ประวัติศาสตร์

ประเด็นปัญหาของการเสนอชื่อครูบาศรีวิชัยให้เป็นบุคคลสำคัญของโลก

เนื่องในวาระครบรอบ 150 ปี ชาตกาลครูบาศรีวิชัยซึ่งจะครบในปี พ.ศ. 2571 ทางมูลนิธิสถาบันครูบาเจ้าศรีวิชัย ได้ริเริ่มกระบวนการเสนอชื่อครูบาศรีวิชัยให้องค์กรยูเนสโกรับรองให้เป็นบุคคลสำคัญของโลก ซึ่งต้องเริ่มจากการจัดทำเอกสารที่แสดงถึงความโดดเด่นของครูบาศรีวิชัย ทั้งในระดับชาติและระดับนานาชาติ ซึ่งหลักฐานที่แสดงให้เห็นว่าครูบาฯ มีชื่อเสียงและได้รับการยอมรับจากประเทศอื่น ๆ นั้นถือเป็นประเด็นปัญหาใหญ่ที่สุดเนื่องจากไม่ได้เป็นประเด็นที่เคยหยิบยกขึ้นมาพิจารณาก่อนหน้า ในขณะที่ลักษณะพิเศษที่โดดเด่นของครูบาศรีวิชัยตามที่ผู้เขียนเข้าใจ ก็ไม่ชัดเจนว่าจะเป็นหลักฐานที่ทางยูเนสโกถือว่าเข้าเกณฑ์การพิจารณาได้หรือไม่ ผู้เขียนบรรยายลักษณะพิเศษที่โดดเด่นของครูบาศรีวิชัยในบทความนี้ ห้าประการที่สำคัญ ประการแรกได้แก่ การยืนหยัดแนวทางตามจารีตล้านนาดั้งเดิมที่แยกศาสนจักรออกจากอาณาจักร ประการที่สอง การธำรงรักษาแนวทางการปฏิบัติทางศาสนาตามจารีตประเพณีในท้องถิ่น ประการที่สาม การเป็นผู้นำในการบูรณะปฏิสังขรณ์ศาสนสถานตามที่ศรัทธาญาติโยมนิมนต์...

เวียงแก้ว : พระราชวังล้านนา คุกข่มดวงเมือง และมรดกโลกที่ยังมาไม่ถึง

*บทความนี้เป็นส่วนหนึ่งของวิทยานิพนธ์ เรื่อง การศึกษาเครือข่ายการประกอบสร้างความรู้ทางโบราณคดีภาควิชาสังคมวิทยาและมานุษยวิทยา คณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่  หลายคนอาจเคยสัญจรผ่านพื้นที่รกร้างขนาดใหญ่กลางเมืองเชียงใหม่ใกล้กับอนุสาวรีย์สามกษัตริย์  ด้านข้างของอำเภอเก่าแล้วนึกสงสัยว่าพื้นที่แห่งนี้คืออะไร เหตุใดยังไม่ถูกจับจองก่อสร้างเพื่อใช้ประโยชน์ สภาพปัจจุบันนั้นรกร้าง ถูกตีปิดด้วยสังกะสีทุกด้าน มองเห็นเพียงอาคารเก่า ๆ ที่มีหน้าต่างเป็นซี่ลูกกรง ประตูไม้หนา หนัก และหอสังเกตการณ์ที่ยังพอทำให้ทราบได้ว่าที่นี่เคยเป็นคุกมาก่อน ประวัติของพื้นที่นี้แต่เดิมเคยเป็นที่ตั้งของทัณฑสถานหญิงเชียงใหม่ ตั้งอยู่ในบริเวณที่เชื่อว่าเป็นที่ตั้งของคุ้มหลวงเวียงแก้ว พระราชวังของกษัตริย์ ล้านนาในอดีต เป็นพื้นที่แห่งประวัติศาสตร์ความสัมพันธ์ระหว่างล้านนา-สยามที่มีข้อครหาว่าสยามนั้น ‘สร้างคุก ข่มดวงเมือง’ จนมีผู้ออกมาเรียกร้องให้รื้อคุกแห่งนี้ออกเสียจากกลางเมืองเชียงใหม่   ความพยายามเปลี่ยนแปลงพื้นที่เวียงแก้วให้พ้นจากการเป็นคุกนั้นเริ่มตั้งแต่ปี พ.ศ....

ไกลศูนย์กลาง: ความอีหลักอีเหลื่อของมโนทัศน์ล้านนาไทยในบทเพลงของ ‘จรัล มโนเพ็ชร’

“เราวิพากษ์คนอื่นโดยหาคู่คัดแย้ง มันง่ายที่จะพูดถึง แต่เราวิพากษ์ตัวเองน้อยเกินไป...” ข้อความข้างบนนี้มาจากปาฐกถาในหัวข้อ “ล้านนาทะลุกรอบอาณานิคม” โดย รองศาสตราจารย์ ดร. วราภรณ์ เรืองศรี ภาควิชาประวัติศาสตร์ คณะมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ จากปาฐกถาในครั้งนี้ ทำให้ผมนึกถึงบุคคลสำคัญท่านหนึ่งที่มีบทบาทในการสร้างอัตลักษณ์ของความเป็นล้านนาผ่านบทเพลงที่เรียกกันติดปากว่าโฟร์คซองคำเมือง จะเป็นใครไปไม่ได้นอกจาก ‘จรัล มโนเพ็ชร’ บทความนี้จึงพยายามวิเคราะห์และตรวจสอบการสร้างอัตลักษณ์ในบทเพลงของเขา เนื่องจากคนที่เขียนถึงเขาในฐานะที่เขาเป็นผู้สร้างอัตลักษณ์ของความเป็นล้านนานั้นมีค่อนข้างมาก แต่การตรวจสอบความยอกย้อนย้อนแย้งของความเป็นล้านนาในบทเพลงของเขามีงานเขียนแทบจะนับนิ้วได้ งานชิ้นนี้จึงเป็นการทดลองเปิดประเด็นต่อการวิพากษ์ตนเองในเรื่องการสร้างอัตลักษณ์ล้านนาโดยใช้บทเพลงของจรัล มโนเพ็ชร สองบทเพลงคือ เพลงลูกข้าวนึ่ง และเพลงล้านนา...

หมุนเวียนมิใช่ทำลาย วิถีชีวิตคนอยู่กับป่า ที่คนเมืองมองว่าทำลาย

รายวิชาการสื่อสารเพื่อเสริมพลังทางสังคม คณะการสื่อสารมวลชน มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ในโครงการ ‘การศึกษาไร่หมุนเวียนในแง่มุมด้านวัฒนธรรม การจัดการทรัพยากรและสิ่งแวดล้อม เพื่อลดอคติเรื่องชาวเขาทำลายป่า‘ “ชาวเขาทำลายป่า” “เวลามีปัญหาอะไร คนอยู่กับป่าอย่างเรา ก็จะเป็นแพะรับบาปตลอด” วาทกรรมชาวเขาทำลายป่าเป็นวาทกรรมที่ถูกผลิตซ้ำมาอย่างยาวนานหลายทศวรรษและกดทับพวกเขาให้ตัวเล็กลงเรื่อย ๆ จนกลุ่มชาติพันธุ์มักถูกวางไว้ในบริบทจำเลยของสังคมว่าเป็นต้นเหตุสำคัญของมลพิษทางอากาศและป่าไม้ที่หายไปในภาคเหนือ วาทกรรมนี้เท็จจริงมากแค่ไหน? หรือเป็นเพียงอคติของสังคมต่อคนชายขอบอย่างกลุ่มชาติพันธุ์ โดยผู้สร้างวาทกรรมเองก็ไม่ได้มีความเข้าใจในพลวัตความสัมพันธ์ระหว่างเกษตรกับป่า... ก่อนฤดูฝุ่นจะมาเยือน เราได้มีโอกาสเดินทางไปพบ ตาแยะ ยอดฉัตรมิ่งบุญ หรือที่คนในชุมชน เรียกว่า 'พะตีตาแยะ' (พะตี ในภาษาปกาเกอะญอแปลว่า ลุง) ชาวปกาเกอะญอ วัย...

แม่แจ่มที่เพิ่งสร้าง: การเผยตัวของชุมชนแม่แจ่มในฐานะชุมชนทางวัฒนธรรม

บทนำ มรดกทางการเมืองหลังสงครามเย็น นอกจากแม่แจ่มจะเป็นพื้นที่สีชมพูในการจัดการของรัฐไทยต่อขบวนการพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทยแล้ว ยังเป็นพื้นที่ที่รัฐไทยเข้ามามีอำนาจในการจัดการทรัพยากรในแม่แจ่มด้วย ไม่ว่าจะเป็นโครงการพัฒนาลุ่มน้ำแม่แจ่ม การส่งเสริมการปลูกพืชเศรษฐกิจโดยโครงการของรัฐ การขยายระบบสาธารณูปโภคและเปิดโอกาสให้ระบอบทุนเข้ามามีบทบาทในการจัดการทรัพยากรด้วย ในห้วงเวลาใกล้เคียงกันคือราวปลายทศวรรษ 2530 ภายใต้บริบทวาระครบรอบเชียงใหม่ 700 ปี ภาคประชาสังคมในเชียงใหม่จึงหยิบยืมชุดความคิดเรื่องภูมิปัญญาท้องถิ่นมาผสานกับกระแสโลกาภิวัตน์หลังวิกฤตเศรษฐกิจ 2540 หรือเป็นที่รู้จักกันในเครือข่ายสืบสานล้านนา จนกระทั่งก่อตั้งโฮงเฮียนสืบสานภูมิปัญญาล้านนาขึ้น ภายใต้กิจกรรมภูมิปัญญาล้านนาของเครือข่ายโฮงเฮียนสืบสานภูมิปัญญาล้านนา กลุ่มนักพัฒนาเอกชนที่สนใจด้านภูมิปัญญาจัดกิจกรรม ผ่านการนำเอาชุดข้อมูล ความรู้ และพ่อครูแม่ครู จากแม่แจ่มเข้าไปเป็นวิทยากร แม้จะกิจกรรมทั้งหมดจะไม่ได้มีพ่อครูแม่ครูจากแม่แจ่มเพียงพื้นที่เดียว แต่ปฏิบัติการนี้ก็ถือได้ว่าเป็นการเผยตัวของแม่แจ่มในฐานะพื้นที่ทางวัฒนธรรม โดยเฉพาะการทำให้เห็นภาพแม่แจ่มในทางสุนทรียะล้านนาตะวันตก...