เมื่อวันที่ 12 กรกฎาคม 2566 ปุณณเมธ อ้นอารี อดีตผู้สมัครแบบบัญชีรายชื่ออันดับที่ 79 พรรคก้าวไกล และแกนนำคณะราษฎรภาคเหนือตอนล่าง ได้ทำการเปิดโพลสอบถามนักเรียนจากโรงเรียนแห่งหนึ่งในจังหวัดพิษณุโลก โดยถือป้ายเขียนข้อความว่า “อยากให้ ส.ว.โหวต แบบไหน” พร้อมแจกสติกเกอร์ให้นักเรียนได้ร่วมแสดงความคิดเห็นโดยแปะในช่องที่แบ่งออกเป็นสองช่องคือ เอกสิทธิ์ส่วนบุคคล และมติเสียงข้างมากของประชาชน ปรากฏว่านักเรียนต่างติดสติกเกอร์ในช่องมติเสียงข้างมากของประชาชนเป็นส่วนใหญ่
นอกจากนี้ ปุณณเมธ ยังได้เผยแพร่แถลงการณ์ลงบนเฟสบุ๊คส่วนตัว เพื่อเรียกร้องให้ส.ว.ทำตามหน้าที่ตัวแทนของประชาชน ด้วยการลงคะแนนโหวตผู้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีตามเสียงข้างมากในการเลือกตั้งครั้งล่าสุด
ปุณณเมธ ชี้ว่ากระบวนทางการเมืองที่มีส.ว. ซึ่งไม่ได้ถูกเลือกเข้ามาปฏิบัติหน้าที่โดยประชาชนเข้ามามีส่วนสำคัญ เป็นสิ่งที่ตอกย้ำความล้าหลังในสังคม อีกทั้งยังขัดกับหลักการที่ว่าเสียงของทุกคนมีค่าเท่ากันด้วย
“เนื่องจากรัฐธรรมนูญ ฉบับปัจจุบัน 2560 ในบทเฉพาะกาล ม.272 ให้อำนาจ ส.ว. ใน การโหวตนายกรัฐมนตรี ในระยะเวลา 5 ปีแรกนับแต่วันที่มีรัฐสภาชุดแรกตามรัฐธรรมนูญฉบับ นี้ บุคคลใดได้เป็นนายกรัฐมนตรีต้องมีคะแนนเสียงมากกว่ากึ่งหนึ่งของจำนวนสมาชิกทั้งหมด เท่าที่มีอยู่ของทั้งสองสภา กล่าวได้ว่า สมาชิกรัฐสภาทั้งหมด 750 คน ประกอบไปด้วย ส.ส. ที่มาจากการเลือกตั้ง 500 คน และ ส.ว. ที่มาจากการแต่งตั้งของ คสช. 250 คน และในการ โหวตนายกรัฐมนตรีจึงต้องมีเสียงถึง 376 เสียงของสมาชิกรัฐสภาทั้งหมด
การเลือกตั้งเมื่อวันที่ 14 พ.ค. ที่ผ่านมา ได้มีการจัดตั้งรัฐบาลของ 8 พรรคร่วม ได้แก่ พรรคก้าวไกล พรรคเพื่อไทย พรรคประชาชาติ พรรคไทยสร้างไทย พรรคเสรีรวมไทย พรรคเป็น ธรรม พรรคเพื่อไทเป็นธรรม และพรรคพลังสังคมใหม่ รวมเสียงได้ถึง 312 เสียง ซึ่งมีเสถียรภาพ มากต่อการเป็นรัฐบาล แต่กลไกของรัฐธรรมนูญฉบับนี้ก็ไม่สามารถที่จะจัดตั้งรัฐบาลได้สำเร็จ ซึ่งหลักสากลของนานาอารยประเทศที่ปกครองในระบอบประชาธิปไตย ก็สามารถที่จะมีรัฐบาล มาบริหารประเทศเพื่อประโยชน์ของประชาชนผู้ทรงอำนาจในการปกครองได้แล้ว แต่ต้องรอฟัง เสียงโหวต ส.ว. ที่มาจากการแต่งตั้ง 250 คนด้วย เพื่อให้เสียงเกิน 375 เสียง
สิ่งเหล่านี้ ยิ่งตอกย้ำความล่าหลังของสังคมไทย และไม่ยอมรับเสียงข้างมากของ ประชาชน ส.ว. จึงกลับกลายเป็นผู้มีเสียงมากกว่าประชาชน ซึ่งขัดกับหลักการ คนเท่ากับ คน 1 สิทธิ 1 เสียง การจัดกิจกรรมในครั้งนี้ จึงต้องการส่งเสียงไปยัง ส.ว. ทุกท่าน แม้ท่านจะไม่ชอบ พรรคการเมืองใดการเมืองหนึ่งใน 8 พรรคร่วมรัฐบาล โดยเฉพาะพรรคก้าวไกล แต่ท่านต้อง ยอมรับฟังเสียงของประชาชนที่ผ่านการเลือกตั้งในครั้งที่ผ่านมา ว่าต้องการประเทศไปใน ทิศทางไหน อย่าใช้ทัศนคติส่วนตัวมาตัดสิน เพราะทัศนคตินั้นท่านได้ใช้ไปแล้วเมื่อ วันที่ 14 พ.ศ. เช่นกัน 13 ก.ค. ที่จะถึงนี้ ท่านจงโหวตตามมติเสียงข้างมากของประชาชน เพื่อให้กลไก ประชาธิปไตยได้ทำงาน และขอเชิญชวนประชาชนทุกท่านร่วมกันจับตาการโหวต นายกรัฐมนตรี วันที่ 13 ก.ค. นี้ด้วยเช่นกัน ขอบคุณครับ
ปุณณเมธ อ้นอารี เครือข่ายนักกิจกรรมทางการเมือง”

ทีมข่าวที่ประกอบไปด้วยผู้คนหลากหลาย บ้างก็มาจากทะเล บ้างก็มาจากภูเขา แต่สุดท้ายก็ลงเอยที่ภาคเหนืออยู่ที่ Lanner นี่แหละ...