เมษายน 19, 2024

    โทษประหารชีวิตในปี 2565: การประหารชีวิตเพิ่มขึ้นสูงสุดในรอบห้าปี

    Share

    • เป็นปีที่มีการประหารชีวิตตามคำสั่งศาลสูงสุดทั่วโลกนับตั้งแต่ปี 2560
    • เพียงวันเดียวมีการประหารชีวิตบุคคลถึง 81 คนในซาอุดีอาระเบีย
    • มีข้อมูลว่า 20 ประเทศได้ทำการประหารชีวิต
    • 6 ประเทศยกเลิกโทษประหารชีวิตในทุกกรณีหรือบางกรณีในปี 2565

    วันอังคาร ที่ 16 พฤษภาคม 2566 แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนลแถลง “รายงานสถานการณ์โทษประหารชีวิตและการประหารชีวิตในปี 2565”  พบว่า เป็นปีที่มีการประหารชีวิตสูงสุดในรอบห้าปี โดยตะวันออกกลางและแอฟริกาเหนือเป็นภูมิภาคที่มีการประหารชีวิตบุคคลมากที่สุด

    แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นเนล ได้บันทึกการประหารชีวิตในปี 2565 พบว่า มีจำนวนสูงสุดในรอบห้าปี โดยมีข้อมูลการประหารชีวิตบุคคลอย่างน้อย 883 คนใน 20 ประเทศ เพิ่มขึ้น 53% เมื่อเทียบกับปี 2564 จำนวนการประหารชีวิตที่เพิ่มสูงมากเช่นนี้ ยังไม่รวมการประหารชีวิตอีกหลายพันครั้ง ซึ่งเชื่อว่าเกิดขึ้นในประเทศจีนโดยการประหารชีวิตส่วนใหญ่เกิดขึ้นในประเทศต่างๆ ในตะวันออกกลางและแอฟริกาเหนือ ซึ่งมีจำนวนเพิ่มจาก 520 ครั้งในปี 2564 เป็น 825 ครั้งในปี 2565

    จนถึงสิ้นปี 2565 มี112 ประเทศยกเลิกโทษประหารชีวิตในทุกกรณี มี 9 ประเทศยกเลิกโทษประหารชีวิตสำหรับความผิดอาญาทั่วไปเท่านั้น ­มี 23 ประเทศยกเลิกโทษประหารชีวิตในทางปฏิบัติ รวมมี 144 ประเทศที่ยกเลิกโทษประหารชีวิตทั้งในทางกฎหมายและในทางปฏิบัติแล้ว ส่วนประเทศที่ยังคงบทลงโทษประหารชีวิตไว้มี 55 ประเทศ

    ภาพ : แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล
    ภาพ : แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล

    สำหรับประชาคมอาเซียนซึ่งประกอบด้วย 10 ประเทศนั้น กัมพูชาและฟิลิปปินส์ ยกเลิกโทษประหารชีวิตสำหรับความผิดทางอาญาทุกประเภท ส่วนลาวและบรูไน ได้ยกเลิกโทษประหารชีวิตในทางปฏิบัติ คือยังคงโทษประหารชีวิตอยู่ตามกฎหมายสำหรับอาชญากรรมทั่วไป แต่ได้มีการระงับการประหารชีวิตในช่วง 10 ปีที่ผ่านมาหรือมากกว่านั้น ส่วนประเทศไทย เมียนมา อินโดนีเซีย มาเลเซีย สิงคโปร์และเวียดนาม ยังคงเป็นหนึ่งในจำนวน 55 ประเทศที่มีและใช้โทษประหารชีวิตอยู่

    แอกเนส คาลามาร์ด เลขาธิการสากลของแอมเนสตี้ เผยว่า ประเทศต่างๆ ในภูมิภาคตะวันออกกลางและแอฟริกาเหนือ ละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศ เพราะเร่งประหารชีวิตบุคคลในปี 2565 ซึ่งเผยให้เห็นความเพิกเฉยอย่างเลือดเย็นต่อชีวิตมนุษย์ จำนวนผู้ที่ถูกประหารชีวิตเพิ่มขึ้นอย่างมากตลอดทั่วทั้งภูมิภาค ซาอุดีอาระเบียประหารชีวิตบุคคลมากถึง 81 คนภายในวันเดียว เมื่อเร็วๆ นี้ อิหร่านได้ประหารชีวิตประชาชนเพียงเพราะใช้สิทธิในเสรีภาพการชุมนุมประท้วง ซึ่งเป็นความพยายามของทางการที่จะยุติการลุกฮือของประชาชน

    เป็นที่น่าเศร้าใจว่า การประหารชีวิตทั่วโลกโลก 90% นอกประเทศจีน เกิดขึ้นเฉพาะในสามประเทศในภูมิภาคนี้เท่านั้น การประหารชีวิตในอิหร่านเพิ่มจำนวนขึ้นอย่างมาก จาก 314 ครั้งในปี 2564 เป็น 576 ครั้งในปี 2565 ในซาอุดีอาระเบีย ตัวเลขนี้เพิ่มขึ้นถึงสามเท่าจาก 65 ครั้งในปี 2564 เป็น 196 ครั้งในปี 2565 นับเป็นจำนวนสูงสุดเท่าที่แอมเนสตี้บันทึกได้ในรอบ 30 ปี ในขณะที่อียิปต์ประหารชีวิตบุคคล 24 คน

    การใช้โทษประหารชีวิตยังเป็นข้อมูลที่ถูกเก็บเป็นความลับในหลายประเทศ รวมทั้งประเทศจีน เกาหลีเหนือ และเวียดนาม ซึ่งเป็นประเทศที่ใช้โทษประหารชีวิตอย่างกว้างขวาง ดังนั้นตัวเลขระดับโลกที่แท้จริงมีจำนวนที่สูงกว่านี้มาก ในขณะที่เราไม่ทราบจำนวนผู้ถูกประหารชีวิตที่แท้จริงในประเทศจีน แต่เป็นที่ชัดเจนว่าจีนยังคงเป็นประเทศที่ประหารชีวิตบุคคลมากสุด มากกว่าอิหร่าน ซาอุดีอาระเบีย อียิปต์ และสหรัฐฯ

    ห้าประเทศรื้อฟื้นการประหารชีวิต

    ภาพ : แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล

    ได้มีการรื้อฟื้นการประหารชีวิตใน 5 ประเทศในปี 2565 ได้แก่ อัฟกานิสถานคูเวต เมียนมา ปาเลสไตน์ (รัฐ) และสิงคโปร์ ทั้งยังมีข้อมูลการประหารชีวิตที่เพิ่มขึ้นในอิหร่าน (จาก 314 ครั้งเป็น 576 ครั้ง) ซาอุดีอาระเบีย (จาก 65 ครั้งเป็น 196 ครั้ง) และสหรัฐฯ (จาก 11 ครั้งเป็น 18 ครั้ง)

    การประหารชีวิตในความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดเพิ่มขึ้นกว่าสองเท่าในปี 2565 เมื่อเปรียบเทียบกับปี 2564 การประหารชีวิตในความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดเป็นการละเมิดกฎหมายสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศ ซึ่งระบุว่า การประหารชีวิตอาจกระทำได้ในความผิดที่เป็น “อาชญากรรมที่ร้ายแรง” เท่านั้น รวมถึงความผิดเกี่ยวกับการฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา มีข้อมูลการประหารชีวิตที่เกิดขึ้นในจีน ซาอุดีอาระเบีย (57 ครั้ง) อิหร่าน (255 ครั้ง) และสิงคโปร์ (11 ครั้ง) โดยคิดเป็นสัดส่วน 37% ของจำนวนการประหารชีวิตทั้งหมดที่บันทึกข้อมูลได้ และยังมีการประหารชีวิตในความผิดด้านยาเสพติดที่เกิดขึ้นในเวียดนาม แต่ตัวเลขดังกล่าวยังเป็นความลับทางราชการ

    “นับเป็นความพลิกผันที่โหดร้าย เกือบ 40% ของการประหารชีวิตเกิดขึ้นในความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด ซึ่งส่วนใหญ่แล้วนักโทษเหล่านี้มักมาจากผู้ด้อยโอกาส และมักเป็นผู้ได้รับผลกระทบอย่างมากจากการลงโทษที่โหดร้าย”

    “ถึงเวลาที่รัฐบาลประเทศต่างๆ และองค์การสหประชาชาติ ต้องเพิ่มแรงกดดันให้กับผู้มีส่วนรับผิดชอบต่อการละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างร้ายแรงเช่นนี้ และประกันให้มีมาตรการคุ้มครองสิทธิในระดับสากล”  แอกเนสกล่าว

    แม้ว่าจำนวนการประหารชีวิตจะเพิ่มขึ้น แต่จำนวนการใช้โทษประหารชีวิตยังอยู่ในระดับใกล้เคียงกับของเดิม โดยลดลงอย่างน้อยจาก 2,052 ครั้งในปี 2564 เป็น 2,016 ครั้งในปี 2565

    แสงสว่างที่ปลายอุโมงค์

    ในบริบทเช่นนี้ ยังคงมีแสงสว่างบ้างเล็กน้อยใน 6 ประเทศซึ่งยกเลิกโทษประหารชีวิตในทุกกรณีหรือบางกรณี

    คาซัคสถาน ปาปัวนิวกินี เซียร์ราลีโอน และสาธารณรัฐแอฟริกากลาง ได้ยกเลิกโทษประหารชีวิตสำหรับความผิดอาญาทุกประเภท ส่วนอิเควทอเรียลกินีและแซมเบีย ยกเลิกโทษประหารชีวิตสำหรับความผิดอาญาทั่วไปเท่านั้น

    จนถึงสิ้นปี 2565 มี 112 ประเทศยกเลิกโทษประหารชีวิตสำหรับความผิดอาญาทุกประเภท และมี 9 ประเทศยกเลิกโทษประหารชีวิตสำหรับความผิดอาญาทั่วไปเท่านั้น 

    แนวโน้มเชิงบวกยังคงมีอย่างต่อเนื่อง โดยไลบีเรียและกานาได้ดำเนินการด้านนิติบัญญัติเพื่อมุ่งสู่การยกเลิกโทษประหารชีวิต ในขณะที่ทางการศรีลังกาและมัลดีฟส์ระบุว่า จะไม่กลับไปใช้โทษประหารชีวิตอีก ด้านมาเลเซียการเสนอร่างกฎหมายเพื่อยกเลิกโทษประหารชีวิตเชิงบังคับที่อยู่ระหว่างการพิจารณาในรัฐสภา

    ในขณะที่หลายประเทศได้ทำให้โทษประหารชีวิตเป็นเพียงภาพในอดีต ถึงเวลาที่ประเทศอื่นๆ จะต้องปฏิบัติตาม การกระทำที่ทารุณของประเทศต่างๆ รวมทั้งอิหร่าน ซาอุดีอาระเบีย จีน เกาหลีเหนือ และเวียดนาม ถือเป็นประเทศกลุ่มน้อยอย่างชัดเจน ประเทศเหล่านี้ควรปรับตัวอย่างเร่งด่วนให้เข้ากับยุคสมัย ที่ให้ความสำคัญกับการคุ้มครองสิทธิมนุษยชน และอำนวยให้เกิดความยุติธรรมแทนที่จะประหารชีวิตประชาชน” แอกเนส คาลามาร์ดกล่าว

    รัฐภาคีสหประชาชาติ 125 แห่ง ซึ่งนับเป็นจำนวนสูงเป็นประวัติการณ์ ที่เรียกร้องให้มีข้อตกลงชั่วคราวเพื่อพักใช้การประหารชีวิต แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนลหวังเป็นอย่างยิ่งว่า การลงโทษที่น่าชิงชังเช่นนี้สามารถและกำลังจะกลายเป็นอดีตไปแล้ว แต่ตัวเลขที่น่าเศร้าในปี 2565 ย้ำเตือนว่า เรายังไม่สามารถพอใจกับผลสำเร็จเท่านี้ และยังคงจะต้องรณรงค์ต่อไป จนกว่าจะมีการยกเลิกโทษประหารชีวิตทั่วโลก”

    มีถึง มีนา 66 ค่ะพี่น้อง:

    • รวม 262 คน แบ่งเป็น ชาย 238 คน และหญิง 24 คน
    • คดียาเสพติด เป็น 163 คน แบ่งเป็น ชาย 142 คน และหญิง 21 คน

    3:37

    http://www.correct.go.th/executed/filepdf/1683876649.pdf

    Related

    สงกรานต์เมียนมาในวันที่ดอกประดู่ไม่บาน

    เรื่อง: Lanner Burmaภาพ: วิศรุต แสนคำ /  ฮวาน (ไม่ใช่ชื่อจริง) /...

    ฝุ่นพิษข้ามแดนในห้วงยามที่ “ทุน” สยายปีก

    เรื่อง: กองบรรณาธิการ การเปลี่ยนเข้าสู่เศรษฐกิจทุนนิยมในนามของเสรีนิยมใหม่ สิ่งสำคัญอย่างหนึ่งคือการทำให้เอกชนเกิดแรงจูงใจเพื่อจะสามารถเข้าสู่การแข่งขันได้อย่างเสรีโดยปราศจากการผูกขาดโดยรัฐ จนเมื่อมีการเปิดให้ทุนสามารถเคลื่อนย้ายได้อย่างเสรี จึงนำไปสู่ปัญหาการย้ายถิ่นฐานของธุรกิจเพื่อหลีกเลี่ยงกฎระเบียบด้านสิ่งแวดล้อม ซึ่งเป็นปัญหาใหญ่ที่ส่งผลกระทบต่อโลกอย่างมหาศาล หนึ่งในปัญหาที่ทวีความรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ คือ “ปัญหาหมอกควัน”...