ชาวบ้านแม่กลางยื่นข้อเสนอแก้ไขฝุ่นควันและไฟป่า ย้ำรัฐต้องมีนโยบายดูแลป่าที่ชัดเจน

Date:

“ผู้ออกนโยบายก็ไม่เห็นมาอยู่กับเราแบบนี้ เขาก็ไม่รู้สึกอะไรกับเรามากเท่าไร นโยบายห้ามเผา แต่เขาก็เผากันหมดแล้ว ตอนนี้ผมพยายามอยู่เฝ้าระวังและสกัดไม่ให้ไฟมันลามถึงในเขตของเรา พี่น้องเอ๋ย ช่วยกันภาวนาให้มันดับไวๆ นะครับ”

ไฟเปลวแล้วเปลวเล่าเกิดขึ้นและแผดเผาสรรพสิ่งในผืนป่าใหญ่ ในขณะที่เสียงตามสายของหมู่บ้านป่าวประกาศเรียกระดมพลเร่งด่วน เมื่อทราบว่าค่ำคืนนี้ไฟที่ไหม้จากนอกชุมชนเริ่มเข้าใกล้ขอบเขตการจัดการทรัพยากรของหมู่บ้านเข้าเรื่อยๆ ลมยังคงกระพือพัด ไฟยังคงลุกโชน เสียงฝีเท้าของผู้คนในผืนป่ายังคงดำเนินไป เสียงหารือถึงแนวทางการควบคุมไฟยังเล็ดลอดให้ได้ยิน

สมชาติ รักษ์สองพลู ในนามผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 5 ชุมชนกะเหรี่ยงโปว์บ้านกลาง ต.บ้านดง อ.แม่เมาะ จ.ลำปาง ถ่ายทอดสดสถานการณ์ไฟป่าที่เกิดขึ้นใกล้แนวเขต ‘อิติแกละ’ หรือพื้นที่ทางจิตวิญญาณของชุมชน เมื่อเวลาประมาณ 20.00 น. ของเมื่อคืนนี้ (3 เมษายน 2566) ปรากฏภาพแนวไฟขนาดยาวไม่ต่ำกว่า 10 เมตร กำลังคืบคลานเข้ามาใกล้เรื่อยๆ ทราบภายหลังว่าไฟเปลวนี้ลุกลามมาจากพื้นที่ดินของทหาร ใกล้กับชุมชนบ้านห้วยตาด ห่างออกไปประมาณ 10 กิโลเมตร

“สภาพตอนนี้นะครับ ผมอยู่ที่อิติแกละ ไฟไหม้มาจะถึงศาลาอิติแกละแล้วครับ หนักมาก พื้นที่จิตวิญญาณของเรากำลังจะโดนไฟไหม้ ตอนนี้ผมก็มาติดตามไฟไหม้ในพื้นที่ ไม่รู้จะควบคุมอย่างไร เพราะมันหนักเกิน อันตรายต่อเรามาก พื้นที่ตรงนี้เป็นป่าเต็งรัง จะให้เข้าไปในไฟตอนนี้ก็เสี่ยงกับเรามากนะครับ จริงๆ ถ้าเรามีระบบการจัดการ ถ้าได้ชิงเผาเชื้อเพลิงตั้งแต่ต้น มันก็คงไม่หนักเท่านี้” สมชาติกล่าว

วิถีจัดการไฟชุมชน ถูกตัดทอนด้วยมาตรการ ‘ห้ามเผา’

ในเช้าวันต่อมา ธนากร อัฏฐ์ประดิษฐ์ นักวิชาการอิสระด้านการจัดการที่ดินและทรัพยากรธรรมชาติ ได้แสดงความเห็นต่อกรณีดังกล่าว ระบุว่า ภาพจากไลฟ์สดเมื่อคืนของผู้นำชุมชมกะเหรี่ยงบ้านกลาง จ.ลำปาง ไฟไม่พึงประสงค์ลุกลามหนักข้ามเข้ามาโซนอันตราย แม้คนที่นี่พยายามปกป้องผืนป่ามายาวนาน จัดการแนวกันไฟอย่างหนักทุกปี เท่าที่จะสามารถทำได้ อย่างน้อยก็อย่าได้ให้ลุกลามเข้าพื้นที่ทำมาหากิน ป่าอนุรักษ์ของชุมชนและโซนบ้านเรือน

เขาชี้ว่า ชาวบ้านอยู่กับป่าอยู่กับไฟมาหลายชั่วอายุ รู้ว่าจุดไหนต้องเผาจัดการเชื้อเพลิงที่สะสมตามฤดูกาลโดยเฉพาะในโซนป่าผลัดใบ รู้ว่าช่วงเวลาไหน สภาพอากาศแบบใดเหมาะสมที่จะใช้ไฟจัดการป่าเพื่อให้ได้ประสิทธิภาพ เผาไหม้เร็วที่สุด เกิดกลุ่มควันน้อย ต้องจัดสรรกำลังแรงงานจุดไหนเท่าไหร่ เพื่อให้หลายชีวิตรอดพ้นปลอดภัยที่สุด อย่างไรก็ตามเป็นมาตรการของภาครัฐที่ตัดทอน ลดความสำคัญขององค์ความรู้ชุมชนในการจัดการไฟป่า

“ระบบเหล่านี้ถูกผลักออกให้ไปอยู่ภายใต้วิธีคิดแบบ ‘มาตรการห้ามเผา’ อย่างเหมารวมและเชิงเดี่ยว นโยบายปิดป่าแสนเพ้อเจ้อ ถูกควบคุมสั่งการจากหน่วยงานรัฐราชการรวมศูนย์ที่มีดาวเทียม จอคอมพิวเตอร์ แอพพลิเคชัน เครื่องวัดค่าฝุ่น พร้อมขึงขึงใช้กฎหมายหลายฉบับคาดโทษทัณฑ์ เมื่อศักยภาพที่มีถูกบั่นทำลายลง เมื่อไฟที่เคยควบคุมจัดการได้บ้างกลายเป็นไฟเรือนยอดที่กระโดดข้ามแนวป้องกันได้อย่างเสรี เกินจุดที่คนในชุมชนจะกำราบจัดการ ต้องปล่อยให้เปลวแผ่เผาดั่งเสรี เหนื่อยเมื่อใดเขาคงหยุดมอดลงเอง ส่วนคนถอยร่นกลับไปดูแลแนวชั้นในอย่าให้เข้ามากลืนกินบ้านเรือนได้ก็นับว่าผีป่าผีไฟเมตตาพอแล้ว” ธนากรกล่าว

เขายังกล่าวทิ้งท้าย ว่าวันพรุ่ง รอผู้มีอำนาจออกมาตรการใหม่ สั่งการ มอบหมาย คาดโทษ รายงาน ออกสื่อ อย่างเป็นปกติฤดูไฟ ฤดูแพะ ฤดูอำนาจ

ภาพ : มูลนิธิพัฒนาภาคเหนือ

จากสถานการณ์ฝุ่นควัน ถึงงบจัดการไฟที่ถูกปัดตก

​ประกาศจังหวัดลำปาง เรื่อง ห้ามเผาป่าและพื้นที่โล่ง ยกเว้นพื้นที่ตามแผนการบริหารจัดการเชื้อเพลิง ที่ประกาศ ณ วันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2566 ให้ทั้ง 13 อำเภอของจังหวัดลำปางงดเว้นการเผาป่า เผาวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตร เผาขยะ และเผาวัชพืชข้างทาง เผาในพื้นที่โล่งแจ้งทุกกรณีในพื้นที่จังหวัดลำปาง ตั้งแต่วันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2566 ถึงวันที่ 30 เมษายน 2566 ยกเว้นพื้นที่ตามแผนบริหารจัดการเชื้อเพลิง แต่ชุมชนก็ยังกังวลเกี่ยวกับการใช้ไฟในพื้นที่ไร่หมุนเวียน และการใช้ไฟองค์ความรู้ของชุมชนในการจัดการเชื้อเพลิงในป่า เช่น การชิงเผา

​ชุมชนบ้านกลางนั้นตั้งอยู่ในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ และมีพื้นที่บางส่วนทับซ้อนกับอุทยานแห่งชาติถ้ำผาไท (เตรียมการ) มีพื้นที่จัดการทรัพยากรและพื้นที่จิตวิญญาณของชุมชน หรือ อิติแกละ ประมาณ 16,000 ไร่ โดยแต่ละปีชุมชนจะทำแนวกันไฟยาว 36 กิโลเมตรรอบพื้นที่อิติแกละ ในช่วงเดือนมีนาคมถึงเมษายน รวมถึงจะลาดตระเวนเฝ้าระวังไฟ และมีกฎกติกาของชุมชนในการดูแลรักษาป่ามาอย่างยาวนาน

​โดยก่อนหน้าฤดูกาลไฟป่าปีนี้ ชุมชนบ้านกลาง และบ้านแม่ส้าน อ.แม่เมาะ จ.ลำปาง ได้ทำหนังสือแจ้งความประสงค์ขอเข้าดำเนินการตามโครงการจัดทำแนวกันไฟและเข้าดับไฟป่าในพื้นที่ อย่างไรก็ตาม สำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ ที่ 3 (ลำปาง) ได้มีหนังสือถึงประธานกองทุนหมู่บ้าน บ้านดง เรื่อง ขอสอบถามการใช้พื้นที่สำหรับการดำเนินการโครงการชุมชน “โครงการจัดทำแนวกันไฟ บ้านกลาง ม.5” ลงวันที่ 25 พฤศจิกายน 2565 ระบุว่า “…หากท่านประสงค์จะขอเข้าดำเนินการจัดทำแนวกันไฟในพื้นที่ป่า จะต้องได้รับการอนุมัติจากอธิบดีกรมป่าไม้ก่อน…” แสดงให้เห็นว่า มีการผูกขาดการจัดการทรัพยากรธรรมชาติอยู่ที่หน่วยงานรัฐเท่านั้น แม้ชุมชนบ้านกลางและบ้านแม่ส้านจะแสดงให้เห็นถึงศักยภาพของชุมชนอยู่กับป่าที่สามารถดูแลจัดการป่าได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งทำให้งบประมาณที่ชุมชนควรได้นำมาจัดการไฟป่าต้องถูกปัดตกไป

ภาพ : มูลนิธิพัฒนาภาคเหนือ

สู่ข้อเสนอจัดการไฟโดยชุมชน ถึงรัฐบาล และการเมือง

“หวังว่ารัฐบาลหน้าน่าจะมีนโยบายที่ดีกว่านี้ ไม่งั้นคนที่ดูแลป่า รักษาป่าก็จะเหนื่อย เพราะว่าตอนนี้เรายังไม่เห็นพรรคการเมืองที่มีนโยบายเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อม การดูแลป่า การจัดการทรัพยากรที่ชัดเจน” สมชาติ รักษ์สองพลู ผู้ใหญ่บ้านชุมชนบ้านกลางยังคงกล่าวต่อไป ท่ามกลางเปลวไฟที่ลุกไหม้รุนแรงขึ้นเรื่อยๆ

ก่อนหน้านั้นชุมชนบ้านกลาง หนึ่งในชุมชนที่ร่วมกับศูนย์สนับสนุนชุมชนสู้ไฟป่า ร่วมกับอีก 20 ชุมชนในนามสมาชิกสหพันธ์เกษตรกรภาคเหนือ (สกน.) และมูลนิธิพัฒนาภาคเหนือ (มพน.) ได้ร่วมประชุมเพื่อพัฒนาข้อเสนอการจัดการไฟป่าและฝุ่นควัน PM 2.5 ในพื้นที่ป่าภาคเหนือ ระหว่างวันที่ 6-7 กุมภาพันธ์ 2566 ณ โรงแรมฮอลิเดย์ การ์เดน จังหวัดเชียงใหม่ โดยมีข้อเสนอที่สำคัญ 6 ประเด็นดังนี้

1. ยกเลิกใช้นโยบายที่มุ่งกำจัดไฟโดยไม่แยกแยะ (Fire Exclusion Policy) ด้วยอุดมคติที่ฝืนสภาพความจริง โดยไม่พิจารณาถึงเงื่อนไขสำคัญอื่นตามบริบทที่แตกต่าง โดยเฉพาะลักษณะทางนิเวศที่แตกต่างกันแม้กระทั่งในพื้นที่หนึ่งชุมชนท้องถิ่น ลักษณะทางสังคมวัฒนธรรม ส่งผลให้มาตรการที่ผ่านมาล้มเหลวและสร้างภาวะสะสมเชิงผลกระทบสืบเนื่องมา โดยรูปธรรมที่สำคัญคือ ต้องยกเลิกมาตรการห้ามเผาอย่างเหมารวมโดยทันที เนื่องจากการใช้วิธีฝืนห้ามไม่ให้เกิดไฟทุกประเภท จะส่งผลโดยตรงกับการลดศักยภาพของระบบจัดการเชื้อเพลิงในพื้นที่ป่าผลัดใบ การทำแนวกันไฟ รวมไปถึงระบบการจัดการป่าและระบบไร่หมุนเวียนของชุมชนกะเหรี่ยง และกลายเป็นการสร้างความเสี่ยงต่อการเกิดไฟที่มิอาจควบคุมได้ตามระบบปกติ

2. แยกแยะ ทำความเข้าใจ และสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องต่อสังคมเกี่ยวกับระบบการเกษตรแบบ ‘ไร่หมุนเวียน’ ของชุมชนกะเหรี่ยง ซึ่งจำเป็นต้องมีการใช้ไฟตามวิถีชีวิตและมักถูกหน่วยงานรัฐเหมารวมเป็นการเผาป่า เนื่องจากชุมชนมีความจำเป็นต้องใช้ไฟเพียงหนึ่งครั้งตลอดทั้งปีเพื่อให้มีข้าวและพืชอาหารเป็นความมั่นคงทางอาหารของครัวเรือนตลอดทั้งปี โดยระบบการเกษตรรูปแบบนี้ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมประจำปี 2556 และได้รับการคุ้มครองตามมติคณะรัฐมนตรี วันที่ 3 สิงหาคม 2553 ว่าด้วยแนวนโยบายและหลักปฏิบัติในการฟื้นฟูวิถีชีวิตชาวกะเหรี่ยง

3. เลิกรวมศูนย์อำนาจรัฐและผูกขาดกลไกการบริหารจัดการ มุ่งกระจายอำนาจการจัดการทรัพยากรสู่ชุมชนและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) โดยการสร้างนโยบายการแก้ไขปัญหาที่เป็นฉันทามติร่วมทางสังคมและเป็นธรรม สอดคล้องกับความซับซ้อนของปัญหา ตอบสนองต่อช่วงฤดูวิกฤติผ่านกระบวนการวางแผน กำหนดยุทธศาสตร์และยุทธวิธีในการแก้ไขปัญหาที่มีความเหมาะสมกับสภาพทางภูมิศาสตร์ สภาพแวดล้อม เงื่อนไขความพร้องทางสังคมทั้งในระดับภาค ระดับจังหวัด ระดับอำเภอและหมู่บ้าน บนฐานของการพิจารณาชุดขององค์ความรู้ ระบบฐานข้อมูล ระบบสนับสนุน การมีส่วนร่วมจากทุกภาคส่วน

4. สนับสนุนแผนการจัดการไฟและ PM 2.5 ของชุมชนและ อปท. โดยการสร้างแผนการบูรณาการจัดการไฟป่าเชิงระบบ ที่มาจากฐานศักยภาพและบริบทเฉพาะของชุมชนท้องถิ่น เพื่อยกระดับสู่แผนการจัดการอย่างมีส่วนร่วมภายใต้ระบบการสนับสนุนทรัพยากรโดยตรงที่ทันต่อสถานการณ์จากหน่วยงานหลักระดับจังหวัดและระดับประเทศ นอกจากนั้น ยังต้องสนับสนุนการกระจายงบประมาณหรือจัดตั้งกองทุนในด้านการจัดการไฟป่าและ PM 2.5 สู่ชุมชนและ อปท. โดยการปรับแก้ระบบบริหารงบประมาณฯ ของ ทส. และงบประมาณฯ ประเทศให้พร้อมรับมือกับสถานการณ์เร่งด่วนฉุกเฉินประจำฤดูและสอดคล้องกับแผนในระยะยาว

5. สนับสนุนการกระจายอำนาจในการจัดการที่ดินและทรัพยากรธรรมชาติโดยชุมชน โดยการสนับสนุน ‘โฉนดชุมชน’ ตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการจัดให้มีโฉนดชุมชน พ.ศ. 2553 ซึ่งปัจจุบันรองรับโดยมติคณะรัฐมนตรี วันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2565 ว่าด้วยแนวทางแก้ไขปัญหาของขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม เนื่องจากเป็นแนวนโยบายที่ผลักดันโดยภาคประชาชนเพื่อให้สอดคล้องกับบริบทภูมิประเทศ ฐานทรัพยากรในพื้นที่ รวมถึงองค์ความรู้และภูมิปัญญาของแต่ละชุมชนที่มีความแตกต่างหลากหลาย และเราขอปฏิเสธแนวทางตามโครงการจัดที่ดินทำกินให้ชุมชน ตามนโยบายของคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ (คทช.) และมติคณะรัฐมนตรีวันที่ 26 พฤศจิกายน 2561 ว่าด้วยมาตรการแก้ไขปัญหาการอยู่อาศัยและทำกินในพื้นที่ป่าไม้ (ทุกประเภท) ที่ยังดำรงอยู่ภายใต้แนวคิดการรวมศูนย์อำนาจการจัดการทรัพยากรธรรมชาติ และอยู่ภายใต้แผนแม่บทพัฒนาการป่าไม้แห่งชาติ พ.ศ. 2562

6. แก้ไขกฎหมายเกี่ยวกับการจัดการป่าไม้ 3 ฉบับ ได้แก่ พระราชบัญญัติอุทยานแห่งชาติ พ.ศ. 2562, พระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2562 และ พระราชบัญญัติป่าชุมชน พ.ศ. 2562 โดยเปิดให้เกิดการมีส่วนร่วมของประชาชนที่มีวิถีชีวิตที่หลากหลาย เนื่องจากการบังคับใช้กฎหมายที่ผ่านมาสร้างผลกระทบและตัดตอนการมีส่วนร่วมของประชาชนในหลายพื้นที่ ยืนอยู่บนหลักการที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยที่คุ้มครองสิทธิชุมชน รวมถึงสิทธิของกลุ่มชาติพันธุ์ และหากไม่สามารถดำเนินการแก้ไขกฎหมายตามเจตนารมณ์ของประชาชนได้ เราขอเสนอให้เพิกถอนพื้นที่การจัดการที่ดินและทรัพยากรธรรมชาติของชุมชนออกจากกฎหมายป่าไม้ทุกฉบับ

​เสียงความทุกข์ร้อนของประชาชนคนบ้านกลางยังคงดำเนินต่อไป ข้อเรียกร้องจากระดับพื้นที่อื่นๆค่อยๆ รวมกันจากเสียงแผ่วกระซิบสู่เสียงที่ดังขึ้นท่ามกลางบรรยากาศทางการเมืองใกล้เข้าสู่การเลือกตั้งทั่วไปในวันที่ 14 พฤษภาคมนี้ สุดท้ายนโยบายด้านสิ่งแวดล้อมจะลงเอยด้วยการรับรองสิทธิของชุมชนในการปกป้องดูแล พร้อมกับมีสิทธิใช้ประโยชน์จากฐานทรัพยากรของชุมชนอย่างยั่งยืน รวมถึงรองรับวิถีชีวิตของผู้คนที่มีความหลากหลายหรือไม่ ยังคงต้องติดตาม

พื้นที่สื่อสาร สังคมประชาธิปไตย ชีวิตใหม่ที่ดีกว่า

ทีมข่าวที่ประกอบไปด้วยผู้คนหลากหลาย บ้างก็มาจากทะเล บ้างก็มาจากภูเขา แต่สุดท้ายก็ลงเอยที่ภาคเหนืออยู่ที่ Lanner นี่แหละ...

Lanner Editor
Lanner Editor
ทีมข่าวที่ประกอบไปด้วยผู้คนหลากหลาย บ้างก็มาจากทะเล บ้างก็มาจากภูเขา แต่สุดท้ายก็ลงเอยที่ภาคเหนืออยู่ที่ Lanner นี่แหละ...

มาตรการลงทะเบียนซิมด้วย Liveness Detection ถูกตั้งคำถาม กระทบคนไร้สัญชาติ–แรงงานข้ามชาติ ‘ตี่ตาง’ ชี้จำกัดสิทธิสื่อสาร แก้ปัญหาไม่ตรงจุด

จากกรณีที่ สำนักงานคณะกรรมการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ เเละกิจการโทรคมนาคมเเห่งชาติ (กสทช.) ประกาศใช้เทคโนโลยี Liveness Detection เมื่อวันที่...

พ่อหมอกฤตไท ร้องหยุดดองร่าง พ.ร.บ.อากาศสะอาด ด้านสภาลมหายใจ เเถลงไม่ควรเอื้อนายทุน

หลังจากเมื่อวันที่ 21 กันยายน 2568 สภาผู้แทนราษฎรมีมติเห็นชอบร่าง พ.ร.บ.บริหารจัดการเพื่ออากาศสะอาดฯ ในวาระสามด้วยคะแนนเห็นด้วย 309 เสียง...

ให้คะแนนรัฐบาลอนุทิน ‘สอบตกยกแผง’ แก้ปัญหาน้ำกก–สายรวก–โขงปนเปื้อนโลหะหนัก จากเหมืองแร่ในรัฐฉาน

สืบสกุล กิจนุกร นักวิชาการด้านการพัฒนาระหว่างประเทศ มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง ประเมินการทำงานของรัฐบาลไทยในการรับมือปัญหามลพิษข้ามพรมแดนจากเหมืองแร่ในรัฐฉาน ประเทศเมียนมา ระบุว่า ‘สอบตกยกแผง’ พร้อมแจกแจงการประเมินเป็นรายบุคคลต่อผู้นำฝ่ายบริหารสามตำแหน่ง นายกฯ...

Lanner Joy: LOLA Gallery DRIP แรงบันดาลใจจากความฝันเล็กๆ สู่รากกาแฟห้วยตองก๊อที่เติบโตอย่างแข็งแรง

เรื่องและภาพ: สุทธิกานต์ วงศ์ไชย ยามบ่ายต้นเดือนพฤศจิกายนที่ลานกว้างของโครงการจริงใจมาร์เก็ต เชียงใหม่ เสียงแจ๊สลอยแผ่วเบาเคล้ากลิ่นกาแฟที่เพิ่งบดใหม่ เทศกาล Jazz Arabica กลับมาอีกครั้งในปี...