เปิดปมศาลไม่ให้ประกัน ‘ทะลุแก๊ส’ เมื่อความรุนแรง-การเมือง เป็นเรื่องเดียวกัน

Date:

เรื่อง: วรัญชัย เจริญโชติ และโยษิตา สินบัว

ภาพปก: แมวส้ม

รายงานชิ้นนี้อยู่ภายใต้โครงการ Journalism that Builds Bridges เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ 23 ม.ค. 2566 ทางเว็บไซต์ ประชาไท

หากได้ยืนสัมผัสลมหนาวที่แยกดินแดงในปลายปี 2565 คงนึกไม่ออกว่าเมื่อหลายเดือนที่ผ่านมา พื้นที่ตรงนี้เคยเป็นสมรภูมิเดือดของกลุ่มเคลื่อนไหวทางการเมืองกลุ่มหนึ่งที่ทุกคนรู้จักในนาม “ทะลุแก๊ส”

ตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2564 มวลชนอิสระก่อตัวขึ้นบริเวณแยกดินแดงและได้รับความสนใจจากสังคมและสื่อมวลชนในระยะแรกเนื่องจากมีรูปแบบการชุมนุมที่ต่างจากการชุมนุมกระแสหลัก และสงบลงในช่วงเดือนพฤศจิกายน 2564 นักวิชาการหลายคนระบุว่า “ทะลุแก๊ส” คือ กลุ่มชนชั้นล่างที่ประสบปัญหาทางเศรษฐกิจโดยตรง และต้องการการแก้ไขจากรัฐบาลอย่างเร่งด่วน 

การชุมนุมบริเวณสามเหลี่ยมดินแดงกลับมาอีกครั้งเมื่อ 11 มิ.ย. 65 หลังกิจกรรม “เดินไล่ตู่” จากอนุสาวรีย์ประชาธิปไตยถึงอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ในช่วงเย็นโดยมีเป้าหมาย คือ เรียกร้องให้ พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ลาออกจากตำแหน่ง เมื่อสิ้นสุดกิจกรรมได้มีมวลชนบางส่วนปักหลักและต้องการเดินทางไปกรมทหารราบที่ 1 ที่ตั้งบ้านพักของประยุทธ์ จากนั้นได้เกิดการปะทะกับเจ้าหน้าที่ตำรวจและมีคนกลุ่มหนึ่งเข้าทุบรถกระบะของตำรวจที่จอดอยู่จากนั้นได้มีไฟลุกขึ้นที่รถคันดังกล่าว ด้านตำรวจก็ได้ยิงกระสุนยางใส่ผู้ชุมนุมบริเวณแยกดินแดงเช่นกัน จากเหตุการณ์นี้ได้มีการชุมนุมต่อเนื่องไปอีกหลายสัปดาห์ มีมวลชนบางส่วนถูกจับกุมจากเหตุการณ์ดังกล่าว และยังถูกคุมขังอยู่ในเรือนจำถึงปัจจุบัน

ระเบิด ฟืนไฟ ไปม็อบ: ปัจจัยที่นำไปสู่การดำเนินคดี

ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชนระบุว่า ตั้งแต่ช่วงเมษายน 2565 ถึงปัจจุบัน มีผู้ถูกคุมขังคดีการเมืองกลุ่มทะลุแก๊สและมวลชนอิสระทั้งหมด 18 คน ถูกปล่อยตัวแล้ว 10 คน อีก 8 คน ยังถูกคุมขังอยู่ในเรือนจำ 3 คน อยู่ในเรือนจำกว่า 200 วัน และถูกพิพากษาลงโทษจำคุก 3 ปี  โดยไม่รอลงอาญา 1 คน

จากการรายงานของศูนย์ทนายฯ พบว่าสามารถจัดหมวดหมู่สาเหตุของการคุมขังมวลชนอิสระและกลุ่มทะลุแก๊สเป็น 4 มูลเหตุหลัก ได้แก่ 

  1. เหตุมีวัตถุระเบิดในครอบครอง 3 ราย ถูกจับกุมจากการถูกค้นรถจักรยานยนต์และมีวัตถุระเบิดในครอบครอง โดยถูกคุมขังอยู่ระหว่างพิจารณาคดี 2 ราย ได้แก่ คทาธร คงเพชร และคดีถึงที่สุดแล้ว 1 ราย คือ ณัฐชนน
  2. เหตุวางเพลิงจากเหตุที่มีรถกระบะตำรวจเกิดเพลิงไหม้ 4 ราย ถูกกล่าวหาว่าวางเพลิงรถยนต์กระบะตำรวจและยังถูกคุมขังในชั้นพิจารณาคดี คือ วัชรพล จตุพล ณัฐพล และพลพล
  3. เหตุคดีปาวัตถุระเบิดหน้าบ้านประยุทธ์ 2 ราย ได้รับการประกันตัวแล้ว 1 ราย คือ ปฏิมา ส่วนพรพจน์ยังถูกคุมขังระหว่างพิจารณาคดี
  4. เหตุจากการเข้าร่วมการชุมนุมบริเวณดินแดงช่วงเดือนมิถุนายน 2565 จำนวน 9 ราย ได้รับการประกันตัวทั้งหมดในปัจจุบัน คือ ศศลักษณ์ พิชัย ใบบุญ สมชาย อัครพล ธีรวิทย์ หนึ่ง วรวุฒิ และธนรัตน์

เมื่อวิเคราะห์สถานะการถูกคุมขังและการพิพากษาคดีพบว่า ผู้ที่ถูกจับกุมจากสาเหตุเดียวกันจะมีสถานะการถูกคุมขังหรือให้ประกันตัวคล้ายกัน แต่เหตุปาวัตถุระเบิดหน้าบ้านประยุทธ์ กลับมีทั้งผู้ถูกคุมขังถึงปัจจุบันและผู้ที่ศาลอนุญาตให้ประกันตัวแล้ว

“ข้อกล่าวหามีอัตราโทษร้ายแรงเกรงว่าจะหลบหนี” เหตุหลักไม่ให้ประกันตัวทะลุแก๊สและมวลชนอิสระ

ข้อมูลจากศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชนระบุว่า เหตุผลหลักที่ศาลเพิกถอนคำร้องประกันตัวสำหรับมวลชนกลุ่มนี้คือการเกรงว่าผู้ต้องหาจะหลบหนี เนื่องจากข้อกล่าวหามีอัตราโทษร้ายแรง บางกรณีมีผู้คัดค้านการให้ประกันตัว บางรายเคยถูกกล่าวหาว่ากระทำผิดในลักษณะเดียวกัน และเหตุผลสุดท้ายคือผู้ต้องหารับสารภาพในชั้นสอบสวนเนื่องจากการจับกุมส่วนใหญ่เป็นการจับกุมแบบกะทันหัน ทำให้มวลชนเหล่านี้ไม่สามารถติดต่อทนายความได้จึงยอมรับข้อกล่าวหาไปก่อน

สำหรับเงื่อนไขหนึ่งที่ได้รับเมื่อประกันตัว คือการที่พวกเขาต้องติดอุปกรณ์ติดตามตัวผู้ต้องหา  หรือ “EM” (Electronic Monitoring Center) เช่นเดียวกับผู้ต้องหาคดีทางการเมืองอื่นๆ

เทียบกรณีอาวุธโด่งดังแต่ประกันง่าย ทำไมม็อบการเมืองถึงประกันยาก?

คนในสังคมอาจมองว่าเพราะเป็นคดีที่เกี่ยวข้องกับความรุนแรงทั้งการพกอาวุธหรือทำลายทรัพย์สิน จึงเป็นเรื่องปกติที่กลุ่มทะลุแก๊สถูกคุมขังในเรือนจำ แต่ความจริงแล้วหากยังไม่มีการพิพากษาจนถึงที่สุด นักกิจกรรมเหล่านี้ควรได้รับการอนุญาตให้ประกันตัวตามหลักการสันนิษฐานว่าบริสุทธิ์ (presumption of innocence) ดังกรณีการพกอาวุธของคนมีชื่อเสียงและได้รับการให้ประกันตัว ดังนี้

8 มี.ค. 2559 ไทยรัฐออนไลน์รายงานว่า “ทวี ไกรคุปต์” อดีต ส.ส. ราชบุรี ใช้อาวุธปืนยิงสุนัขถึงแก่ความตายเนื่องจากถูกสุนัขกัดบริเวณขา เมื่อถามหาเจ้าของแล้วไม่มีคนรับเป็นเจ้าของ ทวีจึงเดินไปที่รถยนต์และนำอาวุธปืนมายิงสุนัขจำนวน 6 นัด ในวันที่ 7 มี.ค. 2559 และทวีเข้าพบพนักงานสอบสวนเพื่อรับทราบข้อกล่าวหาในวัดถัดมา โดยตำรวจแจ้งข้อกล่าวหาทวี 3 ข้อหา คือ ทารุณกรรมสัตว์ตาม พ.ร.บ.ป้องกันการทารุณกรรมสัตว์ มาตรา 20 ข้อหาพกอาวุธปืนไปในเมือง หมู่บ้าน ทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาต และยิงปืนโดยไม่มีเหตุอันควร จากเหตุการณ์ดังกล่าว ทวีไม่ได้ถูกกักขังหรือฝากขังแต่อย่างใด

อีกกรณีเมื่อ 31 ธ.ค. 2560 Workpoint TODAY รายงานเหตุการณ์เจ้าหน้าที่ตำรวจนำหมายศาลขอเข้าตรวจค้นบ้านพักของ “เสก โลโซ” หรือ เสกสรรค์ ศุขพิมาย หลังไม่เดินทางมารับทราบข้อกล่าวหา กรณีที่ศิลปินดังไปก่อเหตุชักปืนยิงขึ้นฟ้า 9 นัด และยิงลงพื้นอีก 1 นัด บริเวณวัดแห่งหนึ่งที่ จ.นครศรีธรรมราช เมื่อ 29 ธ.ค. 2560 ไม่เพียงเท่านั้น ในวันที่เจ้าหน้าที่ตำรวจไปตรวจค้นบ้าน เขายังข่มขู่เจ้าหน้าที่ว่า “ผมมีปืนนะ ใครไขประตูเข้ามา กูยิง” แต่สุดท้ายเสกก็ยอมให้ตำรวจจับกุมตัว โดยผลการตรวจร่างกายพบว่ามีสารเสพติด

ตำรวจแจ้งข้อหาเสก 5 ข้อหา คือ มีอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต พาอาวุธปืนไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุอันสมควรและไม่ได้รับอนุญาตให้มีอาวุธปืนติดตัว ยิงปืนโดยไม่มีเหตุอันควร เสพยาเสพติดให้โทษประเภท 1 และความผิดฐานต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงานในการปฏิบัติตามหน้าที่

หลังควบคุมตัวและสอบปากคำ ตำรวจได้นำตัวเสกไปฝากขังเพื่อส่งตัวไปศาลจังหวัดนครศรีธรรมราช และวันที่ 3 ม.ค. 2561 ศาลนครศรีธรรมราชอนุญาตให้ประกันตัวแม้พนักงานสอบสวนจะคัดค้าน โดยทนายความของเสกได้ยื่นคำร้องและวางหลักทรัพย์จำนวน 150,000 บาท

เมื่อเปรียบเทียบกรณีเสก โลโซ ยิงปืนขึ้นฟ้า และทวี ไกรคุปต์ ยิงสุนัขจนเสียชีวิต กับกรณีคดีของกลุ่มทะลุแก๊สและมวลชนอิสระพบว่า ทั้งสามกรณีมีการแจ้งข้อหาในลักษณะคล้ายกัน คือ มีอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต พาอาวุธปืนไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุอันสมควร และฐานต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงานในการปฏิบัติตามหน้าที่

หากมองบนฐานกฎหมาย ย่อมสามารถตั้งคำถามได้ว่า เหตุใดสองกรณีที่มีความผิดเดียวกันจึงได้รับสิทธิทางกระบวนการยุติธรรมต่างไปจากกลุ่มทะลุแก๊ส  จากการสัมภาษณ์ผู้ต้องหา ทนายความ และนักวิชาการพบว่าทุกคนให้ความเห็นตรงกันว่าเหตุที่สมาชิกทะลุแก๊สไม่ได้รับการประกันตัวมีทั้งสิ้น 2 เหตุผล คือ ศาลเกรงว่าผู้ต้องหาจะกระทำความผิดซ้ำและศาลเกรงว่าผู้ต้องหาจะทำการหลบหนี

ลูกหิน หรือ อัครพล อดีตผู้ต้องขังจากเหตุการเข้าร่วมการชุมนุมดินแดงให้ข้อมูลว่า ช่วงที่ตนถูกกักขังอยู่ในเรือนจำได้มีโอกาสสอบถามเหตุที่ไม่ได้รับการประกันตัวกับเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์และได้คำตอบ คือ ศาลเกรงว่าหากมีการปล่อยตัวลูกหินและสมาชิกทะลุแก๊สคนอื่น ๆ อาจนำไปสู่การกระทำผิดซ้ำได้

สอดคล้องกับที่ กิตติศักดิ์ กองทอง ทนายความประจำศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชนที่ระบุว่าศาลตีความคดีของกลุ่มทะลุแก๊สเป็นคดีความรุนแรงที่มีวัตถุระเบิดครอบครอง จึงวินิจฉัยว่ามีโอกาสที่จำเลยจะกลับมากระทำผิดซ้ำอีก แม้วัตถุระเบิดในคดีนี้จะเป็นพลุและประทัด ไม่ใช่วัตถุระเบิดทางการทหารก็ตาม นอกจากนั้น การใช้คำว่า ‘ครอบครองวัตถุระเบิด’ ทำให้สังคมมองว่าการชุมนุมของกลุ่มทะลุแก๊สมีความรุนแรงมากกว่าการเรียกร้องเสรีภาพทางการเมือง

เมื่อเปรียบเทียบกรณีเสกและทวีที่ได้รับสิทธิในการประกันตัวแต่กลุ่มทะลุแก๊สไม่ได้รับสิทธินั้น กิตติศักดิ์มองว่าคดีที่นำมาเปรียบเทียบเป็นคดีส่วนบุคคลมากกว่า ทั้งเสกและทวีเป็นบุคคลที่มีชื่อเสียงอยู่แล้วทำให้มีความน่าเชื่อถือมากกว่าสมาชิกทะลุแก๊สที่เป็นบุคคลทั่วไป

พัชร์ นิยมศิลป อาจารย์ประจำคณะนิติศาสตร์ จุฬาฯ และผู้เชี่ยวชาญกฎหมายการชุมนุมสาธารณะ มองว่าศาลอาจคิดว่าผู้ต้องหาจะกลับไปสร้างความไม่สงบและความวุ่นวายในที่ชุมนุมสาธารณะได้เนื่องจากมีวัตถุระเบิดไว้ครอบครอง แม้แต่ผู้ที่ได้รับการประกันตัวยังต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขที่ห้ามเข้าร่วมการชุมนุมประท้วงที่ไม่สงบ 

คดีรุนแรง-คดีการเมือง เรื่องเดียวกันหรือไม่?

กิตติศักดิ์ให้ความเห็นว่า หากพิจารณาจากข้อกล่าวหาที่นักกิจกรรมกลุ่มนี้ถูกดำเนินคดี เช่น การพาอาวุธหรือวัตถุระเบิดเข้ามาในพื้นที่เมือง ชุมชนสาธารณะ หรือการทำลายทรัพย์สินทางราชการ คดีของกลุ่มทะลุแก๊สที่เกิดขึ้นบริเวณดินแดงอาจเรียกว่าเป็นคดีความรุนแรงได้ แต่ไม่ใช่คดีความรุนแรงทั่วไปเพราะเป็นคดีความรุนแรงที่มีการเมืองผสมอยู่ด้วย แม้ทะลุแก๊สจะเป็นกลุ่มที่ออกมาชุมนุมประท้วงรัฐบาลแต่ต้องยอมรับว่าเจ้าหน้าที่รัฐไม่ได้มองกลุ่มการเคลื่อนไหวนี้เป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มเยาวชนปลดแอกหรือราษฎรเนื่องจากเป็นการชุมนุมนอกกรอบสันติวิธี

ผศ.กนกรัตน์ เลิศชูสกุล อาจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์ จุฬาฯ นักวิชาการด้านสังคมวิทยาการเมือง  เคยถอดบทเรียนการเคลื่อนไหวของกลุ่มทะลุแก๊สว่า การชุมนุมรูปแบบนี้มีให้เห็นบ่อยครั้งในโลกตะวันตกเปรียบเหมือนการระเบิดขึ้นของปัญหาที่ถูกสะสมไว้และถูกมองข้ามของคนชายขอบทั้งกลุ่มแรงงาน ชาติพันธุ์ หรือคนผิวดำ คล้ายกับการชุมนุมบริเวณดินแดงซึ่งผู้เข้าร่วมส่วนใหญ่เป็นเยาวชนจากชั้นรากหญ้า ต่างจากม็อบของกลุ่มเยาวชนปลดแอกหรือราษฎรที่มีแกนนำเป็นชนชั้นกลางของสังคม ความสนใจหรือความน่าเชื่อถือที่คนในสังคมมีให้กับม็อบของแต่ละกลุ่มจึงต่างกันมากแม้มีอุดมการณ์เดียวกัน คนส่วนใหญ่ก็มองว่าทะลุแก๊สเป็นกลุ่มคนหัวรุนแรงและคิดว่าคดีของกลุ่มทะลุแก๊สเป็นคดีความรุนแรงมากกว่าคดีการเมือง

กนกรัตน์เสริมว่าข้อเท็จจริง คือ กลุ่มทะลุแก๊สเป็นกลุ่มเคลื่อนไหวทางการเมืองที่ออกมาชุมนุมประท้วงต่อต้านรัฐบาล ดังนั้น การดำเนินคดีดังกล่าวจึงไม่ได้เป็นเพียงคดีความรุนแรงทั่วไป แต่มีเรื่องผลประโยชน์ทางการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้องทำให้อาจเกิดการตีความของศาลที่กว้างกว่าเดิมได้

ตกงาน – การใช้ชีวิตที่เปลี่ยนไปจากเงื่อนไขการประกันตัวและการใส่ EM

อัครพลถูกคุมขังเป็นเวลา 105 วัน ร่วมกับผู้ต้องขังในคดีเดียวกันอีก 7 คน เล่าว่าพวกเขายังต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขการประกันตัวของศาล เช่น ห้ามเข้าร่วมชุมนุมที่อาจเกิดความรุนแรง ทำให้ตนเองไม่ได้เข้าร่วมการชุมนุมบ่อยเท่าเมื่อก่อน ตอนนี้ลดบทบาทเป็นผู้สนับสนุนหรือช่วยเหลือกิจกรรมต่าง ๆ เท่าที่ทำได้โดยไม่ผิดเงื่อนไขศาล

การใส่ EM นั้นส่งผลกระทบทั้งด้านความรู้สึกและการใช้ชีวิตประจำวัน เขารู้สึกว่า EM เป็นสิ่งแปลกปลอมบนร่างกาย และไม่สบายใจเมื่อต้องใส่กางเกงขาสั้นทั้งๆ ที่ปกติแล้วชอบใส่กางเกงขาสั้นมากๆ นอกจากนั้น เงื่อนไขการจำกัดเวลาห้ามออกจากที่พักอาศัยในเวลาที่กำหนดทำให้หางานประจำยากขึ้น ทุกวันนี้จึงทำได้เพียงรับจ้างรายวันแทน

‘คนเท่ากัน’ เท่าเทียมกันต่อหน้ากฎหมาย

ผู้ให้สัมภาษณ์แต่ละคนล้วนมีประสบการณ์เกี่ยวกับการดำเนินคดีกับผู้ชุมนุมทางการเมืองที่ต่างกัน แต่ละคนมองเห็นถึงปัญหาและมีข้อเสนอแนะต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ดังนี้

กนกรัตน์ระบุว่า ผู้ต้องหาส่วนใหญ่จากคดีชุมนุมบริเวณดินแดงส่วนใหญ่เป็นเด็กยากจน เมื่อโดนจับมักถูกยึดอุปกรณ์โทรศัพท์หรือยานพาหนะซึ่งเป็นอุปกรณ์หลักที่ใช้ในการหารายได้ไปด้วย เช่น การเป็นไรเดอร์ แม้ได้รับการปล่อยตัวแต่การถูกกำกับดูแลโดยสถานพินิจในเยาวชนหรือการติด EM ที่ข้อเท้า ทำให้หลายคนรู้สึกไม่มีความเป็นส่วนตัวเพราะเหมือนถูกรัฐจับตามองตลอดเวลา นอกจากนั้น อาจารย์จากรั้วจุฬาฯ ยังมองว่าสถานภาพทางสังคมและครอบครัว เช่น การไม่มีผู้ปกครอง ก็มีผลต่อการพิจารณาให้ประกันตัวของศาลด้วย เพราะศาลมองว่าไม่มีคนกำกับดูแล หากปล่อยตัวไปก็มีโอกาสกลับมากระทำผิดซ้ำได้

กนกรัตน์เชื่อว่ารัฐต้องรู้จักปรับตัวและทำความเข้าใจกับการเคลื่อนไหวของกลุ่มทะลุแก๊ส พร้อมแก้ปัญหาทางโครงสร้าง เพราะหากไม่ปรับต้องเจอการชุมนุมแบบนี้ไปเรื่อยๆ

อัครพลมองว่า กระบวนการยุติธรรมมันไม่มีความยุติธรรมตั้งแต่แรก หากนักกิจกรรมหรือใครก็ตามที่ถูกดำเนินคดีจากการเข้าร่วมการชุมนุมนั้น อยากให้ใช้ชีวิตปกติไม่ต้องกังวลหรือทำอะไรเลย คิดซะว่าเป็นความต้องการของภาครัฐที่ต้องการให้คนเหล่านี้ไปนอนคุก

ด้านพัชร์ให้ความเห็นว่า การชุมนุมที่มีการใช้อาวุธหรือความรุนแรงรัฐจะมองว่าผิดทันทีและอาจมีผู้ไม่เกี่ยวข้องอย่างประชาชนทั่วไปได้รับบาดเจ็บจากการชุมนุม ที่สำคัญคือเจ้าหน้าที่ตำรวจควรใช้กำลังเท่าที่จำเป็น ส่วนที่ศาลกล่าวว่า ‘ไม่มีเหตุให้เปลี่ยนแปลงคำสั่งเดิม’ เปรียบเหมือนการไม่ให้เหตุผล และทำให้ทนายยื่นอุทธรณ์ในศาลชั้นถัดไปยากกว่าเดิมเนื่องจากไม่รู้ว่าต้องแก้ไขเพิ่มเติมคำร้องที่ตนเขียนต่อศาลอย่างไร

สอดคล้องกับที่กิตติศักดิ์ระบุว่าตอนนี้มีกลุ่มทะลุแก๊สที่ถูกขังอยู่ในเรือนจำเกือบปีแล้ว แม้จำเลยยอมรับทุกเงื่อนไขที่ศาลกำหนดแต่ทุกครั้งที่ยื่นคำร้องขอประกันตัวศาลก็ตอบกลับเพียงไม่มีเหตุให้เปลี่ยนแปลงคำสั่งเดิม และการที่กลุ่มทะลุแก๊สไม่ได้รับการประกันตัวทำให้โอกาสหรือความเป็นส่วนตัวที่ทนายจะพูดคุยกับลูกความหรือหาหลักฐานเพิ่มเติมยากขึ้น โดยเฉพาะการขอหลักฐานอย่างกล้องวงจรปิดซึ่งส่วนใหญ่อยู่ในสถานที่ของรัฐ

“ศาลต้องปฏิบัติกับผู้ต้องหาคดีทางการเมืองให้เท่าเทียมกับคดีอื่น ๆ และผู้ต้องหาต้องได้รับสิทธิการประกันตัว” กิตติศักดิ์กล่าว


หมายเหตุ
ผลงานชิ้นนี้อยู่ในโครงการ Journalism that Builds Bridges (JBB) สนับสนุนโดย สถานทูตเนเธอร์แลนด์ สถานทูตฟินแลนด์ สถานทูตนิวซีแลนด์ UNDP และ UNESCO

มาตรการลงทะเบียนซิมด้วย Liveness Detection ถูกตั้งคำถาม กระทบคนไร้สัญชาติ–แรงงานข้ามชาติ ‘ตี่ตาง’ ชี้จำกัดสิทธิสื่อสาร แก้ปัญหาไม่ตรงจุด

จากกรณีที่ สำนักงานคณะกรรมการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ เเละกิจการโทรคมนาคมเเห่งชาติ (กสทช.) ประกาศใช้เทคโนโลยี Liveness Detection เมื่อวันที่...

พ่อหมอกฤตไท ร้องหยุดดองร่าง พ.ร.บ.อากาศสะอาด ด้านสภาลมหายใจ เเถลงไม่ควรเอื้อนายทุน

หลังจากเมื่อวันที่ 21 กันยายน 2568 สภาผู้แทนราษฎรมีมติเห็นชอบร่าง พ.ร.บ.บริหารจัดการเพื่ออากาศสะอาดฯ ในวาระสามด้วยคะแนนเห็นด้วย 309 เสียง...

ให้คะแนนรัฐบาลอนุทิน ‘สอบตกยกแผง’ แก้ปัญหาน้ำกก–สายรวก–โขงปนเปื้อนโลหะหนัก จากเหมืองแร่ในรัฐฉาน

สืบสกุล กิจนุกร นักวิชาการด้านการพัฒนาระหว่างประเทศ มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง ประเมินการทำงานของรัฐบาลไทยในการรับมือปัญหามลพิษข้ามพรมแดนจากเหมืองแร่ในรัฐฉาน ประเทศเมียนมา ระบุว่า ‘สอบตกยกแผง’ พร้อมแจกแจงการประเมินเป็นรายบุคคลต่อผู้นำฝ่ายบริหารสามตำแหน่ง นายกฯ...

Lanner Joy: LOLA Gallery DRIP แรงบันดาลใจจากความฝันเล็กๆ สู่รากกาแฟห้วยตองก๊อที่เติบโตอย่างแข็งแรง

เรื่องและภาพ: สุทธิกานต์ วงศ์ไชย ยามบ่ายต้นเดือนพฤศจิกายนที่ลานกว้างของโครงการจริงใจมาร์เก็ต เชียงใหม่ เสียงแจ๊สลอยแผ่วเบาเคล้ากลิ่นกาแฟที่เพิ่งบดใหม่ เทศกาล Jazz Arabica กลับมาอีกครั้งในปี...