ความสัมพันธ์ 125 ปี สยาม-ล้านนา (2442-2567): 125 ปี ก่อน สยาม-ล้านนา (พ.ศ. 2317-2442)

Date:

ตอบบางคำถามที่น่าสนใจ

ก่อนที่เราจะเดินหน้า  มีคำถามบางข้อจากคนสงสัย เช่น หนึ่ง  เหตุใดผู้นำการรื้อฟื้นเวียงเชียงใหม่ในปี พ.ศ. 2339 (ครบรอบวาระ 500 ปีสร้างเมืองเชียงใหม่พญามังรายในปี พ.ศ. 1839) และการนำขบวนกอบกู้ล้านนาโดยเฉพาะเชียงใหม่จากพม่า การระดมสะสมกำลังเตรียมการรื้อฟื้นเมืองเชียงใหม่ซึ่งใช้เวลาราว 20 ปี (พ.ศ. 2319-2339) เวียงป่าซาง ก่อนการกลับรื้อฟื้นเวียงเชียงใหม่ในปี 2339 จึงเป็นฝีมือการนำของพญากาวิละ ซึ่งเป็นคนลำปาง แต่เหตุใดจึงไม่มีผู้นำคนเชียงใหม่มาดำเนินการนี้

คำตอบคือ มีผู้นำชาวเชียงใหม่คือ พญาจ่าบ้าน (ต่อมาได้รับตำแหน่งเป็นพระญาวชิรปราการเอกสารระบุว่า ทั้งวชิรปราการและกาวิละร่วมมือกันสู้กับพม่าแล้วไปขอกำลังเจ้าตากมาร่วมสู้ด้วย ครั้นขับไล่พม่าออกไปได้ พระเจ้าตากสินได้แต่งตั้งทั้ง 2 คนนี้เป็นพญากาวิละ และพญาวชิรปราการ ตามลำดับแล้วให้ช่วยกันบริหารและบูรณะเวียงเชียงใหม่ที่ทรุดโทรมอย่างหนักและประชากรถูกกวาดต้อนไปพม่า หรือหลบหนีสงครามไปเมืองอื่น ๆ จนแทบกลายเป็นเมืองร้าง

เจ้าตากกลับไปสถาปนาธุนบุรีเป็นนครหลวงแทนอยุธยาที่เสียหายหนักมาก ทิ้งทหารส่วนหนึ่งช่วยราชการที่เชียงใหม่ ปรากฏว่าทหารหลายคนที่จากบ้านมาไกลได้ฉุดหญิงสาวท้องถิ่นไปหลาย ๆ ครั้ง ผู้คนและครอบครัวเดือดร้อน จนในที่สุดผู้นำล้านนาทั้ง 2 ก็จับกุมทหารพลัดบ้านเหล่านั้นและลงโทษขั้นเฉียบขาด ความทราบถึงกรุงธนบุรี ทราบว่าคนสนิทหลายคนถูกผู้นำที่เชียงใหม่ลงโทษขั้นรุนแรง ก็มีคำสั่งให้ผู้นำทั้ง 2 ลงไปรายงานตัว ผู้นำทั้ง 2 ไม่ไปแม้จะถูกเรียกหลายครั้ง จนในที่สุดก็เดินทางไป ทำให้พระเจ้ากรุงธนบุรีกริ้วมาก จึงสั่งให้ลงโทษด้วยการตัดขอบใบหูตรงของผู้นำล้านนาทั้ง 2 คนในฐานไม่รับฟังคำสั่ง เรียกแล้วทำเป็นไม่ได้ยิน จากนั้นก็ให้กักขังไว้

เอกสารระบุว่าพระญาวชิรปราการเสียชีวิตในคุก ต่อมา พญากาวิละทำหนังสือขอรับผิดและขอแก้ตัวด้วยการอาสานำกองทัพขึ้นเหนือเพื่อไปกวาดต้อนคนไท/ไตในแถบเชียงตุงและสิบสองปันนาลงมาเสริมกำลังของล้านนา เพราะจำนวนไพร่พลในตอนนั้นมีไม่มากนัก  และกองทัพจากสยามก็ไปร่วมภารกิจนั้นด้วย ส่งผลให้มีการกวาดต้อนพี่น้องไท/ไต ลงมาหลายครั้ง  ดังที่เอกสารระบุว่านั่นคือ “ยุคเก็บผักใส่ซ้า เก็บข้าใส่เมือง” ส่งผลให้ล้านนาเป็นดินแดนพหุวัฒนธรรมอย่างมากในเวลาต่อ ๆ มา

อนึ่ง ไม่พบเอกสารใดระบุสาเหตุการตายในคุกของพญาจ่าบ้าน ผู้นำเชียงใหม่คนนี้แข็งกร้าวมาก หรือมีปัญหาสุขภาพจึงจบชีวิตลง หรือมีทีท่าไม่ยอมรับคำสั่งจากระดับใดของสยามยุคนั้น หรือส่งแววจะก่อกบฏ ฯลฯ แต่ที่ชัดเจนคือ พระญากาวิละขอแก้ตัวสร้างผลงานอีกทั้งมีพี่น้องชายรวมกันถึง 7 คน หญิง 3 คนที่เรียกกันต่อมา “เจ้าเจ็ดตน” หรือ “เชื้อเจ็ดตน” ที่ลูกหลานได้เป็นผู้นำของเมืองอื่นๆในล้านนาและใช้ชื่อสกุลนี้ ก็ยิ่งส่งผลให้สกุลผู้นำจากลำปางชุดนี้มีบทบาทสำคัญออกไปอีกนับศตวรรษในล้านนา โดยเฉพาะในเขตเมืองเชียงใหม่-ลำพูน-ลำปาง

ภาพรวมของบทบาทของประเทศล่าอาณานิคมในภูมิภาครอบ ๆ สยาม-ล้านนา

ก่อนที่เราจะขยับเข้าไปถึงสยามและล้านนา เราควรมองภาพของประเทศล่าอาณานิคมที่สำคัญในภูมิภาคนี้พอสังเขปิ กล่าวในภาพรวม  ประเทศในยุโรปตะวันตกซึ่งอยู่ในเขตหนาวมีทรัพยากรที่จำกัดในการยกระดับชีวิตความเป็นอยู่ ด้วยเหตุนี้ เราจะพบว่าประเทศเหล่านี้  ไม่ว่าจะเป็นอังกฤษ  ฝรั่งเศส  ดัช  เยอรมนี  สเปน และโปรตุเกส  ล้วนมองหาแหล่งวัตถุดิบและทรัพยากรธรรมชาติต่างๆที่พวกเขาขาดแคลนและอยากได้  เช่น  ชา  ฝิ่น  กาแฟ  ผ้าชนิดต่าง ๆ  เกลือ  สมุนไพรสารพัดชนิดเพื่อใช้ในการปรุงเป็นยารักษาโรค  ส่งเสริมสุขภาพของร่างกายและอารมณ์ความรู้สึกแต่ละด้าน  รวมทั้งการนำมาประกอบอาหาร  อันมีบทบาทสำคัญต่อการดำรงชีวิตในเขตหนาว

บันทึกการเดินทางของมาร์โค โปโล (Marco Polo, 1254-1324 พ.ศ. 1797-1867)  พ่อค้าและนักเดินทางชาวเวนิส   ที่เล่าเรื่องการเดินทางยุโรปใต้ผ่านเอเชียกลางขึ้นไปถึงจีน ในระหว่างปี ค.ศ. 1271-1295, พ.ศ. 1814-1838) กระทั่งบรรยายถึงเปอร์เซีย, อินเดีย และญี่ปุ่น  และทั้งหมดที่มาร์โค โปโลกล่าวถึงล้วนอุดมสมบูรณ์ด้วยสินค้าและทรัพยากรต่าง ๆ ที่ชาวยุโรปตะวันตกโหยหาทั้งสิ้น และนี่คือปัจจัยที่เร่งเร้าให้ชาวยุโรปบุกออกไปแสวงหาสินทรัพย์เหล่านี้  และแน่นอน  การได้ครอบครองสิ่งเหล่านั้นเพื่อชีวิตที่อุดมสมบูรณ์ต่อ ๆ ไปภายหน้า

ในที่นี่  จะขอพูดถึงบทบาทเฉพาะอังกฤษ  ฝรั่งเศส และสหรัฐอเมริกาที่เข้ามามีในภูมิภาครอบๆสยามในห้วง 200 ปีก่อนที่จะถึงปี พ.ศ. 2442 ซึ่งรวมสยามกับล้านนาเข้าด้วยกัน

กรณีอังกฤษ   ในช่วงปี ค.ศ. 1800-1899 (พ.ศ. 2342-2442) ก็คือคริสต์ศตวรรษที่ 19  ก็คือกลางสมัยรัชกาลที่ 1 (พ.ศ. 2325-2352) จนถึงตอนกลางสมัยรัชกาลที่ 5 (พ.ศ. 2411-2453)  นี่ก็คือจุดสูงสุดของการแสวงหาอาณานิคมออกไปทั่วทุกทวีป  

ค.ศ. 1837-1901 (พ.ศ. 2380-2443) พระราชินีวิคตอเรียครองราชย์ ของอังกฤษ นานถึง 64 ปี อนึ่ง ระบอบการปกครองของอังกฤษในระหว่างนั้น  เป็นระบอบประชาธิปไตย ที่กษัตริย์อยู่ใต้รัฐธรรมนูญ

ค.ศ. 1639 (พ.ศ. 2204) อังกฤษเข้ายึดครองเมืองท่าสำคัญตอนใต้ของอินเดีย คือ เชนใน (มัทราส) เป็นจุดแรก    ค.ศ. 2204 (พ.ศ. 1661)  อังกฤษเข้ายึดเมืองท่าสำคัญจุดที่ 2 คือมุมไบ (บอมเบย์) ฝั่งตะวันตก และเมืองท่าสำคัญจุดที่ 3 คือ กลกะตา (กัลกัตตา) ที่ฝั่งตะวันออกในปี ค.ศ. 2222 (พ.ศ. 1677)  

ภายใต้การนำของบริษัทที่ชื่อ อีสต์ อินเดีย (East India Company -EIC ก่อตั้งในปี ค.ศ. 1600 – 1874)  บริษัทเอกชนของอังกฤษที่มีทหารของตนเอง จำนวนถึง 2.6 แสนคน มีขนาดใหญ่กว่ากองทัพของอังกฤษ ถึง 2 เท่า   นี่คือบริษัทที่มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับรัฐบาลอังกฤษ  ดำเนินนโยบายหลายอย่างร่วมกัน  แต่นโยบายล่าอาณานิคมของอังกฤษ  ใช้บริษัทนี้นำปฏิบัติการสำคัญทั้งหมด

ในปี ค.ศ. 1757 (พ.ศ. 2300) หรือ 10 ปีก่อนกรุงศรีอยุธยาแตกครั้งที่ 2 อังกฤษได้ควบคุมดินแดนรอบอ่าวเบงกอลซึ่งเป็นด้านตะวันออกเฉียงเหนือของอินเดียแถบกัลกัตตาได้หมดแล้ว เท่ากับว่าอังกฤษใกล้ที่จะเข้าไปยึดกุมการนำทั่วทั้งอนุทวีปอินเดีย และแล้วในปี พ.ศ. 2401 การบริหารทั่วอนุทวีปอินเดียก็อยู่ในมือของอังกฤษ.

ธเนศวร์  เจริญเมือง

มาตรการลงทะเบียนซิมด้วย Liveness Detection ถูกตั้งคำถาม กระทบคนไร้สัญชาติ–แรงงานข้ามชาติ ‘ตี่ตาง’ ชี้จำกัดสิทธิสื่อสาร แก้ปัญหาไม่ตรงจุด

จากกรณีที่ สำนักงานคณะกรรมการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ เเละกิจการโทรคมนาคมเเห่งชาติ (กสทช.) ประกาศใช้เทคโนโลยี Liveness Detection เมื่อวันที่...

พ่อหมอกฤตไท ร้องหยุดดองร่าง พ.ร.บ.อากาศสะอาด ด้านสภาลมหายใจ เเถลงไม่ควรเอื้อนายทุน

หลังจากเมื่อวันที่ 21 กันยายน 2568 สภาผู้แทนราษฎรมีมติเห็นชอบร่าง พ.ร.บ.บริหารจัดการเพื่ออากาศสะอาดฯ ในวาระสามด้วยคะแนนเห็นด้วย 309 เสียง...

ให้คะแนนรัฐบาลอนุทิน ‘สอบตกยกแผง’ แก้ปัญหาน้ำกก–สายรวก–โขงปนเปื้อนโลหะหนัก จากเหมืองแร่ในรัฐฉาน

สืบสกุล กิจนุกร นักวิชาการด้านการพัฒนาระหว่างประเทศ มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง ประเมินการทำงานของรัฐบาลไทยในการรับมือปัญหามลพิษข้ามพรมแดนจากเหมืองแร่ในรัฐฉาน ประเทศเมียนมา ระบุว่า ‘สอบตกยกแผง’ พร้อมแจกแจงการประเมินเป็นรายบุคคลต่อผู้นำฝ่ายบริหารสามตำแหน่ง นายกฯ...

Lanner Joy: LOLA Gallery DRIP แรงบันดาลใจจากความฝันเล็กๆ สู่รากกาแฟห้วยตองก๊อที่เติบโตอย่างแข็งแรง

เรื่องและภาพ: สุทธิกานต์ วงศ์ไชย ยามบ่ายต้นเดือนพฤศจิกายนที่ลานกว้างของโครงการจริงใจมาร์เก็ต เชียงใหม่ เสียงแจ๊สลอยแผ่วเบาเคล้ากลิ่นกาแฟที่เพิ่งบดใหม่ เทศกาล Jazz Arabica กลับมาอีกครั้งในปี...