แก้วแบบใดใส่ใจสิ่งแวดล้อม ว่าด้วยเรื่องปัญหาสิ่งแวดล้อมกับการเลือกใช้แก้วตามร้านอาหารในพื้นที่เมืองเชียงใหม่

Date:

เรื่อง: ปิยชัย นาคอ่อน

ข้อมูลจากผลดัชนีชี้วัดความสามารถในการแข่งขันเมืองอัฉริยะปี 2566 โดยดีป้า (DEPA) พบว่าเชียงใหม่อยู่อันดับรั้งท้ายในเรื่องความสามารถในการแข่งขันเมืองอัจฉริยะ โดยพบว่าด้านความยั่งยืนมีคะแนนต่ำเพียง 2.5% หนึ่งในนั้นคือเรื่องการจัดการขยะมูลฝอยที่เกิดจากการจัดการขยะพลาสติก ซึ่งร้านอาหารในเมืองเชียงใหม่ไม่ว่าจะเป็นร้านอาหารตามสั่ง ร้านปิ้งย่าง ร้านหมูกระทะ คาเฟ่ ร้านกาแฟ และในห้างสรรพสินค้า หันมาใช้แก้วพลาสติกแบบใช้ครั้งเดียวทิ้ง ด้วยราคาที่ถูกและจัดการได้ง่ายกว่าแก้วที่แบบเอามาใช้ซ้ำ ถึงแม้จะมีข้อดีที่ราคาถูก แต่ก็มีข้อเสียตามมาคือต้องแลกมาด้วยการจัดการขยะที่มีความยากและก่อให้เกิดมลภาวะตกค้างซึ่งนำไปสู่การเป็น Micro Plastic และกลายเป็น ฝุ่น PM. 2.5 ได้ ผู้เขียนจึงอยากพาทุกท่านตั้งคำถามถึงความเป็นไปได้ที่จะเลิกใช้แก้วพลาสติกแบบใช้ครั้งเดียว

แก้วพลาสติกแบบใช้ครั้งเดียว VS แบบใช้ซ้ำ

ที่มาภาพ:  GreenleafPak

ก่อนอื่นขอพามาทำความรู้จักกับแก้วน้ำแบบใช้ครั้งเดียวทิ้งหรือแก้วพลาสติกแบบ PET (Poly (ethylene terephthalate), PET) (และขอแทนแก้วพลาสติกแบบใช้ครั้งเดียวทิ้งว่าแก้ว PET) มีความใส ทนทาน ทำให้บางได้ และสามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้ (Recycle) นอกจากนี้ยังมีแก้วพลาสติกชนิดอื่น เช่น PP5 (Polypropylene) PS6 (Polystyrene) เรียกรวม ๆ คือแก้วพลาสติกที่ทำจากปิโตรเลียม โดยส่วนใหญ่แล้วแก้วลักษณะนี้จะใช้ครั้งเดียวทิ้ง เพราะมีราคาถูกจึงไม่คุ้มที่จะนำมาล้างใช้ซ้ำ ในขณะที่แก้วจากวัสดุอื่น เช่น แก้ว โลหะ กระเบื้องที่มีความเหมาะสมในการใช้ซ้ำมากกว่าแต่ต้องแลกมากับราคาที่สูงกว่าและปัญหาอื่น ๆ ตามมา คือ ต้นทุนกับค่าแรงในการล้างแล้วนำกลับมาใช้ใหม่ หายบ่อย แตก บิ่น เสียหายง่าย และปัญหาเรื่องความสะอาดหากล้างทำความสะอาดไม่ดีพอ

แล้วหากมีแก้วกระดาษในสมการนี้

แก้วกระดาษอาจเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่สามารถตอบโจทย์ทั้งการใช้งานและการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมด้วยคุณสมบัติที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ย่อยสลายง่าย แต่แลกมาด้วยราคาที่สูงกว่าแก้ว PET จากการสำรวจราคาจากห้างค้าส่งขนาดใหญ่แห่งหนึ่งพบว่า ราคาแก้ว PET ขนาด 16 OZ อยู่ที่ราคา 49 บาท ต่อ 50 ชิ้น ในขณะที่แก้วกระดาษมีขนาดและจำนวนเท่ากันมีราคาอยู่ที่ 65  บาท (ราคา ณ วันที่ 13 มิถุนายน 2567 )  ต่างกันอยู่ที่ 16 บาท ซึ่งถือว่าสูงพอควร ทำให้ร้านค้าเลือกที่จะใช้แก้ว PET มากกว่าแก้วกระดาษ นอกจากนี้ด้วยระยะเวลาการใช้งานหากลูกค้านั่งในร้านแก้วกระดาษก็อาจจะทะลุไปก่อนที่รับประทานอาหารหมดได้ ยังมีแก้วกระดาษที่มีลักษณะเป็นกรวยที่มีราคาถูกกว่า แต่ใช้งานได้น้อยครั้งอีกทั้งมีขนาดเล็กกว่า ซึ่งอาจเป็นตัวเลือกที่ไม่ดีนัก ซึ่งแก้วกระดาษอาจอยู่ฝั่งอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมมากกว่าการลดต้นทุนซึ่งเหมาะกับร้านที่สามารถรองรับต้นทุนตรงนี้ได้

ยังมีแก้วชนิดอื่นอีกไหมและทางออกจะเป็นยังไง

ที่มาภาพ:เว็บไซต์กาแฟพันธุ์ไทย

แก้ว BIO CUP หรือแก้วที่ทำจากพอลิแลคติกแอซิด (Polylactic Acid หรือ PLA) เป็นพลาสติกที่สังเคราะห์จากวัตถุดิบธรรมชาติ ทำให้สามารถย่อยสลายได้เองตามธรรมชาติและมีกระบวนการผลิตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม แต่ก็จะพบกับปัญหาเดิมคือราคาแพง ไม่คุมที่จะลงทุน ทำให้ทางเลือกระหว่างการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมกับการลดต้นทุนไปด้วยกันได้ยาก ผู้เขียนเลยเสนอแนวทาง ดังนี้

เลือกใช้แก้วที่สามารถใช้ซ้ำได้

แม้การใช้แก้วที่สามารถใช้ซ้ำได้จะมีปัญหาตามที่ผู้เขียนกล่าวมาข้างต้น แต่เมื่อมองในภาพรวมแล้วการใช้แก้วแบบนี้จะช่วยรักษาสภาพแวดล้อมได้ดีกว่าการใช้แก้วแบบ PET แต่ในส่วนของร้านค้าต้องดูแลเรื่องความสะอาดให้มากขึ้น

การสนับสนุนจากหน่วยงานรัฐ

อย่างไรก็ตามทางภาครัฐได้มีการออกนโยบายเกี่ยวกับการลดใช้พลาสติก เช่นเทศบาลนครเชียงใหม่ที่เปลี่ยนจากขวดน้ำพลาสติกเป็นขวดแก้ว รวมไปถึงการรณรงค์ให้หน่วยงานต่าง ๆ ปฏิบัติเช่นเดียวกัน หากไม่ใช่เชิงนโยบายแล้วการสนับสนุนอาจจะไม่ใช่การลดราคาแก้วกระดาษหรือให้เงินอุดหนุนในการซื้อแก้วกระดาษหรือแก้วประเภทอื่นที่ไม่ใช่แก้ว PET แต่เป็นการสนับสนุนการวิจัยให้เกิดแก้วที่มีราคาถูกรวมถึงกระบวนการผลิตแก้วที่สามารถย่อยสลายได้ตามธรรมชาติ เพื่อให้ร้านค้าสามารถเข้าถึงวัสดุที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมได้และเป็นการสนับสนุนแก้วแบบใช้ซ้ำได้ให้กับร้านค้าเช่นกัน

รณรงค์ให้นำแก้วมาเอง

การณรงค์นี้เป็นอีกหนึ่งวิธีในการแก้ปัญหาหากมีการสนับสนุนให้ลูกค้านำแก้วส่วนตัวมาใช้เอง ซึ่งปัจจุบันก็มีการรณรงค์กันอยู่บ้างแต่ยังไม่ทั่วถึง  หากสามารถสนับสนุนเป็นการนำแก้วมาแล้วได้รับส่วนลดหรือได้ของสมนาคุณอื่นก็จะเป็นแรงจูงใจที่ดีในการนำแก้วมาเอง

ส่งเสริมวัสดุจากธรรมชาติ

เช่น แก้วที่ทำจากกระบอกไม้ไผ่ แก้วที่ทำจากใบตาล แก้วจากกะลามะพร้าว หรือแก้วดินเผาซึ่งสามารถสร้างเอกลักษณ์ให้กับร้านค้าได้อย่างดี แต่อย่างไรก็ตามยังคงพบกับปัญหาเรื่องต้นทุนสูงจึงควรให้ภาครัฐหรือผู้ที่เกี่ยวข้องเข้ามาสนับสนุนเช่นกัน 

ท้ายที่สุดนี้ด้วยสภาพปัญหาทางเศรษฐกิจในปัจจุบันอาจทำให้การอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมทำควบคู่ไปกับการแก้ปัญหาเรื่องต้นทุนค่าใช้จ่ายของร้านค้าไม่ได้ ทางที่ดีที่สุดคือการค่อย ๆ ปรับเปลี่ยนให้ทั้งสองสิ่งนี้ไปด้วยกันได้ทั้งผู้ค้าและผู้ซื้อ

อ้างอิง

Lanner เปิดพื้นที่ในการขยายพื้นที่สื่อสาร โดยความคิดเห็นไม่จำเป็นต้องเหมือนกองบรรณาธิการ สามารถส่งมาได้ที่ lanner.editor@gmail.com

ปิยชัย นาคอ่อน
ปิยชัย นาคอ่อน
ติ่งเกาหลีที่ทำวิจัยเป็นอาชีพ สนใจเรื่องสิ่งแวดล้อม การพัฒนาและการไอดอล

มาตรการลงทะเบียนซิมด้วย Liveness Detection ถูกตั้งคำถาม กระทบคนไร้สัญชาติ–แรงงานข้ามชาติ ‘ตี่ตาง’ ชี้จำกัดสิทธิสื่อสาร แก้ปัญหาไม่ตรงจุด

จากกรณีที่ สำนักงานคณะกรรมการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ เเละกิจการโทรคมนาคมเเห่งชาติ (กสทช.) ประกาศใช้เทคโนโลยี Liveness Detection เมื่อวันที่...

พ่อหมอกฤตไท ร้องหยุดดองร่าง พ.ร.บ.อากาศสะอาด ด้านสภาลมหายใจ เเถลงไม่ควรเอื้อนายทุน

หลังจากเมื่อวันที่ 21 กันยายน 2568 สภาผู้แทนราษฎรมีมติเห็นชอบร่าง พ.ร.บ.บริหารจัดการเพื่ออากาศสะอาดฯ ในวาระสามด้วยคะแนนเห็นด้วย 309 เสียง...

ให้คะแนนรัฐบาลอนุทิน ‘สอบตกยกแผง’ แก้ปัญหาน้ำกก–สายรวก–โขงปนเปื้อนโลหะหนัก จากเหมืองแร่ในรัฐฉาน

สืบสกุล กิจนุกร นักวิชาการด้านการพัฒนาระหว่างประเทศ มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง ประเมินการทำงานของรัฐบาลไทยในการรับมือปัญหามลพิษข้ามพรมแดนจากเหมืองแร่ในรัฐฉาน ประเทศเมียนมา ระบุว่า ‘สอบตกยกแผง’ พร้อมแจกแจงการประเมินเป็นรายบุคคลต่อผู้นำฝ่ายบริหารสามตำแหน่ง นายกฯ...

Lanner Joy: LOLA Gallery DRIP แรงบันดาลใจจากความฝันเล็กๆ สู่รากกาแฟห้วยตองก๊อที่เติบโตอย่างแข็งแรง

เรื่องและภาพ: สุทธิกานต์ วงศ์ไชย ยามบ่ายต้นเดือนพฤศจิกายนที่ลานกว้างของโครงการจริงใจมาร์เก็ต เชียงใหม่ เสียงแจ๊สลอยแผ่วเบาเคล้ากลิ่นกาแฟที่เพิ่งบดใหม่ เทศกาล Jazz Arabica กลับมาอีกครั้งในปี...