We Watch แถลงพบปัญหาตั้งแต่กฎหมายยันสถานที่ พร้อมย้ำต้องประกาศผลเลือกตั้งเป็นทางการใน 7 วัน

Date:

วันที่ 16 พฤษภาคม 2566 ที่ผ่านมา We Watch ได้ออกแถลงการณ์ชี้ว่าพบปัญหาการเลือกตั้ง ตั้งแต่หน้าคูหาจนถึงการนับคะแนน โดยในแถลงการณ์มีเนื้อหาดังนี้

การเลือกตั้งในวันที่ 14 พ.ค. 2566 ยังมีข้อกังขาหลายประการ ที่ชี้ให้เห็นทั้งปัญหาและข้อจำกัดในการทำงานของคณะกรรมการการเลือกตั้งและระบบเลือกตั้งของไทยในปัจจุบัน อันมาจากการสังเกตการณ์และการมีส่วนร่วมจากภาคประชาชนที่คอยส่งเรื่องร้องเรียนถึงปัญหาในการจัดการเลือกตั้ง ซึ่งจากหลักฐานอันเป็นที่ประจักษ์

โดยมีจำนวนอาสาสมัครจากทุกช่องทาง จำนวนกว่า 9,000 คน สังเกตการณ์ในหน่วยเลือกตั้งอย่างน้อย 11,622 หน่วย จากจำนวนหน่วยเลือกตั้งทั้งหมด 95,000 หน่วย จำนวน 350 เขตเลือกตั้ง ครอบคลุม 77 จังหวัดทั่วประเทศ โดยอาสาสมัครสังเกตการณ์การเลือกตั้งและอาสาสมัครที่เป็นประชาชนทั่วไป เข้าสังเกตการณ์การเลือกตั้ง ตั้งแต่เปิดหน่วยเลือกตั้งในเวลา 08.00 น. จนกระทั่งปิดหีบเลือกตั้ง ในเวลา 17.00 น. ไปจนถึงขั้นตอนของการนับคะแนน

การเลือกตั้งในวันที่ 14 พ.ค. ที่ผ่านมา เป็นการเลือกตั้งที่มีประชาชนตื่นตัวทางการเมืองสูงมากครั้งหนึ่งนับตั้งแต่ประเทศไทยมีการเลือกตั้งทั่วไปครั้งแรกในปี 2476 ซึ่งในการเลือกตั้งในวันที่ 14 พ.ค. มีประชาชนออกมาใช้สิทธิเป็นสัดส่วนที่สูงที่สุดเป็นอันดับ 2 จากจำนวน 28 ครั้งที่มีการจัดการเลือกตั้งทั่วไปในประเทศไทย และมีจำนวนประชาชนที่ออกมาใช้สิทธิเป็นจำนวน 39,284,752 คน มากที่สุดในประวัติศาสตร์การเมืองไทย ส่วนหนึ่งมาจากการรณรงค์การเลือกตั้งที่เป็นไปอย่างคึกคักตั้งแต่ต้นปี 2566 และเข้มข้นยิ่งขึ้นในระยะเวลา 2 เดือนก่อนวันเลือกตั้งทั่วไป ผ่านหลากหลายช่องทาง อาทิ สื่อออนไลน์ การปราศรัยขนาดใหญ่และขนาดย่อม การหาเสียงแบบเคาะประตูบ้าน การจัดดีเบตผ่านสื่อสาธารณะช่องต่าง ๆ 

สัญญาณของการตื่นตัวของประชาชน ปรากฏออกมาให้เห็นตั้งแต่การเลือกตั้งล่วงหน้าทั้งนอกเขตเลือกตั้งและในเขตเลือกตั้ง เมื่อวันที่ 7 พฤษภาคม พ.ศ. 2566 ที่ผ่านมา พบว่า ประชาชนออกมาลงทะเบียนใช้สิทธิเลือกตั้งล่วงหน้ากว่า 2.2 ล้านคน ผู้คนทยอยออกมาใช้สิทธิกันตั้งแต่เช้าจรดเย็น แต่ยังพบข้อกังวลถึงขั้นตอนการส่งบัตรเลือกตั้งไปยังเขตเลือกตั้งภูมิลำเนาเพื่อนับคะแนน และมีปัญหาของการที่ผู้ลงทะเบียนใช้สิทธิเลือกตั้งล่วงหน้า-นอกเขต ไม่สามารถใช้สิทธิในวันเลือกตั้ง วันที่ 14 พ.ค. 2566 ได้ ในกรณีที่ลงทะเบียนไว้แล้ว เป็นจำนวน 2 แสนคน

อย่างไรก็ตามในภาพรวมของการเลือกตั้ง กล่าวได้ว่าการเลือกตั้งในวันที่ 14 พ.ค. 2566 ที่ผ่านมา นับเป็นการเลือกตั้งที่ไม่พบความรุนแรงถึงขั้นวิกฤติ  We Watch ไม่พบรายงานความรุนแรงระหว่างการใช้สิทธิ โดยหลายเขตพบว่าประชาชนออกมารอใช้สิทธิตั้งแต่ก่อนเปิดคูหาในเวลา 8.00 น. และมีผู้คนทยอยใช้สิทธิต่อเนื่องไปจนถึงช่วงเวลายุติการลงคะแนนในเวลา 17.00 น. แต่ในระหว่างกระบวนการลงคะแนน มีรายงานสิ่งผิดปกติเข้ามายัง We Watch อย่างต่อเนื่องตลอดเวลา 9 ชั่วโมงของขั้นตอนการลงคะแนน นอกจากนั้นเมื่อถึงเวลาปิดคูหาเลือกตั้ง ประชาชนและอาสาสมัครยังติดตามกระบวนการนับคะแนนตามหน่วยเลือกตั้งต่าง ๆ ในหลายหน่วยเลือกตั้งดำเนินไปด้วยความเรียบร้อย ขณะที่มีอีกหลายหน่วยเลือกตั้งมีประชาชนร้องเรียน โต้แย้งความเห็นกรรมการเลือกตั้งประจำหน่วย (กปน.) ตั้งแต่ขั้นตอนการขานคะแนน การอ่านบัตรเลือกตั้ง ไปจนถึงการตรวจสอบจำนวนบัตรเลือกตั้งที่ถูกใช้กับจำนวนบัตรเลือกตั้งที่แสดงก่อนใช้สิทธิเช่น ปทุมธานี กรุงเทพมหานคร เป็นต้น

ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้น ยืนยันให้เห็นว่าประชาชนไทยให้ความเอาใจใส่ต่อกิจกรรมทางการเมืองครั้งนี้ การเลือกตั้งจึงมิได้มีฐานเป็นเครื่องมือในการแสดงออกทางประชาธิปไตยเท่านั้น แต่คือจุดเดิมพันที่เกี่ยวข้องกับวิถีชีวิตทางการเมืองของทุกคน อย่างไรก็ตามการเลือกตั้งซึ่งเป็นกิจกรรมทางการเมืองที่เกี่ยวข้องกับประชาชนหลายสิบล้านคนยังมีปัญหาอีกจำนวนมาก ซึ่งอาสาสมัครและประชาชนสังเกตการณ์การเลือกตั้งได้พบและรายงานเข้ามา ทำให้ We Watch ประมวลข้อค้นพบที่น่าสนใจและต้องครุ่นคิดถึงแนวทางการแก้ไขปัญหากันต่อไป

ในด้านกระบวนการลงคะแนน แม้ว่ากรรมการประจำนหน่วยเลือกตั้ง (กปน.) จะถือเป็นกำลังหลักในการทำให้การเลือกตั้งครั้งนี้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย ทว่ามีข้อสังเกตและกังวลหลายประการที่จะสามารถยกระดับให้การเลือกตั้งในทุกระดับในอนาคตเพื่อลดข้อบกพร่องต่อการจัดการเลือกตั้งได้มากขึ้น ซึ่งเกิดขึ้นในกระบวนการลงคะแนน อันเป็นขั้นตอนที่อาสาสมัคร We Watch และประชาชนผู้สังเกตการณ์การการเลือกตั้งมีข้อกังวลต่อการจัดการเลือกตั้งเป็นพิเศษ โดยสามารถสรุปเป็นประเด็นสำคัญ ดังนี้

1.ปัญหาประสิทธิภาพในการจัดการหน่วยเลือกตั้ง โดยพบข้อกังวลในหลายกรณี เช่น มีการจัดสถานที่ลงคะแนนไม่เอื้ออำนวยต่อผู้พิการ คนสูงอายุนั่งรถเข็น ฯลฯ บางหน่วยเลือกตั้งพบว่าทางขึ้นคูหาเลือกตั้งเป็นพื้นยกระดับสูง อีกทั้งไม่มีทางลาดที่ใช้สำหรับรถเข็นคนพิการ เหตุการณ์ลักษณะนี้เกิดขึ้นในบางหน่วยจากหลายพื้นที่ อาทิ จ.ชุมพร เลย ขอนแก่น อุตรดิตถ์ อุบลราชธานี ตรัง กรุงเทพ สุราษฎร์ธานี ชลบุรี 

รวมถึงปัญหา การให้ข้อมูลผู้สมัครรับเลือกตั้งผิด หลายหน่วยเลือกตั้งมีป้ายไวนิลแนะนำผู้สมัครที่เขียนผิด หรือเอกสารข้อมูลผู้ลงสมัครเลือกตั้งไม่ครบถ้วน เป็นต้น

นอกจากนั้นยังมีข้อกังวลปัญหาว่าด้วยความเป็นกลาง เช่น กรณีป้ายหาเสียงอยู่ข้างหรือใกล้หน่วยเลือกตั้ง หรือในบางกรณีมีการรายงานว่าพบป้ายหาเสียงติดอยู่ที่กระดานปิดประกาศหน้าหน่วยเลือกตั้ง และระบบการรายงานผลที่ไม่มีประสิทธิภาพ เช่น การรายงานผลที่ล่าช้าและมีจำนวนคลาดเคลื่อนจากที่ประกาศไว้

2.การละเลยหลักการลงคะแนนเป็นความลับ ในหลายพื้นที่พบว่าด้านหลังคูหาไม่มีกระดานทึบหรือกำแพงมาบังด้านหลังคูหา อาจทำให้มีการสอดส่องการลงคะแนนได้ ลักษณะเช่นนี้เกิดในบางหน่วยของ กรุงเทพ จ.สุราษฎร์ธานี อุบลราชธานี ชัยภูมิ ระยอง นครศรีธรรมราช สมุทรปราการ ลพบุรี

นอกจากนี้ยังมีกรณีเจ้าหน้าที่ทำบัตรเลือกตั้งขาด เกิดขึ้นในหน่วยเลือกในเขกรุงเทพฯ แต่บทเรียนที่สำคัญ คือกรณีที่กรรมการประจำหน่วยเลือกตั้งทำบัตรเลือกตั้งฉีกขาดขณะทำการฉีกบัตรให้ผู้มาใช้สิทธิ โดยเจ้าหน้าที่ไม่ได้ให้บัตรใหม่ แต่ใช้วิธีซ่อมโดยใช้เทปกาวแปะ

3.ข้อผิดพลาดของบัญชีรายชื่อผู้มีสิทธิเลือกตั้ง พบการรายงานในหลายกรณี เช่น

กรณีที่พบรายชื่อบุคคลที่ไม่รู้จักอยู่ในทะเบียนบ้านของตน 

-รายชื่อผู้มีสิทธิเลือกตั้งยังคงอยู่ที่ทะเบียนบ้านเดิม แม้ว่าผู้นั้นย้ายที่อยู่เป็นเวลานานแล้ว 

-พบสิทธิเลือกตั้งปรากฎเป็นคนละเขตกับภูมิลำเนาตามทะเบียนบ้านจริง 

4.ความผิดปกติของเอกสารสำคัญที่ต้องเปิดเผยต่อประชาชน อันได้แก่

1) รายการเกี่ยวกับจำนวนบัตรเลือกตั้งที่ได้รับมาก่อนลงคะแนน (ส.ส.5/5) ซึ่งจะระบุจำนวนบัตรเลือกตั้งทั้งหมดของหน่วยเลือกตั้งนั้น และจำนวนผู้มีสิทธิเลือกตั้ง

2) ประกาศรายการเกี่ยวกับจำนวนบัตรเลือกตั้งหลังการลงคะแนน (ส.ส.5/7) ซึ่งจะระบุจำนวนบัตรเลือกตั้งที่ใช้ไป และจำนวนบัตรเลือกตั้งที่เหลือของหน่วยเลือกตั้งนั้น

ในสองรายการแรก พบว่า มีข้อผิดปกติที่เกิดขึ้นซ้ำกันอย่างมีนัยยะสำคัญ เช่น 

-ไม่ปิดประกาศเอกสารไว้ที่หน้าหน่วยเลือกตั้ง

-ปิดประกาศเอกสารไว้ภายในหน่วยเลือกตั้ง ซึ่งประชาชนไม่สามารถเดินเข้าไปดูได้

-ปิดประกาศโดยไม่ระบุรายละเอียด หรือระบุรายละเอียดผิด

3) รายการเกี่ยวกับผลการนับคะแนนเลือกตั้ง (ส.ส.5/18) ซึ่งระบุคะแนนที่ผู้สมัครแต่ละคนได้รับ คะแนนที่พรรคการเมืองแต่ละพรรคได้รับในหน่วยเลือกตั้งนั้น 

พบว่ามีปัญหาคล้ายคลึงกับ 2 รายการแรก ทั้งการไม่ปิดประกาศ และระบุรายละเอียดผิด โดยมีประเด็นสำคัญที่เพิ่มเติมคือ เอกสาร ส.ส.5/18 นั้น ไม่จำเป็นต้องเก็บกลับไปคืน กกต.เขต จะต้องปิดประกาศทิ้งไว้ที่หน้าหน่วยเลือกตั้งเพื่อให้ประชาชนสามารถมาตรวจสอบผลคะแนนได้ แต่พบว่าในหลายหน่วยเลือกตั้งเจ้าหน้าที่เก็บประกาศนี้ทันทีหลังจากปิดประกาศได้เพียงไม่นาน

5.ข้อกังวลต่อความเข้าใจในการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ กปน. โดยมีการรายงานในหลายกรณี สามารถแบ่งออกช่วงเวลาการลงคะแนน ดังนี้ 

ช่วงลงคะแนนเลือกตั้ง พบรายงานว่า เจ้าหน้าที่บางส่วนมีการให้ข้อมูลที่คลาดเคลื่อน อันกระทบต่อสิทธิของประชาชน เช่น 

-ในบางหน่วยเลือกตั้งเจ้าหน้าที่ไม่ตรวจสอบอัตลักษณ์ของผู้ใช้สิทธิเลือกตั้ง

-ไม่ให้ประชาชนพับบัตรเลือกตั้งก่อนหย่อนบัตรเลือกตั้งลงในหีบบัตรลงคะแนน  

-ห้ามใช้ปากกาที่ประชาชนเตรียมมาเอง  

-ไม่ให้ประชาชนใช้บัตรประชาชนที่มีที่อยู่เก่าและให้กลับไปทำบัตรประชาชนมาใหม่ เป็นต้น

ช่วงการนับคะแนนบัตรเลือกตั้ง พบการรายงานจำนวนมากเกี่ยวกับ 

-การวินิจฉัยบัตรดี-บัตรเสียผิดพลาด การขานคะแนนผิดพลาด รวมถึงการขีดคะแนนผิด 

-ความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนเกี่ยวกับการจัดการเอกสารที่ต้องเปิดเผย ดังที่กล่าวไปแล้วในประเด็นก่อนหน้า 

6.ปัญหาว่าด้วยการมีส่วนร่วมในการสังเกตการณ์การเลือกตั้ง 

ต่อเนื่องจากประเด็นก่อนหน้า พบการรายงานจำนวนมากว่าคณะกรรมการในหลายหน่วยเลือกตั้งไม่เข้าใจหลักการของความโปร่งใสและสิทธิในการสังเกตการณ์กระบวนการเลือกตั้งของประชาชน ส่งผลให้การสังเกตการณ์การเลือกตั้งเต็มไปด้วยอุปสรรค มีตัวอย่างดังต่อไปนี้

-เจ้าหน้าที่ปฏิเสธผู้สังเกตการณ์ที่ไม่ได้มีเอกสารแต่งตั้งจากพรรคการเมือง หรือจาก กกต.

-เจ้าหน้าที่ไม่อนุญาตให้อาสาสมัครถ่ายภาพ เอกสารสำคัญ เช่น รายงานจำนวนบัตรเลือกตั้ง ซึ่งต้องเปิดเผยต่อประชาชน รวมถึงการถ่ายภาพการนับคะแนนบัตรเลือกตั้ง  

-เจ้าหน้าที่ไม่อนุญาตให้อาสาสมัครและประชาชน ถ่ายภาพหรือบันทึกวีดีโอในขณะนับคะแนนบัตรเลือกตั้ง 

และมีข้อเสนอแนะต่อการจัดการหลังการเลือกตั้งในระยะเร่งด่วนนี้ 2 ประการ คือ 

1. กกต. ควรชี้แจงจำนวนบัตรเลือกตั้งล่วงหน้าที่มีการจัดการที่ผิดพลาด

และชี้แจงวิธีการแก้ไขอย่างละเอียด พร้อมแสดงหลักฐานเพื่อสร้างความกระจ่างแก่ประชาชน

2. เพื่อไม่ให้เกิดความเสียหายต่อการบริหารประเทศ และเพื่อสร้างความไว้วางใจต่อประชาชน กกต. ควรเร่งรัดให้เกิดการดำเนินการอย่างมีประสิทธิภาพ ในการตรวจสอบผลการเลือกตั้งในทุกเขตเลือกตั้ง และประกาศผลการเลือกตั้งอย่างเป็นทางการโดยเร็วที่สุด โดยอาจยึดระยะเวลาตามกฎหมายเลือกตั้ง 2554 ซึ่งกำหนดให้ประกาศผลเลือกตั้งภายใน 7 วันหลังการเลือกตั้ง เป็นแนวทางปฏิบัติ ทั้งนี้ให้ครอบคลุมถึงการเปิดเผยผลคะแนนรายหน่วยเลือกตั้งด้วย

พื้นที่สื่อสาร สังคมประชาธิปไตย ชีวิตใหม่ที่ดีกว่า

ทีมข่าวที่ประกอบไปด้วยผู้คนหลากหลาย บ้างก็มาจากทะเล บ้างก็มาจากภูเขา แต่สุดท้ายก็ลงเอยที่ภาคเหนืออยู่ที่ Lanner นี่แหละ...

Lanner Editor
Lanner Editor
ทีมข่าวที่ประกอบไปด้วยผู้คนหลากหลาย บ้างก็มาจากทะเล บ้างก็มาจากภูเขา แต่สุดท้ายก็ลงเอยที่ภาคเหนืออยู่ที่ Lanner นี่แหละ...

ปมดับปริศนา ‘พลทหารราเชน ยวามื่อ’ ในค่ายพิษณุโลก คนใกล้ชิดตั้งข้อสงสัย หลังเกิดเหตุไฟดับ–กล้องเสีย

11 พฤศจิกายน 2568 มูลนิธิผสานวัฒนธรรม (Cross-Cultural Foundation) เปิดเผยว่าได้รับแจ้งเหตุจากเครือข่ายกลุ่มชาติพันธุ์ภาคเหนือ กรณี พลทหารราเชน...

กลุ่มรักษ์เชียงของยื่นฟ้องนายกฯ–กฟผ. ปมเขื่อนปากแบง หวั่นแม่น้ำโขงกลายเป็น ‘อ่างตะกอนพิษ’

12 พฤศจิกายน 2568 กลุ่มรักษ์เชียงของ พร้อมประชาชน นักวิชาการ และทนายความจากมูลนิธิศูนย์ข้อมูลชุมชน ยื่นคำฟ้องต่อศาลปกครองเชียงใหม่ ฟ้องนายกรัฐมนตรี...

ทหารเกณฑ์ดับในค่ายพิษณุโลก มูลนิธิผสานวัฒนธรรมจี้สอบเหตุละเมิดสิทธิ

11 พฤศจิกายน 2568 มูลนิธิผสานวัฒนธรรมเปิดเผยว่า ได้รับแจ้งเหตุจากเครือข่ายกลุ่มชาติพันธุ์ภาคเหนือ กรณี พลทหารเกณฑ์รายหนึ่งเสียชีวิตภายในค่ายทหารแห่งหนึ่งในจังหวัดพิษณุโลก หลังเข้ารับการฝึกเพียงไม่ถึง 10...

เครือข่าย กก สาย รวก โขง ยื่น 5 ข้อ แก้ปัญหาน้ำปนสารพิษ ด้านรัฐบาลยืนยันยุติโครงการฝาย

ภาพ: สมาคมแม่น้ำเพื่อชีวิต 11 พฤศจิกายน 2568 ที่หอประชุมคชสาร องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย กรมทรัพยากรน้ำจัดเวทีประชุมรับฟังความคิดเห็นประชาชน เพื่อทบทวนและกำหนดแนวทางแก้ไขปัญหาคุณภาพน้ำในพื้นที่แม่น้ำกกและแม่น้ำสาย  การประชุมครั้งนี้มีผู้เข้าร่วมกว่า 300...