เชียงใหม่ส่งเสียงจี้รัฐเร่งแก้วิกฤตฝุ่น PM 2.5 ซัด “อย่ามัวแต่หาเสียงอยู่”

ปัญหาฝุ่นควัน PM 2.5 ในภาคเหนือยังคงเข้าขั้นวิกฤตอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ต้นเดือนจนถึงปลายเดือนมีนาคมที่ผ่านมา โดยเมื่อกลางเดือนมีนาคม (12 มี.ค. 66) จ.เชียงใหม่ขึ้นแท่นอันดับ 1 ของโลก 3 วันติด ด้วยจำนวน 212 AQI ล่าสุดวันนี้ (27 มี.ค 66) ค่าฝุ่น จ.เชียงรายขึ้นแซง จ.เชียงใหม่ด้วยจำนวน 524 AQI นับเป็นระดับมลพิษทางอากาศขั้นอันตรายร้ายแรง

ล่าสุดช่วงเย็นของวันนี้ (27 มี.ค 66) บริเวณประตูท่าแพ จ.เชียงใหม่ กลุ่มภาคประชาชน ‘สภาลมหายใจเชียงใหม่’ จัดกิจกรรม ‘ร่วมแสดงพลังขอการแก้ปัญหาฝุ่น PM 2.5 อย่างเร่งด่วน ทันเหตุการณ์’ โดยเชิญชวนให้เขียนความในใจถึงวิกฤตฝุ่นควันที่เกิดขึ้นในพื้นที่ พร้อมแจกหน้ากากกันฝุ่น PM 2.5 จำนวน 120 ชิ้น ให้กับประชาชนที่ผ่านไปผ่านมาบริเวณดังกล่าว เพื่อบรรเทาวิกฤตฝุ่นควันในจังหวัดเชียงใหม่

รัฐบาลสนแต่หาเสียง ไม่สนเสียงประชาชน!

ชัชวาลย์ ทองดีเลิศ ประธานคณะกรรมการอำนวยการสภาลมหายใจเชียงใหม่กล่าวว่า ปัจจุบันปัญหาฝุ่นควันภาคเหนือยังคงเข้าขั้นวิกฤตส่งผลกระทบต่อสุขภาพประชาชนในพื้นที่เป็นอย่างมาก แต่รัฐบาลไม่สามารถแก้ปัญหาดังกล่าวได้อย่างมีรูปธรรมและมีแบบแผนที่ชัดเจน เอาแต่สนใจเรื่องการหาเสียงในช่วงเลือกตั้งที่จะมาถึง จึงอยากให้รัฐบาลปัจจุบันและพรรคการเมืองต่างๆ ที่จะเข้ามาเป็นรัฐบาลหน้า หันมาสนใจปัญหาของประชาชนอย่างจริงจังมากขึ้น ควรประกาศสถานการณ์วิกฤตสุขภาพ และแจกมาร์กป้องกันฝุ่น PM 2.5 แจกสวัสดิการเครื่องกรองอากาศให้กับประชาชนได้แล้ว

“ฝากไปถึงรัฐบาลปัจจุบัน อย่างมัวแต่หาเสียงต้องมาดูแลความทุกข์ร้อนของประชาชน และอาจจะฝากไปถึงรัฐบาลชุดใหม่ พรรคไหนก็แล้วแต่ รัฐบาลชุดไหนก็แล้วแต่ ต้องเข้ามาแก้ปัญหานี้เอาปัญหานี้เป็นปัญหาเร่งด่วนเป็นปัญหาที่สำคัญ” ชัชวาลย์ กล่าว

ชำนาญ จันทร์เรือง กรรมการบริหารคณะก้าวหน้าให้สัมภาษณ์กับ ‘Lanner’ ว่า รัฐบาลควรประกาศเป็นเขตควบคุมมลพิษและแก้ปัญหาอย่างรวดเร็วและจริงจังได้แล้ว แม้จะเป็นรัฐบาลรักษาการณ์ก็ไม่ได้หมายความว่าไม่สามารถทำได้

ผู้ที่เป็นที่รักจากไปแล้วพร้อมกับโรคปอด!

วนารักษ์ ไซพันธ์แก้ว เหยื่อควันพิษภาคเหนือที่ต้องสังเวยชีวิตคนที่รักถึง 3 คนให้กับวิกฤตฝุ่นควัน เปิดเผยกับ ‘Lanner’ ว่า ตนได้เสียทั้งพ่อ แม่ และเพื่อนรักของเธอให้กับโรคทางเดินหายใจที่มาจากมลพิษทางอากาศที่ย่ำแย่ โดยพ่อของตนในวัย 83 ปีต้องเสียชีวิตด้วยโรคเส้นเลือดหัวใจตีบ โรคถุงลมโป่งพอง อีกทั้งยังพบก้อนในปอดในช่วงต้นเดือนสิงหาคมปีที่ผ่านมา ซึ่งก่อนหน้านี้แม่ของตนก็เพิ่งเสียชีวิตจากโรคมะเร็งปอดเช่นกัน และก็เสียเพื่อนไปในช่วงต้นปีที่ผ่านมา จากปัญหามลพิษทางอากาศที่ย่ำแย่ ตนจึงอยากเรียกร้องให้รัฐเร่งแก้ไขปัญหาเรื่องนี้ให้จริงจังมากกว่านี้

“เสียทั้งพ่อ แม่และเพื่อน แม่ก็เป็นมะเร็งปอด ต่อมาก็เป็นพ่อในเดือนสิงหาคม เสียเพื่อนไปเมื่อตอนต้นปีนี้เอง 3 คน เป็นคนที่รักทั้งนั้นเลย มันเป็นความรู้สึกที่บอกไม่ถูก คือถ้าใครไม่เจอด้วยตัวเองไม่เข้าใจความรู้สึก เพราะว่าอาการของคนที่เป็นโรคมะเร็งปอด ถ้าเคยมีญาติจะรู้เลยว่ามันทรมานขนาดไหน” วนารักษ์ กล่าว