ศาลกำแพงเพชรกลับคำหลังยกฟ้อง พิพากษา อภิสิทธิ์ พรมฤทธิ์ จำคุก 2 เดือน ปรับ 20,000 บาท รอลงอาญา 1 ปี


เมื่อวันที่ 20 มีนาคม 2566 ศาลจังหวัดกำแพงเพชร นัดฟังคำพิพากษาศาลชั้นต้นใหม่อีกครั้งคดีของ อภิสิทธิ์ พรมฤทธิ์ อดีตผู้สมัครนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดกำแพงเพชร กรณีร่วมกิจกรรมคาร์ม็อบ #กำแพงเพชรจะไม่ทน เดิมคดีนี้ศาลจังหวัดกำแพงเพชรพิพากษายกฟ้องจำเลย แต่เมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา หลังอัยการยื่นคำอุทธรณ์คำพิพากษา ศาลอุทธรณ์ภาค 6 เห็นสมควรในการย้อนสำนวนให้ศาลชั้นต้นพิจารณาใหม่ เนื่องจาก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน มีสภาพบังคับ จึงนัดฟังคำพิพากษาใหม่ ศาลจังหวัดกำแพงเพชรสรุปเห็นว่า อภิสิทธิ์ มีความผิดในข้อหาฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ โทษจำคุก 2 เดือน และปรับ 20,000 บาท รอลงอาญา 1 ปี

ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชนรายงานว่า วันที่ 20 มี.ค. 2566 ที่ศาลจังหวัดกำแพงเพชร มีนัดฟังคำพิพากษาของศาลชั้นต้นใหม่อีกครั้งในคดีของอภิสิทธิ์ พรมฤทธิ์ อดีตผู้สมัคร นายก อบจ. กำแพงเพชร ของคณะก้าวหน้า วัย 45 ปี กรณีร่วมกิจกรรมคาร์ม็อบ #กำแพงเพชรจะไม่ทน เพื่อเรียกร้องให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 1 ส.ค. 2564  ที่ถูกฟ้องในข้อหาฝ่าฝืนข้อกำหนดตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ, ฝ่าฝืนคำสั่งจังหวัดกำแพงเพชร และข้อหาไม่แจ้งการชุมนุมสาธารณะ ตาม พ.ร.บ.การชุมนุมฯ

ในคดีนี้เดิมศาลจังหวัดกำแพงเพชรมีคำพิพากษายกฟ้องจำเลย แต่หลังอัยการยื่นอุทธรณ์คำพิพากษา เมื่อวันที่ 14 ก.พ. 2566  ศาลอุทธรณ์ภาค 6 เห็นสมควรย้อนสำนวนให้ศาลชั้นต้นพิจารณาใหม่ เนื่องจากเห็นว่าข้อกำหนดตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ นั้นมีสภาพบังคับ แต่ศาลชั้นต้นไม่ได้วินิจฉัยว่าจำเลยมีความผิดฐานเป็นผู้จัดกิจกรรมที่มีการรวมกลุ่มกันเกินกว่า 100 คนหรือไม่ ศาลจังหวัดกำแพงเพชรจึงนัดฟังคำพิพากษาใหม่

เวลาประมาณ 10.00 น. อภิสิทธิ์พร้อมด้วยทนายความเดินทางมาศาล ศาลจังหวัดกำแพงเพชรได้อ่านคำพิพากษาใหม่ โดยสรุปเห็นว่า จากข้อเท็จจริงและการนำสืบ จำเลยมีการใช้เฟซบุ๊กส่วนตัวในการประชาสัมพันธ์เชิญชวนประชาชนให้เข้าร่วมกิจกรรม และภายในกิจกรรมดังกล่าวไม่มีการจัดมาตรการตรวจวัดไข้ ไม่มีการเว้นระยะห่าง จึงทำให้เกิดความเสี่ยงต่อการแพร่เชื้อไวรัสโควิด-2019 

จำเลยจึงเข้าข่ายเป็นผู้จัดกิจกรรมที่มีการรวมกลุ่มเกินกว่า 100 คน ขึ้นไป มีความผิดในข้อหาฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ให้ลงโทษจำคุก 3 เดือน ปรับ 30,000 บาท คำให้การของจำเลยเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุให้บรรเทาโทษ 1 ใน 3 คงเหลือ โทษจำคุก 2 เดือน และปรับ 20,000 บาท ทั้งนี้ไม่ปรากฎว่าจำเลยเคยมีประวัติได้รับโทษจำคุกมาก่อน โทษจำคุกให้รอลงอาญาไว้เป็นเวลา 1 ปี

หลังฟังคำพิพากษา อภิสิทธิ์ถูกนำตัวไปควบคุมไว้ยังห้องขังของศาลจังหวัดกำแพงเพชร เพื่อรอการจ่ายค่าปรับตามคำพิพากษาของศาล เป็นเงินจำนวน 20,000 บาท ต่อมาทราบว่าทางกองทุนราษฎรประสงค์ ต้องเตรียมใช้หลักทรัพย์ที่เหลืออยู่ในการวางประกันตัวในคดีทางการเมืองอื่นๆ ในช่วงสองอาทิตย์นี้ อภิสิทธิ์จึงติดต่อญาติให้นำเงินมาจ่ายค่าปรับต่อศาล

จนกระทั่งเวลาประมาณ 14.30 น. หลังจ่ายเงินค่าปรับต่อศาลเสร็จสิ้น อภิสิทธิ์จึงได้รับการปล่อยตัวจากห้องขัง

อภิสิทธิ์ได้ให้ความเห็นว่า เขารู้สึกไม่เห็นด้วยกับคำพิพากษาที่มีการพิพากษาใหม่นี้อย่างมาก เขายืนยันมาโดยตลอดว่าไม่ใช่ผู้จัดกิจกรรมดังกล่าว การเชิญชวนกิจกรรมก็แชร์มาจากเพจเฟซบุ๊กที่มีการประชาสัมพันธ์อยู่ก่อนแล้ว ส่วนในวันเกิดเหตุที่เขาได้พูดผ่านเครื่องเสียงก็เพราะอยากจะแสดงความคิดเห็น ทั้งก็มีคนอื่นๆ นอกจากตนเขา ที่ขึ้นไปพูดคุยโดยใช้เครื่องเสียงเช่นกัน เหตุใดทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงเลือกมาดำเนินคดีแค่เขาเพียงคนเดียว 

ส่วนโทษที่ถูกพิพากษานั้นก็รุนแรงเหลือเกิน ถึงขนาดลงโทษจำคุกกับการที่ประชาชนออกมาเรียกร้องการแก้ไขปัญหาของประเทศเพียงเท่านี้ เรื่องเสี่ยงต่อการแพร่เชื้อเอง ประชาชนก็รับรู้สถานการณ์ตลอด เพจเฟซบุ๊กที่ประชาสัมพันธ์จัดกิจกรรมก็มีความพยายามแจ้งเตือนเรื่องความระมัดระวัง ไม่ให้มีการรวมตัวกัน ให้โดยสารอยู่ในรถของตนเองเพื่อความปลอดภัย และตนก็ได้แชร์โพสต์ข้อความมาเพื่อร่วมกันเตือนเท่านั้น แต่กลับถูกตัดสินโดยไม่รับฟังข้อเท็จจริงของฝ่ายจำเลย โดยเบื้องต้นจะหารือกับทนายความเพื่อพิจารณาการอุทธรณ์คำพิพากษาต่อไป

พื้นที่สื่อสาร สังคมประชาธิปไตย ชีวิตใหม่ที่ดีกว่า

ทีมข่าวที่ประกอบไปด้วยผู้คนหลากหลาย บ้างก็มาจากทะเล บ้างก็มาจากภูเขา แต่สุดท้ายก็ลงเอยที่ภาคเหนืออยู่ที่ Lanner นี่แหละ...

ข่าวที่เกี่ยวข้อง