีกว่า

ทีมข่าวที่ประกอบไปด้วยผู้คนหลากหลาย บ้างก็มาจากทะเล บ้างก็มาจากภูเขา แต่สุดท้ายก็ลงเอยที่ภาคเหนืออยู่ที่ Lanner นี่แหละ...

Lanner Editor
Lanner Editor
ทีมข่าวที่ประกอบไปด้วยผู้คนหลากหลาย บ้างก็มาจากทะเล บ้างก็มาจากภูเขา แต่สุดท้ายก็ลงเอยที่ภาคเหนืออยู่ที่ Lanner นี่แหละ...

กลุ่มรักษ์เชียงของยื่นฟ้องนายกฯ–กฟผ. ปมเขื่อนปากแบง หวั่นแม่น้ำโขงกลายเป็น ‘อ่างตะกอนพิษ’

12 พฤศจิกายน 2568 กลุ่มรักษ์เชียงของ พร้อมประชาชน นักวิชาการ และทนายความจากมูลนิธิศูนย์ข้อมูลชุมชน ยื่นคำฟ้องต่อศาลปกครองเชียงใหม่ ฟ้องนายกรัฐมนตรี...

ทหารเกณฑ์ดับในค่ายพิษณุโลก มูลนิธิผสานวัฒนธรรมจี้สอบเหตุละเมิดสิทธิ

11 พฤศจิกายน 2568 มูลนิธิผสานวัฒนธรรมเปิดเผยว่า ได้รับแจ้งเหตุจากเครือข่ายกลุ่มชาติพันธุ์ภาคเหนือ กรณี พลทหารเกณฑ์รายหนึ่งเสียชีวิตภายในค่ายทหารแห่งหนึ่งในจังหวัดพิษณุโลก หลังเข้ารับการฝึกเพียงไม่ถึง 10...

เครือข่าย กก สาย รวก โขง ยื่น 5 ข้อ แก้ปัญหาน้ำปนสารพิษ ด้านรัฐบาลยืนยันยุติโครงการฝาย

ภาพ: สมาคมแม่น้ำเพื่อชีวิต 11 พฤศจิกายน 2568 ที่หอประชุมคชสาร องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย กรมทรัพยากรน้ำจัดเวทีประชุมรับฟังความคิดเห็นประชาชน เพื่อทบทวนและกำหนดแนวทางแก้ไขปัญหาคุณภาพน้ำในพื้นที่แม่น้ำกกและแม่น้ำสาย  การประชุมครั้งนี้มีผู้เข้าร่วมกว่า 300...

มติเอกฉันท์ คนท่าตอน ‘ไม่เอาฝายดักตะกอน’ ชี้ต้องการ ‘น้ำสะอาด’ เร่งด่วนกว่า

10 พฤศจิกายน 2568 ที่หอประชุมองค์การบริหารส่วนตำบลท่าตอน อำเภอแม่อาย จังหวัดเชียงใหม่ กรมทรัพยากรน้ำจัดเวทีรับฟังความคิดเห็นประชาชน เพื่อทบทวนแนวทางแก้ไขปัญหาคุณภาพน้ำในลุ่มน้ำกกและแม่น้ำสาย ท่ามกลางความสนใจของประชาชนกว่า...