เปิดตัววิจัย ‘ไฟป่า ฝุ่นควัน ชาติพันธุ์ ไร่หมุนเวียน’ หวังสังคมเข้าใจวิถีชีวิตและลดอคติต่อชาติพันธุ์

Date:

28 พฤษภาคม 2567 มูลนิธิพัฒนาภาคเหนือ (มพน.) สหพันธ์เกษตรกรภาคเหนือ (สกน.) ร่วมกับศูนย์สนับสนุนชุมชนสู้ไฟป่า โดยการสนับสนุนจากมูลนิธิธรรมรัฐเพื่อการพัฒนาสังคมและสิ่งแวดล้อม และสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ได้จัดงาน ‘ไฟป่า ฝุ่นควัน ชาติพันธุ์ ไร่หมุนเวียน’ ณ หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร ชั้น 4 เพื่อเปิดตัวงานศึกษาวิชาการด้านการบริการทางนิเวศและศักยภาพในการดูดซับฝุ่นละอองขนาดเล็กในระบบการเกษตรแบบไร่หมุนเวียนและพื้นที่ป่าชุมชนของกลุ่มชาติพันธุ์กะเหรี่ยง อีกทั้งมีการจัดนิทรรศการเกี่ยวกับศักยภาพของชุมชนกลุ่มชาติพันธุ์ในพื้นที่ภาคเหนือในการจัดการทรัพยากร เช่น การสร้างความมั่นคงทางอาหาร รวมถึงการจัดการปัญหาวิกฤตสิ่งแวดล้อมและการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ท่ามกลางอคติทางสังคมที่มีต่อกลุ่มชาติพันธุ์

การจัดกิจกรรมครั้งนี้ ได้ร่วมกับชุมชนกลุ่มชาติพันธุ์และกลุ่มเปราะบางในพื้นที่ภาคเหนือจำนวน 22 ชุมชน ใน 7 จังหวัด ได้แก่ เชียงราย เชียงใหม่ ตาก แม่ฮ่องสอน ลำพูน ลำปาง และน่าน ที่มีรูปแบบการจัดการไฟป่าในพื้นที่การจัดการทรัพยากรของชุมชนด้วยศักยภาพของชุมชนเอง และผู้ดำเนินโครงการยังได้เดินหน้างานศึกษาทางวิชาการร่วมกับคณะสิ่งแวดล้อมและทรัพยากรศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม ในพื้นที่ชุมชนกะเหรี่ยงบ้านแม่ส้าน ต.บ้านดง อ.แม่เมาะ จ.ลำปาง ในด้านมูลค่าทางเศรษฐกิจจากฐานทรัพยากรของชุมชนกะเหรี่ยง การชะล้างพังทลายของดินและการไหลบ่าน้ำผิวดินในพื้นที่การเกษตรไร่หมุนเวียน และการระบายและการกักเก็บฝุ่นจากกระบวนการทำไร่หมุนเวียน

ด้าน มูลนิธิพัฒนาภาคเหนือ (มพน.) กล่าวว่า วิถีการเกษตรและการจัดการทรัพยากรธรรมชาติของกลุ่มชาติพันธุ์ถูกมองด้วยอคติเหมารวมว่าเป็นเหตุของวิกฤตการณ์ทางสิ่งแวดล้อม ทั้งน้ำท่วม ฝนแล้ง ฝุ่นควัน และไฟป่า คิดอะไรไม่ออกก็ชี้นิ้วโทษ ‘ชาวเขา’ จนความขัดแย้งและความเหลื่อมล้ำทวีบานปลาย ปัญหาสิ่งแวดล้อมก็แก้ไม่ได้ ซ้ำร้ายยังทิ้งประชาชนคนชายขอบไว้เบื้องหลัง เป็นจำเลยในทุกฤดูกาลผ่านรุ่นสู่รุ่น คำถามคือการกล่าวหาจับแพะเช่นนั้นอยู่บนฐานวิชาการหรือเป็นเพียงอคติที่พาเราห่างไกลจากความเป็นจริงในการแก้ปัญหากันแน่ จึงขอเชิญทุกท่านร่วมฟังเสียงของประชาชนผู้ถูกกดทับ เบิกเนตรไปกับงานวิจัยชิ้นใหม่ที่จะพาทลายมายาคติทางสังคมต่อกลุ่มชาติพันธุ์และชนเผ่าพื้นเมืองที่ทำ ‘ไร่หมุนเวียน’ หวังฝ่าฟันวิกฤตโลกรวนร่วมกันอย่างสร้างสรรค์ พร้อมกับคืนความเป็นธรรมและศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ถึงประชาชนกลุ่มชาติพันธุ์ต่อไป

ต่อมาในวันที่ 29 พฤษภาคม 2567 มีเวทีเปิดตัวงานศึกษาวิชาการและมีการแถลงการณ์ศูนย์สนับสนุนชุมชนสู้ไฟป่า และ มูลนิธิพัฒนาภาคเหนือ ใจความว่า ชุมชนชาวกะเหรี่ยงมีการทำทำไร่หมุนเวียนที่เป็นหัวใจหลักในการหล่อเลี้ยงชีวิตภายในชุมชนและชุมชนก็ช่วยกันปกป้องมาอย่างยาวนาน หลายชุมชนกำลังเผชิญเงื่อนไขการเปลี่ยนแปลง โดยเฉพาะนโยบาย กฎหมาย กระแสมายาคติ อคติทางสิ่งแวดล้อมและสังคมวัฒนธรรม ที่ส่งผลให้ต้องปรับเปลี่ยนวิถีการดำรงชีวิตทั้งโดยสมัครใจ ทั้งโดยความจำเป็น หรือด้วยความจำยอม แต่ยังมีอีกหลายชุมชนที่ยังยืนหยัดต่อสู้เพื่อปกป้องวิถีชีวิตบนระบบไร่หมุนเวียน วันนี้พวกเราจึงได้ร่วมกันส่งเสียงอีกครั้ง เพื่อให้เพื่อนร่วมสังคมเข้าใจวิถีชีวิตบนความหลากหลายวัฒนธรรมที่ยังสัมพันธ์กับผืนป่า และแม้ว่าทุกคนจะได้รับผลกระทบจากวิกฤตสภาพอากาศ มลพิษสิ่งแวดล้อมอย่างแสนสาหัส แต่ก็ไม่ควรมีเพียงคนบางกลุ่ม คนบางวัฒนธรรมที่ต้องถูกตราหน้า ติดป้ายให้ต้องกลายเป็นตัวการดั่งแพะรับบาปในเรื่องนี้อย่างไม่ธรรม อีกสิ่งที่สำคัญคือการผลักดันกฎหมายฉบับสำคัญที่ว่าด้วยสิทธิทางชาติพันธุ์ ชนเผ่าพื้นเมืองที่กำลังพิจารณาอยู่ในสภาผู้แทนราษฎรชุดปัจจุบัน โดยหวังเป็นอย่างยิ่งว่าภายใต้กลไกคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติคุ้มครองและส่งเสริมวิถีชีวิตกลุ่มชาติพันธุ์ จะร่วมกันตระหนักถึงความสำคัญในการสร้างการเปลี่ยนแปลงที่ก้าวหน้าทางสังคม 

“ณ ห้วงเวลานี้ ชุมชนกะเหรี่ยงหลายแห่งคงกำลังช่วยกันเดินหยอดปลูกเมล็ดพันธุ์ข้าวและสรรพอาหารลงบนผืนดินอันเป็นไร่หมุนเวียน ที่หล่อเลี้ยงชีวิตคนในชุมชน ท่ามกลางสมดุลของดิน น้ำ ป่าที่พวกเราต่างพยายามปกป้องมาหลายชั่วอายุคน

และไม่ใช่ทุกชุมชน ทุกชาติพันธุ์ที่จะสามารถดำรงวิถีเช่นนี้ให้คงอยู่อย่างปกติได้ หลายชุมชนไร่หมุนเวียนเป็นประวัติศาสตร์ กลายเป็นเพียงอดีตอดีตชุมชนที่เคยทำไร่หมุนเวียนเท่านั้น หลายชุมชนกำลังเผชิญเงื่อนไขการเปลี่ยนแปลง โดยเฉพาะนโยบาย กฎหมาย กระแสมายาคติ อคติทางสิ่งแวดล้อมและสังคมวัฒนธรรม ที่ส่งผลให้ต้องปรับเปลี่ยนวิถีการดำรงชีวิตทั้งโดยสมัครใจ ทั้งโดยความจำเป็น หรือด้วยความจำยอม

แต่ยังมีอีกหลายชุมชนที่ยังยืนหยัดต่อสู้เพื่อปกป้องวิถีชีวิตบนระบบไร่หมุนเวียน อันหมายถึงการปกป้องสมดุลนิเวศเพื่อผู้คนในสังคม ปกป้องจิตวิญญาณ จักรวาลทัศน์ ความเป็นชุมชน ปกป้องผืนป่าที่สืบสานจากบรรพชน ท่ามกลางสังคมทุนนิยมที่คอยแต่จะแปรเปลี่ยนดิน น้ำป่า อากาศให้เป็นทรัพย์สิน เป็นสินค้าเพื่อการครอบครอง ค้ากำไร

วันนี้ พวกเราจึงได้ร่วมกันส่งเสียงอีกครั้ง เพื่อให้เพื่อนร่วมสังคมเข้าใจวิถีชีวิตบนความหลากหลายวัฒนธรรมที่ยังสัมพันธ์กับผืนป่า ก็เพราะวิถีชีวิตที่ยังคงพึ่งพาป่าและดูแลป่าให้เหลือรอดเช่นนี้มิใช่หรือที่ทุกคนปรารถนาต้องการ หรือหลายคนต้องการเพียงผืนป่า สัตว์ป่าโดยปราศจากผู้คน ชุมชนดั้งเดิมอย่างพวกเรา

และแม้ว่าทุกคนจะได้รับผลกระทบจากวิกฤตสภาพอากาศ มลพิษสิ่งแวดล้อมอย่างแสนสาหัส แต่ก็ไม่ควรมีเพียงคนบางกลุ่ม คนบางวัฒนธรรมที่ต้องถูกตราหน้า ติดป้ายให้ต้องกลายเป็นตัวการดั่งแพะรับบาปในเรื่องนี้อย่างไม่ธรรม ตอกย้ำอคติ มายาคติทางสังคม กดทับให้พวกเรากลายเป็นอื่นอยู่ทุกยุคสมัย

บนเส้นทางการต่อสู้เรียกร้องของพวกเรา เดินทางมาถึงอีกห้วงสำคัญในการผลักดันกฎหมายฉบับสำคัญที่ว่าด้วยสิทธิทางชาติพันธุ์ ชนเผ่าพื้นเมืองที่กำลังพิจารณาอยู่ในสภาผู้แทนราษฎรชุดปัจจุบัน โดยหวังเป็นอย่างยิ่งว่าภายใต้กลไกคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติคุ้มครองและส่งเสริมวิถีชีวิตกลุ่มชาติพันธุ์ จะร่วมกันตระหนักถึงความสำคัญในการสร้างการเปลี่ยนแปลงที่ก้าวหน้าทางสังคม

ร่วมกันขจัดอคติ มายาคติทางชาติพันธุ์ ปกป้อง ส่งเสริมวิถีวัฒนธรรมบนผืนป่า ผืนทะเล ในฐานะหนึ่งในวิถีการอนุรักษ์ที่หลากหลาย การอนุรักษ์ที่มีชีวิตของชุมชนบนวิถีไร่หมุนเวียนอย่างที่เรากำลังพยายามส่งเสียงในวันนี้

หากเราต้องการผืนป่า ผืนน้ำ ต้องการสิ่งแวดล้อมที่ดี การร่วมกันหยุดสร้างมายาคติ สร้างแพะรับบาปด้านผืนป่าและสิ่งแวดล้อม การร่วมกันปกป้องชุมชนคนกับป่าบนความเป็นธรรมทางสังคมวัฒนธรรมมากกว่าการมุ่งใช้อำนาจการปกครองแบบรวมศูนย์ จะเป็นก้าวสำคัญ เป็นดั่งทางรอด มากกว่าทางเลือกของสังคม”

ในกิจกรรมยังมีงานนิทรรศการติดผนัง ซึ่งติดตั้งให้ได้เข้าชมตั้งแต่วันนี้จนถึงวันที่ 2 มิถุนายน 2567 ณ ห้องประชุมชั้น 4 หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร

พื้นที่สื่อสาร สังคมประชาธิปไตย ชีวิตใหม่ที่ดีกว่า

ทีมข่าวที่ประกอบไปด้วยผู้คนหลากหลาย บ้างก็มาจากทะเล บ้างก็มาจากภูเขา แต่สุดท้ายก็ลงเอยที่ภาคเหนืออยู่ที่ Lanner นี่แหละ...

Lanner Editor
Lanner Editor
ทีมข่าวที่ประกอบไปด้วยผู้คนหลากหลาย บ้างก็มาจากทะเล บ้างก็มาจากภูเขา แต่สุดท้ายก็ลงเอยที่ภาคเหนืออยู่ที่ Lanner นี่แหละ...

มาตรการลงทะเบียนซิมด้วย Liveness Detection ถูกตั้งคำถาม กระทบคนไร้สัญชาติ–แรงงานข้ามชาติ ‘ตี่ตาง’ ชี้จำกัดสิทธิสื่อสาร แก้ปัญหาไม่ตรงจุด

จากกรณีที่ สำนักงานคณะกรรมการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ เเละกิจการโทรคมนาคมเเห่งชาติ (กสทช.) ประกาศใช้เทคโนโลยี Liveness Detection เมื่อวันที่...

พ่อหมอกฤตไท ร้องหยุดดองร่าง พ.ร.บ.อากาศสะอาด ด้านสภาลมหายใจ เเถลงไม่ควรเอื้อนายทุน

หลังจากเมื่อวันที่ 21 กันยายน 2568 สภาผู้แทนราษฎรมีมติเห็นชอบร่าง พ.ร.บ.บริหารจัดการเพื่ออากาศสะอาดฯ ในวาระสามด้วยคะแนนเห็นด้วย 309 เสียง...

ให้คะแนนรัฐบาลอนุทิน ‘สอบตกยกแผง’ แก้ปัญหาน้ำกก–สายรวก–โขงปนเปื้อนโลหะหนัก จากเหมืองแร่ในรัฐฉาน

สืบสกุล กิจนุกร นักวิชาการด้านการพัฒนาระหว่างประเทศ มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง ประเมินการทำงานของรัฐบาลไทยในการรับมือปัญหามลพิษข้ามพรมแดนจากเหมืองแร่ในรัฐฉาน ประเทศเมียนมา ระบุว่า ‘สอบตกยกแผง’ พร้อมแจกแจงการประเมินเป็นรายบุคคลต่อผู้นำฝ่ายบริหารสามตำแหน่ง นายกฯ...

Lanner Joy: LOLA Gallery DRIP แรงบันดาลใจจากความฝันเล็กๆ สู่รากกาแฟห้วยตองก๊อที่เติบโตอย่างแข็งแรง

เรื่องและภาพ: สุทธิกานต์ วงศ์ไชย ยามบ่ายต้นเดือนพฤศจิกายนที่ลานกว้างของโครงการจริงใจมาร์เก็ต เชียงใหม่ เสียงแจ๊สลอยแผ่วเบาเคล้ากลิ่นกาแฟที่เพิ่งบดใหม่ เทศกาล Jazz Arabica กลับมาอีกครั้งในปี...