พฤษภาคม 17, 2024

    ระบบขนส่งอันแสนห่วย ทิ้งคนต่างจังหวัดไว้ข้างหลัง

    Share

    เรื่อง: รัตนาภรณ์ น้อยวงศ์/ The Isaan Record

    หากใครมีประสบการณ์ต้องยืนเบียดเสียดบนรถสาธารณะเป็นเวลานานขณะเดินทางข้ามจังหวัด จะเข้าใจหัวอก อัยรินทร์ มะลิวรรณ์ นิสิตปี 1 มหาวิทยาลัยมหาสารคาม ที่ต้องเสียเวลาเดินทางจาก จ.มหาสารคามเพื่อกลับบ้านเกิด จ.สระแก้ว กว่า 12 ชั่วโมง ทั้งที่มีระยะทางเพียง 360 กิโลเมตรเท่านั้น 

    การเดินทางครั้งนี้ไม่เพียงแต่ใช้เวลานานเท่านั้น แต่ระบบการขนส่งสาธารณะที่ห่วยแตกในพื้นที่ห่างไกลยังทำให้เธอไม่อยากเดินทางไปไหนด้วยซ้ำ

    “เวลาเจอคนแออัด บางครั้งก็อยากลงจากรถ แต่ตั๋วรถก็ซื้อไปแล้ว สุดท้ายก็ต้องจำใจทนต่อเพื่อให้ถึงบ้านให้เร็วที่สุด” เธอพรั่งพรูสิ่งที่อัดอั้นตันใจออกมา พร้อมความเหนื่อยล้าในการเดินทางจากจังหวัดมหาสารคามกลับบ้านเกิดที่จังหวัดสระแก้วด้วยระบบการรถโดยสารสาธารณะอันแสนห่วย 

    อัยรินทร์ มะลิวรรณ์ นิสิตปี 1 มหาวิทยาลัยมหาสารคาม 

    การเดินทางกลับบ้านเกิดที่ยากลำบาก

    ระหว่างเดินทางบนรถบัสคันนั้น เธอเห็นเพื่อนร่วมทางบ่นอุบถึงพฤติกรรมของคนขับรถบัสที่จอดรถรับผู้คนจนล้น ส่วนกระเป๋ารถบัสหรือคนเก็บตั๋วก็ทำหน้าที่เสริมกัน ด้วยการแจ้งให้ผู้โดยสารขยับเข้าไปด้านในสุดเพื่อจะรับผู้โดยสารให้ได้จนแทบจะไม่มีที่ยืน ทั้งๆ ที่เป็นช่วงการแพร่ระบาดของโควิด-19

    ระยะทางกว่า 100 กิโลเมตรจากมหาสารคามถึงบุรีรัมย์ต้องใช้เวลากว่า 2 ชั่วโมง จากความเมื่อยล้าผู้โดยสารบางคนจึงนั่งบนทางเดิน บริเวณทางขึ้นลงรถโดยสาร 

    “รถคันที่ขึ้นไป เขายัดคนเข้าไปอย่างเดียว คนจะเต็มแค่ไหนก็ยัดเข้า ทางผ่านที่มีคนรอตามจุดต่างๆ เขาก็จอดรับ แค่คนที่อยู่ในรถก็เยอะแล้ว พอรับคนมาเรื่อยๆ จนล้นทุกคนที่เกินที่นั่งมาก็ต้องยืนสลับฟันปลา จนขยับไม่ได้

    “การกลับบ้านเกิดแต่ละครั้ง เราต้องเดินทางจาก บขส.มหาสารคาม แล้วลงรถที่ บขส.บุรีรัมย์ เพื่อซื้อตั๋วรถทัวร์ต่อรถจาก บขส.จังหวัดบุรีรัมย์ไปสระแก้ว ถือเป็นการเดินทางที่ยาวนานมาก และขึ้นรถหลายต่อ จนรู้สึกอยากนั่งรถต่อเดียวให้ถึงบ้านเลย”

    ผู้โดยสารต้องนั่งบนทางเดินบนรถบัส หลังจากพบว่า ไม่มีที่ยืน 

    การบริการสาธารณะที่ไม่ทั่วถึงก็เป็นอีกหนึ่งปัญหาที่เกิดขึ้น จึงทำให้การเดินทางกลับบ้านแต่ละครั้ง อัยรินทร์ ต้องเสียเวลาไปเกือบทั้งวัน

    “นอกจากปัญหาความแออัดจากการจัดการระบบขนส่งที่ไม่ดีแล้ว ประเทศไทยเรายังคงมีปัญหาในเรื่องของการขนส่งที่ไม่ทั่วถึง ซึ่งเป็นอีกปัญหาหนึ่งที่ตีคู่กันมากับปัญหานี้อยู่เสมอ” 

    อัยรินทร์ ได้แต่หวังว่าในอนาคตจะมีการจัดการระบบขนส่งที่เหมาะสม เพื่อไม่ก่อให้เกิดปัญหานี้ซ้ำๆ และถูกทำให้เป็นเรื่องปกติอีก เฉกเช่นที่เป็นอยู่

    รถสองแถวที่รับน้ำหนักมากกว่าสองแถว

    หลังจากที่ต้องเผชิญกับความแออัดขณะตอนเดินทางกลับบ้านเกิดแล้ว ขากลับจากจังหวัดสระแก้ว อัยรินทร์ยังต้องเจอกับความแออัดบนรถสองแถวขณะเดินกลับหอพักอีกครั้ง

    “รถสองแถวเราก็เจอนะ ขึ้นรถสองแถวกลับหอพักที่มหาสารคามนี่แหละ เราต้องยืน คนในรถก็ยืนกันแน่น ยืนจนหน้าลอย ต้องแหงนหน้า เพราะยืนประชิดกันเกินไป” เธอเล่าพลางหัวเราะ แม้ฟังดูเหมือนเป็นเรื่องตลก แต่เธอกลับรู้สึกว่า มันคือตลกร้าย 

    ปัญหาความแออัดที่เกิดขึ้น ทั้งขณะเดินทางไปและกลับเพียง 360 กิโลเมตร ถ้าใช้รถส่วนตัวจะใช้เวลาเพียง 5 ชั่วโมง 13 นาที แต่เธอใช้ต้องเวลาไปกว่า 12 ชั่วโมงและใช้พลังมหาศาลในการเดินทาง 

    อีกด้านของปัญหาความแออัด

    ความแออัดที่เกิดขึ้นเป็นสิ่งที่พนักงานของบริษัทขนส่งแห่งหนึ่งในจังหวัดมหาสารคามรับรู้ปัญหาอย่างต่อเนื่อง 

    สมชาย (ขอสงวนนามสกุล) คนขับรถบัสวัย 45 ปี แสดงความเห็นว่า ความแออัดมักเกิดช่วงเทศกาล แต่บริษัทฯ ไม่เคยชี้แจงผ่านสื่อว่า จะแก้ไขปัญหาอย่างไรและมีมาตรการในการรับมืออย่างไรบ้าง 

    “เราจอดรับตามจุดนัดรับต่างๆ ตามสถานี ถ้าเป็นรถสายยาวจะมีการจอดรับเรื่อยๆ ตามสถานีต่างๆ ซึ่งจะมีจุดรับส่งตามที่บริษัทกำหนด” สมชายกล่าว พร้อมกับชี้ให้ดูตัวอย่างของรถสายยาว ซึ่งเป็นรถที่วิ่งระยะไกลที่กล่าวถึง

    เขาเล่าอีกว่า ช่วงวันหยุดเทศกาลมีหลายครั้งที่คนรอกลับบ้านเป็นจำนวนมาก แต่รถมีไม่เพียงพอ คนขับก็เห็นใจและสงสารจึงตัดสินใจรับผู้โดยสารเพื่อให้ทุกคนได้กลับบ้าน 

    “บางคนที่ไม่มีรถกลับเขาต้องนอนรออยู่ บขส.เลย พวกเขาคงหวังว่า จะมีคันที่พอเหลือที่นั่งให้กลับบ้านได้ จะดึกจะค่ำแค่ไหนก็หวังว่าจะมีที่ยืน”

    เขากล่าวขณะมองดูผู้โดยสารบางคนที่ผล็อยหลับขณะกำลังรอรถ ซึ่งขณะนั้นเป็นช่วงเวลาเพียงบ่ายสอง

    ผู้โดยสารนอนรอรถสาธารณะที่ บขส.

    การจัดการของผู้ประกอบการ

    แม้จะทราบดีว่า การรับผู้โดยสารที่หนาแน่นเกินไปมีข้อเสีย แต่ด้วยน้ำใจของคนไทยด้วยกันก็ทำให้เขาไม่สามารถปฏิเสธผู้โดยสารได้  

    “บริษัทฯ ได้รับแจ้งจากผู้โดยสารกรณีพนักงานขับรถรับคนเกินจำนวนที่นั่งจนเกิดปัญหาการอัดแน่น ต่อมาพนักงานขับรถคนนั้นก็ถูกลงโทษด้วยการปรับตามกฎของบริษัท แต่ไม่ได้เป็นข่าว เป็นการลงโทษภายในบริษัท ตามนโยบายของบริษัทนั้นๆ ซึ่งรายละเอียดผมก็ไม่ทราบ” คนขับรถเล่าเหตุการลงโทษที่เกิดขึ้นระหว่างพนักงานขับรถที่กระทำความผิด 

    เขายังกล่าวอีกว่า การแก้ไขปัญหาการรับผู้โดยสารเกินขึ้นอยู่กับบริษัทด้วย บางบริษัทติดกล้องวงจรปิดไว้บนรถเพื่อป้องกันการกระทำไม่บริสุทธิ์ของพนักงาน อีกทั้งยังเป็นการรักษาความปลอดภัยบนขนส่งอย่าง รถตู้ รถทัวร์ เป็นต้น  

    สมชาย ยังกล่าวอีกว่า บางกรณีบริษัทขนส่งไม่ติดตั้งกล้องไว้ก็ไม่ทราบปัญหานี้ นอกจากผู้โดยสารแจ้งมาเท่านั้น 

    ตามพระราชบัญญัติการขนส่งทางบก พ.ศ.2522 มาตรา 107 ระบุว่า การขนส่งประจําทางหรือการขนส่งไม่ประจําทางระหว่างจังหวัด ห้ามมิให้ผู้ได้รับใบอนุญาตเป็นผู้ขับรถรับบรรทุกผู้โดยสารเกินจํานวน (นั่งผู้โดยสารที่กำหนดไว้ในใบอนุญาต) ในกฎหมายก็มีบทลงโทษว่า หากผ่าฝืนมีโทษปรับไม่เกิน 5,000 บาท

    ผู้โดยสารต่างยืนรอสาธารณะที่ บขส.

    การแก้ไขปัญหารถสาธารณะถูกถกเถียงกันมาอย่างยาวนาน แต่ไม่ได้รับการแก้ไขปัญหาอย่างเป็นรูปธรรม ดร.สุเมธ องกิตติกุล ผู้เชี่ยวชาญด้านนโยบายการขนส่ง สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (TDRI) อธิบายถึงปัญหาระบบขนส่งมวลชนสาธารณในข้อ ‘ทิศทางการพัฒนาระบบขนส่งมวลชนที่ปลอดภัยเป็นธรรมระดับประเทศและภูมิภาค’ เมื่อเดือนมิถุนายน 2565 ว่า ระบบขนส่งสาธารณะควรมีพื้นฐานที่เหมาะสม คือ 1. มีเส้นทางเดินรถและเที่ยววิ่งที่เหมาะสม 2. เข้าถึงได้ง่าย และ 3. ราคาที่เหมาะสม ซึ่งรัฐจะต้องเป็นผู้อุดหนุน 

    “TDRI พบว่า สัดส่วนคนกรุงเทพฯ ที่ไม่มีการครอบครองรถส่วนบุคคลอยู่ที่ร้อยละ 30 ขณะที่สัดส่วนของคนขอนแก่นที่ไม่มีรถส่วนบุคคลอยู่ที่ร้อยละ 6 และอีกร้อยละ 94 มีรถส่วนบุคคล อย่างน้อย คือ รถจักรยานยนต์ 1 คัน แสดงว่าในต่างจังหวัดไม่มีทางเลือกสำหรับบริการขนส่งสาธารณะจึงจำเป็นต้องมีรถส่วนบุคคล หากไม่มีก็เดินทางไม่ได้” นักวิชาการ TDRI กล่าว  

    ขณะที่ พัชรางศุ์ ประพฤติธรรม ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านการขนส่งผู้โดยสาร กรมการขนส่งทางบก อธิบายว่า ขณะนี้ได้นำการพัฒนาอย่างยั่งยืนตามเป้าหมายขององค์กรสหประชาชาติมาปรับใช้เป็นแผนปฏิบัติตั้งแต่ปี 2566 – 2570 เพื่อให้บริการขนส่งสาธารณะครอบคลุม ปลอดภัย และยั่งยืน  

    “เราพยายามพัฒนาสถานีขนส่งผู้โดยสารเพื่อรองรับผู้คนด้วยการผลักดันเชิงนโยบายส่งไปที่แต่ละภูมิภาค ให้กำหนดสิ่งอำนวยความสะดวกภายในสถานีขนส่งผู้โดยสาร และขับเคลื่อนระบบขนส่งรถโดยสารสาธารณะอย่างต่อเนื่อง ทั้งในระดับประเทศ กทม.และภูมิภาค อีกทั้งจะพัฒนามาตรฐานการประกอบการขนส่ง และจะพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อสนับสนุนการดำเนินงานด้านการขนส่งมวลชน โดยพัฒนาระบบฐานข้อมูลให้สอดคล้องกับความต้องการของประชาชน” พัชรางศุ์ กล่าวในเวทีเสวนา  

    อย่างไรก็ตามสำหรับผู้โดยสารที่ต้องการร้องเรียนปัญหาที่เกิดขึ้นจากการบริการขนส่งสาธารณะสามารถทำได้หลายช่องทาง ทาง  Facebook: “1584 ร้องเรียนรถโดยสารสาธารณะ”  LINE: @1584DLT  เว็บไซต์ www.dlt.go.th หรือทางอีเมล e-mail : dlt_1584complain@hotmail.com และโทรศัพท์: 1584 

    เมื่อร้องเรียนแล้วกรมการขนส่งทางบกจะสืบข้อเท็จจริงตามที่มีผู้แจ้ง โดยเรียกตัวผู้ถูกร้องเรียนมารายงานตัวและสอบสวนจนได้ข้อยุติ จากนั้นผู้ร้องเรียนจะได้รับเงินส่วนแบ่ง ภายหลังจากที่ผู้กระทำความผิดได้ชำระค่าปรับตามที่เปรียบเทียบปรับแล้ว จะมีข้อความ SMS ส่งให้ผู้แจ้งทราบผลการดำเนินการและจะดำเนินการโอนเงินส่วนแบ่งค่าปรับภายใน 15 วันทำการ

    Related

    “ชาติพันธุ์ก็คือคน” ความฝันกะเบอะดิน

    เรื่อง: นลินี ค้ากำยาน ภาพ: ธันยชนก อินทะรังษี “เราเชื่อว่าถ้าชุมชนเข้มแข็ง มีความฝันร่วมกันและยืนยันเป็นเสียงเดียวกันว่าไม่เอาเหมือง เขาก็ไม่สามารถทำอะไรได้อยู่แล้วเพราะเขาไม่ใช่เจ้าของพื้นที่ เราโดนพูดอยู่เสมอว่าเราสู้เขาไม่ได้หรอก เขาเป็นคนใหญ่คนโต...

    ชุมชนริมทางรถไฟบุญร่มไทร กระจกสะท้อนความเลื่อมล้ำผ่านความเป็นเมือง

    เรื่องและภาพ: ธันยชนก อินทะรังษี ท่ามกลางตึกสูงตั้งตะหง่าน และความวุ่นวายในเมืองหลวง  การขยายตัวของเมืองและการพัฒนาเมือง ก่อให้เกิดประโยชน์ต่อเศรษฐกิจมากมาย แต่นั่นก็ตามมาซึ่งปัญหาทางด้านสังคมเช่นเดียวกัน โดยเฉพาะความเลื่อมล้ำทางรายได้ ความเป็นอยู่...

    อยู่-ระหว่าง-เหนือ-ล่าง: ทำไมผมต้องข้ามจังหวัด​เพื่อไปดูหนัง และจะเป็นไปได้ไหมที่ผมจะได้เห็นโรงหนังอิสระทั่วไทย

    เรื่อง: ปองภพ ดั่นสมานฉันท์ชัย รถยนต์​ก็​ยัง​ไม่มี​ รถเมล์ก็​มา​ไม่ถึง​ เป็นเนื้อเพลงท่อนหนึ่งจากเพลงสาวดอย 4x4 ที่ขับร้องโดยคาราบาว เล่าถึงความยากลำบากของชีวิตที่อยู่ห่างไกลความเจริญ ผ่านการไม่มีรถส่วนตัวและไม่มีขนส่งสาธารณะ​ที่เข้าถึงได้ง่าย...