ละลานล้านนา: ย้อนรอยงานฤดูหนาวและสุนทรียภาพแห่งความรื่นเริงยามค่ำคืนในหน้าหนาวของชาวเชียงใหม่

Date:

เรื่อง: ปวีณา หมู่อุบล

เพียงวูบหนึ่งของลมหนาวช่วงเดือนธันวา งานกิจกรรมหรืออีเว้นท์ต่างๆ ก็บานสะพรั่งไปทั่วเชียงใหม่ ชนิดที่ไม่ว่าจะหันไปทางใดก็สามารถพบเจองานกิจกรรมรื่นเริง ทั้งในตอนกลางวันและยามค่ำคืน โดยแต่ละงานก็จะมีรูปแบบและเนื้อหาแตกต่างกันออกไป แต่งานที่ดูเหมือนจะเป็นที่นิยมมากทั้งในหมู่ชาวเชียงใหม่และผู้มาเยือนก็จะคงเป็นงานคราฟท์

‘งานคราฟท์’ ในที่นี้หมายถึงงานแสดงผลงาน (สินค้า) ศิลปะที่ได้ผ่านการออกแบบมาอย่างพิถีพิถัน โดยมักมีแรงบันดาลใจหรือเรื่องราวเป็นฉากหลังการออกแบบ ซึ่งงานคราฟท์นี้อาจจะมีรูปแบบเป็นเสื้อผ้า เฟอร์นิเจอร์ ไอเทมกระจุกกระจิกต่างๆ ตลอดไปจนถึงอาหาร กาแฟ หรือเครื่องดื่มบางประเภท เช่น เบียร์ และโคล่า

ปัจจุบันงานคราฟท์ในหน้าหนาวกลายเป็นภาพจำอย่างหนึ่งของเมืองเชียงใหม่ และอาจถึงขั้นกลายเป็น a must สำหรับนักท่องเที่ยวที่จะต้องมาเยือนเชียงใหม่ในช่วงหน้าหนาว โดยเฉพาะในบริบทที่ความคราฟท์ได้ขยับขยายออกไปอย่างกว้างขวางมีการก่อตั้งพื้นที่ทางกายภาพแบบคราฟท์ๆ ตามย่านต่างๆ ทั่วเมืองเชียงใหม่ ทั้งพื้นที่ถาวรและแบบชั่วคราว หากแต่พื้นที่ที่นิยมกันมาก เห็นจะเป็นพื้นที่งานคราฟท์แบบชั่วคราวในลักษณะอย่างตลาดนัด งานมหกรรม หรืองานเทศกาล ที่จัดขึ้นในระยะเวลาสั้นๆ

แต่รู้หรือไม่ว่างานรื่นเริงหรือเทศกาลในหน้าหนาวที่มีบุคลิกภาพแบบคราฟท์ๆ จนได้ชื่อว่าเป็นสุนทรียภาพของเชียงใหม่อย่างเช่นในปัจจุบันนี้ มีจุดเริ่มต้นมาจากงานรื่นเริงหนึ่งที่ถูกจัดขึ้นอย่างต่อเนื่องมาเป็นระยะกว่า 90 ปี อย่าง ‘งานฤดูหนาว’ นั่นเอง

งานฤดูหนาวเชียงใหม่: งานคราฟท์ที่มาก่อนกาล

งานฤดูหนาวเป็นงานรื่นเริงประจำปีของเชียงใหม่ มักจัดขึ้นในช่วงระหว่างปลายเดือนธันวาคมถึงต้นเดือนมกราคม ซึ่งเป็นช่วงที่เชียงใหม่มีอากาศเย็น โดยกิจกรรมหลักในงานฤดูหนาว ได้แก่ การออกร้านแสดงผลงานและปศุสัตว์ของหน่วยงานราชการและเอกชน การออกร้านขายอาหารและครื่องดื่มของบรรดาพ่อค้าแม่ขาย การแสดงมหรสพและดนตรี การละเล่นต่างๆ  เช่น ปาลูกโป่ง บ้านผีสิง รถไต่ถัง ชิงช้า และม้าหมุน และกิจกรรมสำคัญที่เป็นเอกลักษ์ของงานคือ การประกวดนางสาวเชียงใหม่

งานฤดูหนาวจัดขึ้นเป็นครั้งแรกเมื่อราวปี 2473 – 2477 และยังคงมีจัดอยู่จนกระทั่งในปัจจุบัน เพียงแต่ความนิยมอาจลดลงจากที่เคย เพราะปัจจุบันมีงานรื่นเริงอื่นๆ ที่ดึงดูดใจผู้คนได้มากกว่า โดยเฉพาะงานรื่นเริงแบบคราฟท์ๆ แต่ถึงอย่างนั้น หากลองพิจารณารูปแบบกิจกรรมของงานฤดูหนาวดู จะเห็นได้ว่างานฤดูหนาวโดยตัวของมันเองก็มีลักษณะแบบคราฟท์ๆ ผสมอยู่ โดยเฉพาะในส่วนการจัดแสดงพืชผลการเกษตร ปศุสัตว์ และงานศิลปหัตถกรรม ซึ่งหากใครเคยไปงานฤดูหนาว ก็จะเห็นว่าทั้งหน่วยงานราชการและเอกชนต่างคัดสรรเอามาแต่ผลงานที่ผ่านการผลิตอย่างพิถีพิถัน ประณีต และสร้างสรรค์ มาจัดแสดงประชันกันอย่างไม่มีใครยอมใคร ดังนั้นจึงไม่ผิดนักถ้าจะถือว่า งานฤดูหนาว คือ งานคราฟท์ที่มาก่อนกาล

อย่างไรก็ดี ก่อนที่จะกลายเป็นงานรื่นเริงประจำปีที่จัดขึ้นในช่วงหน้าหนาว บริเวณด้านหลังศาลากลางจังหวัดอย่างทุกวันนี้ งานฤดูหนาวได้มีประวัติศาสตร์แล้วเรื่องราวในตัวของมันเอง ด้วยเพราะได้เดินทางผ่านความเปลี่ยนแปลงต่างๆ นานัปประการในช่วงระยะเวลากว่า 90 ปี โดยที่ความเปลี่ยนแปลงสำคัญประการหนึ่งคือ การเปลี่ยนแปลงการปกครอง 2475 

งานแสดงพืชผล: ต้นเก๊าความรื่นเริงในงานฤดูหนาวของชาวเชียงใหม่

จากการสืบค้นข้อมูลเกี่ยวกับงานรื่นเริงในหน้าหนาวของชาวเชียงใหม่ พบว่าเมื่อราวปี 2473 มีงานรื่นเริงหนึ่งที่มักจัดขึ้นในช่วงหน้าหนาว คือ ‘งานแสดงพืชผล’ ซึ่งเป็นงานประกวดผลผลิตต่าง ๆ ของครูและนักเรียนจากโรงเรียนฝึกหัดครูช้างเผือก (ปัจจุบันคือ มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม่) โดยกิจกรรมหลักในงานคือ การแสดงผลงานของครูและนักเรียนจากโรงเรียนดังกล่าว

ภายหลังงานแสดงพืชผลขยายใหญ่ขึ้น เนื่องจากมีการเชิญชวนชาวไร่ ชาวนาจากอำเภอต่างๆ ให้นำพืชผักผลไม้และปศุสัตว์มาเข้าร่วมประกวด พร้อมกันนั้นยังได้มีชุดการแสดงของนักเรียนหญิงจากโรงเรียนต่างๆ ในเมืองเชียงใหม่ เช่น โรงเรียนเรยีนาเชลีวิทยาลัย โรงเรียนดาราวิทยาลัย และโรงเรียนวัฒโนทัยพายัพ มาร่วมด้วย

กระทั่งในปี 2474 พระยาอนุบาลพายัพกิจ (ปุ่น อาสนจินดา) ปลัดมณฑลพายัพ ได้ปรับให้งานแสดงพืชผลกลายเป็นงานรื่นเริงประจำปีของชาวเชียงใหม่ โดยกำหนดให้จัดงานขึ้นในช่วงหน้าหนาวตามเดิมแต่เปลี่ยนชื่องานใหม่ โดยให้ชื่อว่า ‘งานฤดูหนาว’

พระยาอนุบาลพายัพกิจ (ปุ่น อาสนจินดา) ปลัดมณฑลพายัพช่วงก่อน 2475

งานฤดูหนาวในระยะแรกมีกิจกรรมหลักๆ ได้แก่ การออกร้านของหน่วยงานรัฐและเอกชน การแสดงผลผลิตทางการเกษตรและปศุสัตว์ การประกวดศิลปหัตกรรมของนักเรียน ในบางปีก็จะมีการแสดงมหรสพ เช่น การแสดงละครญี่ปุ่น และการละเล่นต่างๆ อาทิ รถไต่ถัง  การฉายภาพยนตร์ และการชกมวย 

ทั้งนี้ สิ่งที่ทำให้งานฤดูหนาวเป็นที่นิยมมาก คือ บัตรผ่านประตู ในยุคนั้นงานฤดูหนาวจะขายบัตรเข้างาน ซึ่งในบัตรจะมีหมายเลขกำกับเพื่อใช้ในการออกรางวัล ดังนั้นจึงมีผู้สนใจซื้อบัตรเข้างานฤดูหนาวเป็นจำนวนมาก แม้แต่กรรมการผู้จัดงานที่สามารถเข้าได้ฟรีต่างก็พากันซื้อบัตรผ่านเพื่อร่วมลุ้นของรางวัลด้วย ทั้งนี้ มีข้อมูลว่าในปี 2480 มีการจำหน่ายบัตรผ่านประตูเข้างานฤดูหนาวใบละ 10 สตางค์ และด้วยความนิยมทำให้สามารถขายบัตรได้เป็นเงินจำนวนกว่า 80,000 บาท[1] 

ภาพหอแสดงสินค้าในงานฤดูหนาว ปี 2480 ที่มา บุญเสริม สาตราภัย
การออกร้านของโรงงานสุรา ในงานฤดูหนาว ปี 2480 ที่มา บุญเสริม สาตราภัย
การออกร้านของบริษัทรถยนต์ ในงานฤดูหนาว ปี 2480 ที่มา บุญเสริม สาตราภัย

อย่างไรก็ตาม ตั้งแต่ปี 2477 เป็นต้นมา งานฤดูหนาวได้มีการปรับเปลี่ยนรูปแบบกิจกรรมอีกครั้ง โดยได้เพิ่มงานกิจกรรมสำคัญที่ทุกคนต่างเฝ้ารอและถือได้ว่าเป็นเอกลักษณ์ของงานฤดูหนาวมาจนปัจจุบัน นั่นคือ การประกวดสาวงามประจำร้านค้า ที่ต่อมารู้จักกันในนาม ‘การประกวดนางสาวเชียงใหม่’ 

และกิจกรรมการประกวดสาวงามนี้เองที่ทำให้สันนิษฐานได้ว่างานฤดูหนาวของเชียงใหม่สัมพันธ์กับบริบททางการเมืองและสังคมช่วงหลังการเปลี่ยนแปลงการปกครอง 2475 โดยเฉพาะการที่รัฐบาลคณะราษฎรได้มีจัดให้งานรื่นเริงเพื่อการประชาสัมพันธ์และสื่อสารความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับระบอบการปกครองใหม่ขึ้น ในชื่อว่า ‘งานฉลองรัฐธรรมนูญ’ และการจัดให้มีการประกวดสาวงามในงานฉลองรัฐธรรมนูญ ปี 2477 โดยใช้การประกวดชื่อว่า ‘นางสาวสยาม’ 

งานฉลองรัฐธรรมนูญและนางสาวสยาม กับ งานฤดูหนาวและนางสาวเชียงใหม่ 

งานฉลองรัฐธรรมนูญ จัดขึ้นเป็นครั้งแรกเมื่อ 10 ธันวาคม 2475 ณ ท้องสนามหลวง กรุงเทพฯ นับเป็นงานรื่นเริงขนาดใหญ่ของราษฎรที่จัดต่อเนื่องกันเป็นเวลานานหลายปี กระทั่งลดบทบาทอย่างมากในช่วงทศวรรษปี 2490 เนื่องมาจากการเปลี่ยนแปลงความหมายของงานให้กลับไปสัมพันธ์กับสถาบันกษัตริย์ ดังจะเห็นได้จากชื่องานฉลองรัฐธรรมนูญในปี 2490 ที่มีชื่อว่า ‘โครงการงานสมโภชน์สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและฉลองรัฐธรรมนูญ 2490’ และหลังจากนั้นเพียง 3 ปี ก็ไม่มีงานฉลองรัฐธรรมนูญในกรุงเทพฯ อีกต่อไป

 ภาพบรรยากาศงานรัฐธรรมนูญครั้งแรก 10 ธันวาคม 2475 ที่มา มูลนิธิพระยาพหลพลพยุหเสนา และท่านผู้หญิงบุญหลง
ภาพทางเข้าลานพระราชวังดุสิตในงานฉลองรัฐธรรมนูญ ปี 2483 ที่มา เฟซบุ๊ก ภาพถ่าย “ศรีจามร”

งานฉลองรัฐธรรมนูญถือเป็นงานรื่นเริงแบบใหม่ในยุคนั้น และได้มีอิทธิพลต่อการจัดงานรื่นเริงตามจังหวัดต่าง ๆ ในแง่ของรูปแบบกิจกรรมภายในงาน โดยเฉพาะภายหลังจากที่รัฐบาลคณะราษฎรได้สร้างรัฐธรรมนูญฉบับจำลองขึ้น แล้วจัดส่งไปประจำไว้ตามแต่ละจังหวัด จำนวน 69 จังหวัด ตามที่ ‘จำรัส มหาวงศ์นันทน์’ ผู้แทนราษฎรจังหวัดน่าน เสนอว่าเพื่อให้รัฐธรรมนูญมีความมั่นคงอยู่ได้ รัฐบาลควรให้ผู้แทนราษฎรแต่ละคนอัญเชิญรัฐธรรมนูญไปสู่จังหวัดของตนเอง 

การส่งรัฐธรรมนูญฉบับจำลองไปให้แต่ละจังหวัด นำมาซึ่งงานฉลองรัฐธรรมนูญขึ้นในพื้นที่นอกกรุงเทพฯ โดยเป็นการจัดงานที่มีรูปแบบคล้ายคลึงกับงานฉลองรัฐธรรมนูญในกรุงเทพฯ แต่ได้ประยุกต์เข้ากับความเป็นท้องถิ่นของแต่ละพื้นที่ เช่น ในพื้นที่ภาคอีสานใช้กิจกรรมประกวดกลอนลำด้วยภาษาถิ่นในการนำเสนอเนื้อหาเกี่ยวกับเรื่องรัฐธรรมนูญและหลัก 6 ประการ หรือในภาคใต้ใช้การแสดงละครมโนราห์ในการนำเสนอเนื้อหาดังกล่าว 

ในกรณีของเชียงใหม่ พบว่าไม่ค่อยปรากฎข้อมูลเกี่ยวกับการจัดงานฉลองรัฐธรรมนูญมากนัก หากแต่มีข้อมูลปรากฏว่าในช่วงปี 2477 ได้มีการปรับเปลี่ยนกิจกรรมบางอย่างในงานฤดูหนาวให้สอดคล้องกับงานฉลองรัฐธรรมนูญในกรุงเทพฯ คือ มีการเปลี่ยนชื่อการประกวดสาวงามภายในงานฤดูหนาว จากเดิมคือ ‘สาวงามประจำร้าน’ เป็น ‘นางสาวเชียงใหม่’

การประกวดสาวงามในรื่นเริงช่วงฤดูหนาวของเชียงใหม่สามารถย้อนไปได้ไกลถึงช่วงปี 2473 ซึ่งในยุคนั้นเป็นการประกวดสาวงามประจำร้าน อันหมายถึงร้านขายสินค้าต่าง ๆ ภายในงาน ขณะที่การประกวดนางสาวเชียงใหม่มีขึ้นครั้งแรกในงานฤดูหนาว ปี 2477 เป็นการประกวดเพียงวันเดียว และผู้ชนะการประกวดในปีแรกๆ จะได้รับรางวัลเป็นเงินสด สายสะพายประจำตำแหน่ง ขันน้ำ และพานรอง ต่อมาในปี 2477 การประกวดดังกล่าวได้เปลี่ยนชื่อจาก ‘สาวงามประจำร้าน’ เป็น ‘นางสาวเชียงใหม่’ ทั้งนี้เพื่อให้สอดคล้องกับการประกวดนางสาวสยามในการงานฉลองรัฐธรรมนูญที่กรุงเทพฯ

อย่างไรก็ตาม ไม่ปรากฏเหตุผลที่แน่ชัดว่าเหตุใดจึงการเปลี่ยนชื่อการประกวดดังกล่าว หากแต่ก็สะท้อนได้ว่าเป็นอิทธิพลมาจากการประกวดนางสาวสยามในงานฉลองรัฐธรรมนูญนั่นเอง

การประกวดนางสาวเชียงใหม่ภายในงานฤดูหนาว ปี 2508  จากภาพนำโดย อาภัสรา หงสกุล นางสาวไทยปี 2508  และขบวนผู้ชนะการประกวดนางสาวเชียงใหม่ตามลำดับ  ที่มา บุญเสริม สาตราภัย
อาภัสรา หงสกุล นางสาวไทยปี 2508 สวมสายสะพายให้แก่สาวงามผู้ชนะการประกวด ในงานฤดูหนาว ปี 2508 ที่มา: บุญเสริม สาตราภัย

ปัจจุบันงานฤดูหนาวเชียงใหม่ลดความนิยมลงไปมากด้วยเหตุแห่งความเปลี่ยนแปลงของยุคสมัย เนื่องจากมีงานรื่นเริงอื่นๆ ปรากฏขึ้นเป็นจำนวนมาก อีกทั้งเวทีประกวดนางงามก็คลายมนต์เสน่ห์ลงไป แต่ถึงอย่างนั้นก็เชื่อว่างานงานคราฟท์ที่มาก่อนกาลนี้ ยังจะคงเป็นหนึ่งในตัวเลือกของใครอีกหลายคนที่ต้องการสัมผัสบรรยากาศงานรื่นเริงยามค่ำคืนท่ามกลางอากาศหนาวช่วงปลายเดือนธันวาคมถึงต้นมกราคมของเชียงใหม่

อ้างอิง

[1] วีระยุทธ ไตรสูงเนิน. งานฤดูหนาวเชียงใหม่ ดอกไม้ ลมหนาว สาวงาม. กรมศิลปากร. ออนไลน์. เข้าถึงได้ที่ https://www.finearts.go.th/chiangmaiarchives/view/ 

เกษราภรณ์ กุณรักษ์. รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรสยาม ฉบับจำลอง. กรมศิลปากร. ออนไลน์. เข้าถึงได้ที่  https://www.finearts.go.th/chiangmaiarchives/view/30194 

ศรัญญู เทพสงเคราะห์. งานรื่นเริงของพลเมืองในระบอบใหม่ เพื่อชาติและรัฐธรรมนูญ. สถาบันปรีดี พนมยงค์. ออนไลน. เข้าถึงได้ที่ https://pridi.or.th/th/content/2022/07/1164 

The Capital of Craft เสน่ห์ Art and Craft เมืองเชียงใหม่. Qoqoon. ออนไลน์. เข้าถึงได้ที่ https://qoqoon.media/art-lifestyle/the-capital-of-craft/  

ปวีณา หมู่อุบล

อดีตนักเรียนประวัติศาสตร์ ปัจจุบันนัก (ลอง) เขียน อนาคตไม่แน่นอน

ปวีณา หมู่อุบล
ปวีณา หมู่อุบล
อดีตนักเรียนประวัติศาสตร์ ปัจจุบันนัก (ลอง) เขียน อนาคตไม่แน่นอน

มาตรการลงทะเบียนซิมด้วย Liveness Detection ถูกตั้งคำถาม กระทบคนไร้สัญชาติ–แรงงานข้ามชาติ ‘ตี่ตาง’ ชี้จำกัดสิทธิสื่อสาร แก้ปัญหาไม่ตรงจุด

จากกรณีที่ สำนักงานคณะกรรมการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ เเละกิจการโทรคมนาคมเเห่งชาติ (กสทช.) ประกาศใช้เทคโนโลยี Liveness Detection เมื่อวันที่...

พ่อหมอกฤตไท ร้องหยุดดองร่าง พ.ร.บ.อากาศสะอาด ด้านสภาลมหายใจ เเถลงไม่ควรเอื้อนายทุน

หลังจากเมื่อวันที่ 21 กันยายน 2568 สภาผู้แทนราษฎรมีมติเห็นชอบร่าง พ.ร.บ.บริหารจัดการเพื่ออากาศสะอาดฯ ในวาระสามด้วยคะแนนเห็นด้วย 309 เสียง...

ให้คะแนนรัฐบาลอนุทิน ‘สอบตกยกแผง’ แก้ปัญหาน้ำกก–สายรวก–โขงปนเปื้อนโลหะหนัก จากเหมืองแร่ในรัฐฉาน

สืบสกุล กิจนุกร นักวิชาการด้านการพัฒนาระหว่างประเทศ มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง ประเมินการทำงานของรัฐบาลไทยในการรับมือปัญหามลพิษข้ามพรมแดนจากเหมืองแร่ในรัฐฉาน ประเทศเมียนมา ระบุว่า ‘สอบตกยกแผง’ พร้อมแจกแจงการประเมินเป็นรายบุคคลต่อผู้นำฝ่ายบริหารสามตำแหน่ง นายกฯ...

Lanner Joy: LOLA Gallery DRIP แรงบันดาลใจจากความฝันเล็กๆ สู่รากกาแฟห้วยตองก๊อที่เติบโตอย่างแข็งแรง

เรื่องและภาพ: สุทธิกานต์ วงศ์ไชย ยามบ่ายต้นเดือนพฤศจิกายนที่ลานกว้างของโครงการจริงใจมาร์เก็ต เชียงใหม่ เสียงแจ๊สลอยแผ่วเบาเคล้ากลิ่นกาแฟที่เพิ่งบดใหม่ เทศกาล Jazz Arabica กลับมาอีกครั้งในปี...